3 มิถุนายน 2550 10:49 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ข้าไม่ใช่ขอทานเหมือนท่านกล่าว
แม้นอนหนาวซุกกายอยู่ใต้ถุน
มีเสียงเพลงร้องตอบแทนขอบคุณ
ที่อุดหนุนเศษตังค์ประทังกาย
ทุ่งสวรรค์เจิ่งนองด้วยน้ำฝน
ที่อดทนรอชะอย่างกระหาย
พันธุ์พฤกษ์ลืมตาตื่นจากพื้นทราย
แล้วก่อกายรากงอกดอกดกชุม
ทุ่งดอกไม้แปลงกลายจากทรายแล้ง
ลานดอกแดงล้อลมเหมือนพรมนุ่ม
เมื่อหมดฝนต้นตายให้ทรายคลุม
มรสุมปีหน้าอาจมาไว
เพราะเสียงเพลงร้องเวียนเหมือนเขียนภาพ
เขาอยากทราบทุ่งสวรรค์นั้นอยู่ไหน
เพราะดวงตาข้าไม่เคยเห็นอะไร
ให้ตอบว่าที่ไหนข้าไม่รู้
31 พฤษภาคม 2550 00:43 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
หรือเพราะถูกคุกคามด้วยความหนาว
ภาพรวงข้าวลู่ล้มล้อลมผ่าน
จึงหอมกลิ่นในจินตนาการ
คิดถึงบ้านใช่ไหม..หัวใจเรา
จดหมายนี้ตั้งใจเขียนให้พ่อ
ลูกยังรอวันกลับไปกราบเท้า
ภาพเหงื่อพ่อไหลปรี่ผมสีเทา
เป็นภาพเหงาจับจิตยังติดตา
ไม่เคยลืมยังจำถ้อยคำพ่อ
ที่เคยขอในวันเข้าพรรษา
วันใดลูกพร้อมสรรพจงกลับมา
บรรพชาให้พ่อผู้รอคอย
เงินที่ลูกเก็บหอมฝากออมทรัพย์
พ่อจงรับเก็บไว้เผื่อใช้สอย
แม้รายได้น้อยนิดกะปริดกะปรอย
แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าปีกลาย
จำได้ไหมเด็กจ๋องสมองทื่อ
เรียนหนังสือซ้ำชั้นเหมือนฝันร้าย
พ่อเคยหวังตั้งเป้าเป็นเจ้านาย
กลับมลายมืดมัวเหมือนตัวเล็น
เหมือนเขาว่ายน้ำหลงเข้าดงหนาม
พ่อต้องตามชี้จุดให้บุตรเห็น
ปลาที่ทวนน้ำมาคือปลาเป็น
น้ำที่เย็นย่อมฆ่าให้ปลาตาย
ร้อยความรู้เรียนกันได้ทันหมด
แต่คนอดทนที่สุดถึงจุดหมาย
เมื่อเผชิญภยันอันตราย
หากใจพ่ายจะพังพลังตน
บางเวทีชีวิตไร้สิทธิ์เลือก
หลังพิงเชือกเหงื่อชุ่มทุกขุมขน
ถ้าเหนื่อยจนถึงจุดที่สุดทน
จะข้ามพ้นขีดจำกัดต้องกัดฟัน
เขาได้เรียนรู้เหงาและเศร้าโศก
เรียนรู้โลกขัดแย้งและแข่งขัน
มิใช่โลกแห่งรักรู้จักปัน
ไฟความฝันถึงกับแทบดับลง
มีภาพพ่อคล้องคอไม่ขอแพ้
แม้ร่างแผ่พับยุ่ยเป็นผุยผง
คนที่พ่อหมดหวังจนนั่งปลง
เขายืนทรงกายหยัดแล้วบัดนี้
เป็นเจ้าคนนายคนเพราะคำพ่อ
ไม่เคยท้อรู้จักรักศักดิ์ศรี
ไม่หวังให้ใครตามเห็นความดี
และไม่มีวันปลื้มจนลืมรัง
จะเยาะเย้ยหยามใครใช่ธุระ
แม้ชนะคำคนแต่หนหลัง
สิ่งที่ลูกกระทำสุดกำลัง
แค่คาดหวังว่าพ่อจะภูมิใจ
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
21 กรกฎาคม 2557 20:51 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
๑.ข้าวมธุปายาสในถาดไม้
ระเหยไอรวยรินส่งกลิ่นหอม
แม้เสื้อผ้าผู้คนจะหม่นมอม
แต่ใจพร้อมสำหรับสดับธรรม
๒.น้ำนมโคข้นขาวต้มข้าวสุก
เคล้าและคลุกผสานจนหวานฉ่ำ
แม่โคเอ๋ยฟังข้าสักคราคำ
ข้าจะนำใส่บาตรพระศาสดา
๓.เพราะพระองค์จะกลับจากโปรดสัตว์
จะนิวัติจากสวรรค์บนชั้นฟ้า
หลังแสดงธรรมประทานพระมารดา
อนุโมทนาเถิดแม่โค
๔.ฟ้าเริ่มรุ่งลมเย็นพอเห็นแสง
เห็นสีแดงบานคลี่ของยี่โถ
ดวงตะวันโผล่พ้นจากต้นโพธิ์
เผยดวงโตรัศมีเป็นสีทอง
๕.จากดวงจิตข้าพเจ้าผู้เน่าเหม็น
แม้จะเป็นดอกบัวอันมัวหมอง
รอต้องแสงสุริยาฟ้าลำยอง
กลีบจะผ่องส่งผลให้พ้นน้ำ
๖.แล้วถือถาดเดินเท้าแต่เช้าตรู่
สองเท้ารู้สภาวะขณะย่ำ
เท้าที่เหยียบฝุ่นเถ้าย่อมเท้าดำ
เป็นปริศนาธรรมให้คำนึง
๗.มิเคยพบองค์พระสมณะ
ยินธรรมะจากมิตรเพียงนิดหนึ่ง
ขอองค์พระผู้ก้าวจากดาวดึงส์
โปรดสัตว์ซึ่งรุ่มร้อนด้วยฟอนไฟ
๘.บางครั้งจิตจำรัสสงัดนิ่ง
ก็สุขยิ่งเกินกว่าจะปราศรัย
บางครั้งจิตขุ่นหยาบด้วยคราบไคล
ก็ทุกข์ใจรวดร้าวเกินกล่าวคำ
๙.สังกัสสะ..นคราแห่งป่าปรก
อุบาสกอุบาสิกาจึงคลาคล่ำ
ด้วยปรารภถึงผลกุศลกรรม
อุปถัมภ์พระศาสนาพุทธ
๑๐.จึงกลิ่นหอมกำจายมารายล้อม
เป็นกลิ่นหอมของศีลบริสุทธิ์
มีปัญญาอันมุ่งหมายวิมุตติ
เป็นมนุษย์ผู้หน่ายในว่ายเวียน
๑๑.เกิดกับชาวแคว้นนับแสนหมื่น
ความแช่มชื่นแม้อับทั้งทรัพย์เหรียญ
แต่จิตที่ถึงพร้อมด้วยความเพียร
ดุจเปลวเทียนแสงสุกอันลุกโชน
๑๒.ทว่าจิตกลับเย็นและเป็นสุข
จึงจางทุกข์ขุ่นมัวจากหัวโขน
จากดวงจิตรุ่มร้อนก็อ่อนโยน
จากเพลิงโพลนเคยเผาก็เบาบาง
๑๓.ฉับพลัน!..ฟ้าก็จ้าใส
เกิดบันไดเงินและทองขึ้นสองข้าง
บันไดแก้วทอดลงมาตรงกลาง
ทวยเทพย่างจากสรรค์สองบันได
๑๔.ประนมหัตถ์สาธุการล้นลานฟ้า
เทพธิดาปรายมือโปรยดอกไม้
ปรากฏแสงดั่งแก้วเจียรไน
พระจอมไตรสรรเพชญเสด็จแล้ว
๑๕.ฉัพพรรณรังสีใสสว่าง
พระเสด็จมากลางบันไดแก้ว
ทั้งพรหมอินทร์ปิ่นฟ้าชฎาแวว
สองทิวแถวประณตน้อมขึ้นพร้อมพลัน
๑๖.เมื่อหัตถาพระพุทธองค์ได้ทรงโบก
ทรงเปิดโลกให้เห็นสรวงสวรรค์
แล้วทรงโบกหัตถาอีกคราครัน
เปิดนรกโลกันตร์ในทันใด
๑๗.ทั้งสามโลกจึงเห็นกันเด่นชัด
ท่ามเสียงสัตว์นรกผู้หมกไหม้
ไฟนรกร้อนฉ่าก็ราไฟ
สัตว์ก้มไหว้พระโลกเชษฐ์น่าเวทนา
๑๘.ข้าพเจ้าจึงรู้ว่ามนุษย์
อยู่ในจุดเลือกไปจะซ้ายขวา
เห็นสัจจริงในธรรมพระสัมมา
เมื่อเห็นโลกเบื้องหน้าด้วยตาเนื้อ
๑๙.แหละดูซิ!..แสงม่านรัศมี
ฉัพพรรณรังสีอันเหลือเชื่อ
แต่เย็นกว่าน้ำค้างอันจางเจือ
ข่มแสงเรื่อนางฟ้า เทวา พรหม
๒๐.เมื่อเสด็จทรงยืน ณ พื้นราบ
ก็เลือนภาพสวรรค์อันสวยสม
ภาพนรกหายวับไปกับลม
เทพบังคมกราบไหว้ก่อนกายจาง
๒๑.สงฆ์สาวกอรหันต์นับพันหมื่น
ต่างมายืนต่อแถวเป็นแนวหาง
มีพระผู้ทรางธรรมทรงนำทาง
ดำเนินย่างโปรดสัตว์ ณ บัดนั้น
๒๒.ข้าวมธุปายาสในถาดไม้
ถวายให้พระองค์ดำรงขันธ์
ทั้งสงฆ์ติดตามพระภควันต์
จะได้ฉันข้าวหอมโดยพร้อมเพรียง
๒๓.สาธุชนล้นเหลือทั้งเครือญาติ
ร่วมตักบาตรพระและสำรวมเสียง
มีข้าวตอกดอกไม้มารายเรียง
อีกเครื่องเคียงคาวหวานในพานรอง
๒๔.เป็นปิติแห่งจิตข้าพเจ้า
ผู้ต่างเหย้าต่างเรือนและเพื่อนพ้อง
เกิดความสุขสงบใสหัวใจพอง
ต่างพิศจ้องแต่ภาพพระมุนินทร์
๒๕.ทรงสร้างบุญอธิษฐานมานานนับ
กี่แสนกัป?..พระผู้ทรงกสิณ
ข้าพเจ้าและประชาผู้ราคิน
เปื้อนเปรอะดินธุลีมากี่กัลป์
๒๖.การใส่บาตรพระศาสดาในครานี้
มิหมายมีบุญได้ไอศวรรย์
ต่างมิหมายโภคทรัพย์นับอนันต์
ที่หมายนั้นสูงสุดคือพุทธภูมิ.
๒๕ เมษายน ๒๕๕๕
26 พฤษภาคม 2550 08:14 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
เขาห่อกายสั่นผวาเพราะว่าหนาว
ได้กินข้าวแห้งจนติดก้นหม้อ
มิใช้อ้างต่อให้ร้องไห้คลอ
มิใช่ข้ออ้างคำเพื่อทำเลว
ตาจึงกล้าหัวใจจึงไม่แพ้
ไม่แยแสแม้ทนอยู่ก้นเหว
ถูกกัดกร่อนแค่ไหนด้วยไฟเปลว
จะล้มเหลวกี่ครั้งก็ยังไป
ผิดคือครูไม่พร้อมจะยอมก้ม
ต่อให้ล้มร่างกายจะตายไหม
ความเหนื่อยล้าอย่าหมายทำร้ายใจ
อย่าร้องให้ใครเห็นต้องเร้นมัน
สิ่งไม่รู้ ฝึกซ้ำจนทำได้
แม้ว่าใครเคยพบแล้วขบขัน
ครั้นสำเร็จจึงค้นจึงคว้ากัน
ว่าฝ่าฟันก่อร่างมาอย่างไร
บัดนี้เขาเหยียบชะตาด้วยฝ่าเท้า
มีเรื่องเล่าหลายหลากมาฝากไว้
สูงที่สุดจุดนี้ไม่มีใคร
ถอนหายใจถึงคราวหนาวอีกครั้ง
14 พฤษภาคม 2550 17:53 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
วันนี้หนูมีปากกามาเร่ขาย
เป็นรูปลายตุ๊กตามีห้าสี
ช่วยซื้อหน่อยได้ไหมพี่ใจดี
เพราะวันนี้ขายไปได้ด้ามเดียว
หนูหิวจนแสบท้องแทบร้องไห้
ยกมือไหว้พี่จ๋าอย่าตาเขียว
ให้พี่ดูปากกานาทีเดียว
แค่เงินเสี้ยวเงินเศษโปรดเมตตา
หากพี่สาวคนสวยช่วยอุดหนุน
หนูจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา
เพราะวันเปิดเทอมใหม่ใกล้เข้ามา
ค่าเสื้อผ้าแม่ยังหาไม่พอ
หนูไม่คิดอยากได้อะไรใหม่
สงสารแม่จับใจเมื่อไร้พ่อ
หนังสือเก่าชุดเก่าสีมอซอ
เงินซื้อพอแค่นี้ก็ดีใจ
ไม่เคยคิดแต่งสวยเหมือนพี่สาว
แค่มีข้าวกินอิ่มก็ยิ้มได้
แม่สอนหนูทุกคำประจำใจ
รู้จักให้..อดทน..เป็นคนดี