15 พฤศจิกายน 2555 12:30 น.
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์
ใกล้ต่ำวันเสาร์ที่ 10 ช่างปลอดโปร่งอะไรเช่นนี้ไม่มีนัด ไม่มีรายการเสวนาในโปรแกรมชีวิต เข้ามาที่ร้านอาหารเจ้าประจำกำลังจะสั่งอาหารอ่อน ๆ
ประเภทข้าวต้มเครื่องหรือไม่ก็ออส่วน ให้หนักท้องประมาณว่านอนให้อิ่มสักคืน
บรรดาเพื่อนคอเดียวสงสัยจะไปทอดกฐินกันหมดลืมเราเสียแล้ว
ยังไม่ทันสั่งอาหารอะไรเสียงเรียกโทรเข้ารับจึงรู้ว่าเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งนาน ๆเจอกันทีโทรมาขอความช่วยเหลือ อิอิ แค่นี้เราก็รู้แล้วว่าให้ไปช่วยเปิดขวด ไม่ได้อิดออดโยกเยก เดี๋ยวเดียวก็มาถึงบ้านหลังใหญ่เนื้อที่เป็นไร่แต่อยู่คนเดียวมานานแล้วเพราะปลูกบ้านเตรียมแต่งงาน ว่าที่เจ้าสาวดันไปมีผัวซะก่อนแถมเชิดเงินที่เขาไว้ใจให้เก็บรวบรวมเป็นทุนไปซะด้วยหมดไปหลายล้านเลยกลายเป็นกัปตันเรือเดินทะเลแก่ๆสี่สิบกว่าล่องลอยไปเหมือนพวงมาลัย เราก็เหมือนเพื่อนที่ถูกใจถูกคอเวลาว่างก็จะได้พบกันอย่างวันนี้ พอไปถึงก็ส่งขวดให้ช่วยเปิดทันที เป็น Johnnie Walker Pure Malt Extra Special 15 year old ขวดลิตรกล่องเก่าคร่ำคร่าคงจะเก็บไว้นานเกินสิบปีแน่ น่าจะหิ้วมาจากมาเลเซียเพราะบริษัทนำเข้าอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์
กลิ่นของ malt ช่างหอมชื่นชวนซะจริงเจียว เราลิ้มละเลียดกันเพียว ๆ อย่างสุขสมก่อนผสมน้ำแข็งโซดา นึกถึงยาแก้ปวดและเพื่อนพ้องของเธอ ซึ่งเคยบอกว่าชอบบรรยากาศของการดื่มสุรามากกว่าสุราถ้ามาอยู่ด้วยคงอดที่จะร่วมชิมไม่ได้แน่ พูดคุยสร้างบรรยากาศไม่ทันไรมีแขกมาบ้านสนทนาธุระกับพี่เขาเดี๋ยวเดียวเลยชวนกันมาร่วมวง เป็นคนสูงอายุที่ยังแข็งแรงเกษียรราชการมานานแล้วจากการเสวนากันจึงได้ทราบว่าเป็นข้าราชการกรมบัญชีกลางแล้วย้ายออกไปต่างจังหวัดเริ่มตั้งแต่ผู้ช่วยคลังหลายจังหวัดจนเป็นคลังจังหวัดอีกหลายจังหวัดก่อนเกษียรเป็นถึงท่านคลังเขต ทางภาคอิสานคอแข็งพอสมควรท่านไม่ทิ้งหลักการทุกอย่างแม้แต่การคุยแต่ก็มีมุขตลกขบขันมาโต้กับเราไม่เบาเหมือนกันจนเริ่มขวดที่สองเหล้าชนิดเดียวกันท่านคลังเขตจึงได้ลากลับไปเมื่อใกล้จะสองยาม
พี่เค้าบอกว่าวันนี้กับแกล้มมีน้อยไม่ได้เตรียมอะไรไว้กินจึงชวนกันไปต่อข้างนอกดีกว่าดึกแล้วเด็กแว๊นซ์มีมากเอารถยนต์เก็บไว้เรียบร้อยแล้วพากันนั่งแท๊กซี่พักเดียวก็มาถึงร้านข้าวต้มหน้าวัดบวร เจ้าเก่ากินตาม ๆ กันมาตั้งแต่รุ่นไหนไม่รู้ ไม่ได้เอาเหล้าที่เหลือเกือบครึ่งขวดมาด้วย ก็เลยสั่งเบียร์มาดื่มระหว่างรอกับข้าวอีกซะคนละขวด กว่าจะอิ่มข้าวต้มก็ตกเข้าไปตีสองเข้าไปแล้วพี่เค้าเกิดนึกขึ้นได้ว่านัดกับผู้หลักผู้ใหญ่ไว้เรื่องไปทอดกฐินวันอาทิตย์ที่ 11 เลยพากันนั่งแท๊กซี่ไปบ้านหลังหนึ่งในซอยระนอง พอไปถึงเค้าก็กำลังตระเตรียมรถตู้คันใหญ่
ประมาณ 12 - 13 ที่นั่ง มีสี่แถว ๆละ สามคนยังไม่มีใครมาขึ้นรถคงตระเตรียมกันอยู่พี่เค้าบอกว่าไปเที่ยวทอดกฐินกันดีกว่าเนาะวันเดียวเท่านั้น อารามที่กำลังเมาด้วยกันอยู่ก็เอาก็เอา ขึ้นรถไปนั่งท้ายสุดมีสามที่นั่งแต่เรานั่งกันสองคนไม่อึดอัดมากนักนั่งรอยังไม่มีใครขึ้นมา
รอไปรอมารู้ตัวอีกทีรถมาจอดหน้าร้านขายข้าวแกงมีหม้ออลูมิเนียมขัดขาวเรียงเป็นตับตะวันแจ้งเจ็ดโมงเข้าไปแล้วหลับไปยังไงไม่รู้พอลงมาถึงได้รู้ว่าอยู่ที่ท่าแซะ จ.ชุมพรร้านอาหารครัวเมืองคอนคนที่ไปด้วยเป็นคนเฒ่าคนแก่ลูกหลานเป็นเด็กเล็กหลายคนทำความเคารพทักทายกันแล้วต่างก็สั่งอาหารกินส่วนมากจะเผ็ดแต่อร่อย ขนมจีนน้ำยา แกงเขียวหวานไก่ ผัดเผ็ดกบ ข้าวยำ ฯ เด็ก ๆ มีแกงจืดเต้าหู้ กินแล้วรีบขึ้นรถไปต่อถึงได้รู้ว่าจะไปทอดกฐินที่ระนองเป็นกฐินสามัคคีสายนี้มีแต่ซองใส่เงินไม่มีเครื่องกฐินอะไรก็เลยผสมทำบุญไปด้วยตามสมควร
พี่เค้าบอกว่าชุดนี้เป็นญาติทางแม่ รวมทั้งคันมากันก็สิบคนเราก็เลยเล่านิทานหลอกเด็กเป็นที่ครื้นเครงนิทานเดอร์ตี้โจ๊กไม่กล้าเล่ากลัวคนแก่ฟังไม่ได้
สักสิบโมงรถมาถึงหน้าวัดจังหวัดระนองโธ่เอ๋ยอยู่ตรงบ่อน้ำพุร้อนนั่นเอง
ชาวบ้านเรียกวัดบ่อน้ำร้อน แต่ชื่อจริง ๆว่า วัดตโปทาราม ผู้คนแน่นขนัดเป็นกฐินสามัคคีมากันหลายต่อหลายทิศทางพี่เค้าคงมีพื้นเพเดิมอยู่ระนอง ญาติผู้ใหญ่เขาเจอกันดีอกดีใจได้มาทำบุญร่วมกันใกล้เวลาเลี้ยงเพลเค้าก็พากันขึ้นไปเลี้ยงพระกันแล้วก็คงกินอาหารตามธรรมเนียมกว่าจะทอดกฐินตามพิธีก็คงบ่ายเราจึงเลี่ยงลงมาดูสภาพพื้นที่แม้เคยมาหลายครั้งวแต่ก็ได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปเยอะแยะจนจำไม่ได้
รักษะวาริน ตามชื่อเรื่อง แปลว่าการรักษาโรคด้วยน้ำ เป็นชื่อสวนสาธารณะ รักษะวาริน สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตั้งชื่อไว้เมื่อเสด็จประพาส พศ. 2510 บ่อน้ำร้อนมี 3 บ่อ ชื่อบ่อพ่อใหญ่ที่สุด รองไปก็ บ่อแม่ และ บ่อลูกสาว บ่อพ่อมีน้ำแร่ร้อนไหลรินตลอดเวลามีไอร้อนขึ้นโขมงตลอดเวลา
ข้าง ๆนั้นจึงมีบริการเป็นอ่างใหญ่อาบน้ำร้อน ค่าบริการท่านละ 40 บาททั้งหญิงชายลงอาบร่วมกันต้องนุ่งห่มมิดชิดไม่เหมือนญี่ปุ่น เพราะเป็นที่โล่งแจ้งคนใช้บริการล้นหลาม ความร้อนประมาณ 65 องศาเซลเซียสว่ากันว่ารักษาโรคได้หลายชนิด
เช่น โรคไขข้อกระดูก ขยายหลอดเลือด บำรุงผิวพรรณ โรงแรม และสถานบริการใกล้เคียงหลายแห่งต่อน้ำแร่ร้อนนี้ไปให้บริการลูกค้าด้วย
ใกล้ ๆ นั้นมาลานสุขภาพ ให้บริการประชาชนฟรี เทศบาลคงจะจัดทำเพื่อความสุขของประชาชน เป็นลานซีเมนต์มีหลังคาและรั้วกัน เขาตีเส้นแบ่งช่องไว้ให้คนเข้าไปนอนเรียงกันได้เป็นจำนวนมากใต้ลานซีเมนต์เขาเอาไอร้อนจากบ่อน้ำร้อนผ่านเครื่องควบคุม พ่นแผ่กระจายใต้ลานซีเมนต์ ทำให้ลานซีเมนต์นั้นร้อน นอนเพื่อผ่อนคลายรักษาโรคต่าง ๆมีคำแนะนำให้ไม่ควรนอนเกิน 30 นาทีอาจจะทำให้วิงเวียนได้ เราได้ลองนอนดูรู้สึกว่าแรก ๆร้อนจนทนไม่ไหว กระทะทองแดง ตกลงไปแล้วเป็นยังไงก็ได้รู้ซึ้งคราวนี้ แต่พอนอน ๆไปสักพักก็รู้สึกสบายดีลุกบ้างนอนบ้างทำให้รู้สึกดีมาก ๆ
ใกล้ ๆบ่อน้ำร้อนมีลำห้วยกว้างมีน้ำไหลผ่านตลอดเวลาแต่น้ำที่ไหลกลับเป็นสีขาวขุ่นข้น มีสะพานขึงด้วยลวดสลิงกว้างประมาณเมตรกว่าพาดด้วยไม้กระดานถึงสองสะพาน สามารถเดินข้ามไปเที่ยวสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามได้ นั่งบนสพานขึงมองไปตามลำห้วยเห็นก้อนหินระเกะระกะสุดลูกตาน้ำสีขาวขุ่นไหลมาตามซอกหินด้านเหนือขึ้นไปประมาณ 8 กมเป็นตำบลหาดส้มแป้น เป็นเหมืองเก่าของชาวจีนโบราณ เดิมเรียกว่า ห้วยซานเปียน หรือ ห้วยซัมเปานานเข้าเพี้ยนมาเป็นหาดส้มแป้น อยู่ท่ามกลางขุนเขาโอบล้อมด้วยขุนเขานมสาวมีแหล่งดินขาวมากมายเป็นสาเหตุให้น้ำไหลละลายเอาดินขาวไหลมาขุ่นข้นถึงด้านล่าง
สักสองโมงเราย้อนกลับไปบนศาลาและเมื่อได้ยินเสียงพระสวด"อันว่าผ้ากฐินเป็นของบริสุทธิ์ดุจเลื่อนลอยมาบนนภากาศ ตกลงท่ามกลางระหว่างสงฆ์"
เท่านี้เราก็รู้แล้วว่าพิธีกำลังจะเสร็จสิ้นลงแล้วไม่นานนักก็กรวดน้ำรับพรจากพระ เสร็จแล้วรวบรวมไพร่พลที่ไปด้วยกันเตรียมตัวกลับเราอยู่ไกลต้องรีบกลับ
ผู้ใหญ่เขาร่ำลากันแล้วพากันจูงลูกหลานขึ้นรถมีญาติมาลาส่งกันบ้างนิดหน่อยแล้วรถของเราก็ออกมุ่งกลับบ้าน
หลับ ๆตื่น ๆมาถึงประจวบแวะเข้าไปทางด่านสิงขรกินอาหารเย็นกันที่ร้านผู้ใหญ่ฉอ้อน เนื้อกวางผัดเผ็ด กบทอดกระเทียมพริกไทย แกงป่าไก่บ้าน
เด็ก ๆกินได้แต่ไข่เจียวน่าสงสารจริงเราจะสั่งเบียร์ก็เกรงใจผู้ใหญ่ก็เลยกินโค๊กแทนอิอิ ทีแรกว่าจะไปเที่ยวด่านสิงขรแต่ทางร้านเขาบอกว่าไม่มีอะไรด่านปิดข้ามไปไม่ได้ มีแต่กล้วยไม้ โต๊ะเก้าอี้ พลอย ไข่มุกปลอม ๆ เราก็เลยไม่ไปไม่มีคนไปเที่ยว กลับออกมามุ่งกลับกรุงเทพฯ มืดกลางทางแวะซื้อของฝากแถวเพชรบุรีบ้างเล็กน้อยมาถึงบ้านญาติผู้ใหญ่ก็ใกล้สองยามเข้าไปแล้ว คืนนี้ต่างคนก็ไปนอนบ้านของตัวทริปนี้ก็จบลงแต่เพียงนี้
19 ตุลาคม 2555 21:40 น.
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์
เรื่องราวบานปลายในสังคมออนไลน์ของประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับการโพสต์รูปของนักข่าว คือคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชยว่าไม่เหมาะสมเกี่ยวกับรูปของสมเด็จนโรดมสีหนุ ซึ่ง ทีวี ช่อง 3ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่ได้กระทำการหมิ่นแต่ภาพที่ถ่ายมุมกล้องอาจจะทำให้เห็นว่าไม่เหมาะสมไม่มีเจตนา
ที่สถานทูตกัมพูชา ประเทศไทย น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้นำพานพุ่ม กราบขออภัยโทษ กับเหตุการณ์ ที่มีภาพเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต
น.ส.ฐปณีย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่มีเจตนาจะลบหลู่หรือแสดงความไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพรักของประชาชนกัมพูชา เพราะขณะนั้นอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ จึงได้สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆวางไว้ที่พื้น รวมทั้งพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ ห่างจากตนพอสมควร แต่ภาพที่นำมาลงถ่ายจากมุมด้านข้าง ทำให้ดูไม่เหมาะสม
ซึ่งหลังจากทราบข่าวเมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค. จึงได้รีบเดินทางไปกราบขอพระราชทานอภัยโทษ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ที่หน้าพระราชวังจตุรมุขมงคล และตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย เช้าวันที่ 17 ต.ค. 55 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธืของสองประเทศ และได้แสดงความเสียใจพร้อมขออภัยต่อพี่น้องชาวกัมพูชา ที่ทำให้เกิดความรู้สึกกระกระเทือนใจในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
รัฐบาลกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์เรื่องที่เกิดขึ้น
แถลงการณ์กองการข่าวและโต้ตอบเร็ว
เมื่อวันที่ 16 และ 17 ต.ค. 55 หลังจากมีการเผยแพร่รูปภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่เคารพรักของประชาชนกัมพูชาใต้เท้าของผู้สื่อข่าวประจำสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทย น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย และที่กลุ่มผู้ไม่หวังดี (อคติ) และกลุ่มที่ชอบสร้างกระแสบางกลุ่มได้โพสต์รูปตามเว็บไซต์สังคมออนไลน์ Facebook ซึ่งแสดงเกินความเป็นจริง อันอาจทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด ดังนั้น โฆษกกองการข่าวและโต้ตอบเร็วขอกราบเรียนสาธารณชนให้ทราบ ดังนี้
1.ตามแหล่งข่าวความเป็นจริง ทราบว่าในความเป็นจริงผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้ขอยืมหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับจากผู้สื่อข่าวชาวกัมพูชาเพื่อนำไปศึกษาเกี่ยวกับชีวประวัติของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวไทยคนดังกล่าวได้เริ่มต้นรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปของพระราชพิธีฯ ในขณะนั้น ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับสมุดบันทึกและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนบนพื้นเพื่อทำการรายงานข่าว หลังจากนั้น ในช่วงกลางวันได้มีข่าวรูปพระบรมฉายาลักษณ์ปรากฏใต้เท้าของผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเผยแพร่ทาง Facebook
หลังจากที่ได้รับข่าวที่เผยแพร่ทาง Facebook นี้ ที่อาจกระทบจิตใจประชาชนกัมพูชาและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น รวมทั้งโดยกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศ ผู้สื่อข่าวไทยคนดังกล่าวมีความกังวลและหวาดกลัวอย่างมาก และได้เดินทางไปกราบขอพระราชทานอภัยโทษต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ที่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวังโดยทันที
2.เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 55 เมื่อเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวไทย (คนดังกล่าว) น.ส. ฐปณีย์ เอียดศรีไชย และนายมงคล เจริญ รองผู้อำนวยการ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ของไทย ได้เดินทางไปคุกเข่ากราบขอพระราชทานอภัยโทษและขอโทษต่อประชาชนกัมพูชาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ณ สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำกรุงเทพฯ
3.ในวันเดียวกันนั้น สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงความเป็นจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่ามิได้มีเจตนาที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือแสดงความไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพรักของประชาชนกัมพูชา เพราะ ณ ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวพระราชพิธีพระบรมศพที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวต้องวางสัมภาระส่วนตัวต่างๆ โดยมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ สมุดบันทึก และหนังสือพิมพ์ที่มีพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่ตีพิมพ์หลังจากที่เสด็จสวรรคต และวางบนพื้นโดยไม่เจตนา ซึ่งได้วางห่างจากตัวพอสมควร แต่รูปภาพที่มีการเผยแพร่ทาง Facebook เป็นภาพที่ถ่ายจากด้านข้างเยื้องมาทางด้านหลัง ทำให้ดูเหมือนของทั้งหมดอยู่ใกล้กับเท้า
อย่างไรก็ดี ทั้งผู้สื่อข่าว น.ส.ฐปณีย์ฯ และผู้แทนสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทย ได้แสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และได้ทำการขออภัยโทษต่อรัฐบาลและประชาชนกัมพูชา และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสอง
เกี่ยวกับปัญหาที่อ่อนไหวนี้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 55 ฯพณฯ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้โทรศัพท์ถึงสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงความเสียใจต่ออุบัติเหตุที่มิได้เกิดจากความตั้งใจนี้ และผู้นำของประเทศทั้งสองได้ทำความเข้าใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 ต.ค. ดังกล่าว
โฆษกกองการข่าวและโต้ตอบเร็วของสำนักนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนกัมพูชาที่อยู่ในช่วงเศร้าเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนโรดมสีหนุฯ จะมีความเข้าใจต่อเหตุการณ์ความเป็นจริง และหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดจากการยุยงส่งเสริมของผู้ไม่ประสงค์ดี (ผู้มีอคติ) ที่ประสงค์จะสร้างความไม่สงบในสังคม และสร้างความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ตลอดจนการสร้างความเป็นศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองของคนบางกลุ่ม เพื่อหลอกลวงความเห็นของสาธารณชนและทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนและรัฐบาลของกัมพูชาและไทย
ราชธานีพนมเปญ
18 ตุลาคม 2555
ซึ่งประชาชนคนไทยก็หวังเป็นอย่างยิ่งให้เรื่องราวทั้งหลายจบลงด้วยความเข้าใจอันดีต่อกันตลอดไป สำหรับ นส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ประชาชนไทยเชื่ออย่างเต็มที่ว่าไม่ได้มีเจตนา ก็สมควรจะได้รับการอภัย แต่สำหรับผู้ที่ทำการมิชอบถูกชั้มูลว่ามีความผิดขาติเสียหายถึง 138 ล้านนั้นถูกเพื่อนร่วมวิชาชีพรังเกียจและไม่น่าจะให้อภัย ไม่สมควรให้มีที่ยืนดังคำของผู้หลักผู้ใหญ่บางคนกล่าวไว้ว่าต้องเบียดไม่ให้คนไม่ดีมีที่ยืนอีกต่อไป
9 ตุลาคม 2555 10:34 น.
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์
เรื่องชาวนาได้รับความเดือดร้อนมีมาเนิ่นนาน นานเท่าใดลองอ่าน
บันทึกของพระยาสุริยานุวัติ เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติในรัชกาลที่ ๖ ที่ว่า
"ชาวนาที่ยากจนขัดสนด้วยทุน ต้องออกแรงทำงานแต่ลำพังด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ย่อมจะเห็นปรากฏอยู่ทั่วไปแล้ว ในเวลาที่ทำนาอยู่ เสบียงอาหารและผ้านุ่งห่มไม่พอ ก็ต้องซื้อเชื่อเขาโดยต้องเสียราคาแพง หรือถ้าต้องกู้เงินเขาไปซื้อก็ต้องเสียดอกเบี้ยอย่างแพงเหมือนกัน เมื่อเกี่ยวข้าวได้ผลแล้ว ไม่มีกำลังและพาหนะพอจะขนไปจากลานนวดข้าวหรือไม่มียุ้งฉางสำหรับเก็บข้าวไว้ขาย เมื่อเวลาข้าวในตลาดจะขึ้นราคา ต้องจำเป็นขายข้าวเสียแต่เมื่ออยู่ในลานนั้นเอง จะได้ราคาต่ำสักเท่าใดก็ต้องจำใจขาย มิฉะนั้นจะไม่ได้เงินใช้หนี้เขาทันกำหนดสัญญา"
ผู้เบริหารประเทศเข้าใจปัญหามาแต่โบราณปล่อยให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพทำนาตกอยู่ในวังวนสถานการณ์เช่นนี้มานานหนักหนา ผู้ที่ร่ำรวยทำนาบนหลังคนคือพวกเจ้าสัวค้าข้าว เจ้าของโรงสี ถ้ามีเวลาลองไล่ดูมีอยู่ไม่กี่ตระกูลถึงปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่
พรคคการเมืองพรรคใดที่ตั้งใจจะช่วยชาวนาอย่างจริงจังก็จะต้องมีอันเป็น
ไปด้วยอิทธิพลของเจ้าสัวทั้งหลายแต่จะมีข้ออ้างเสริมแต่งขึ้นมาหลายรูปแบบแต่สาเหตุที่แท้จริงคือจะช่วยชาวนา พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ล่มไปแล้วเหลือพรรคเพื่อไทยคิดว่ากำลังจะถูกขับไล่ไม่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในอีกไม่นานนักแน่นอนถ้าไม่หยุดช่วยชาวนา
ข่าวสื่อต่าง ๆประโคมเกี่ยวกับความเห็นของ คอป.เรื่องควรให้ ดร.ทักษิน เสียสละเช่นเดียวกับ ดร.ปรีดี พนมยงก์ ท่านปรีดีฯ ก็มีนโยบายเช่วยเหลือชาวนาดังที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
"ความอัตคัดขัดสนของชาวนามีอีกมากมายหลายประการที่แสดงว่า ชาวนาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ แต่ชาวนาก็มีภาระที่ต้องเสียเงินรัชชูปการ ถ้าไม่มีเงินเสียก็ต้องถูกเกณฑ์ไปทำงานประมาณปีละ ๑๕-๓๐ วันและต้องเสียอากรค่านา"
ท่านจึงได้กำหนด"เค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติ"ขึ้นมาและเป็นเหตุให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสส์ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ท่านต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดไม่ได้กลับมาจนถึงวันนี้ยังมีการอ้างให้ ดร.ทักษินฯเสียสละอย่างท่าน
เหตุการณ์กำลังจะย้อนรอยเมื่อ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ผลักดันนโยบายรับจำนำข้าว ช่วยเหลือชาวนาไม่ให้ถูกเจ้าของโรงสี และผู้ค้าข้าวทั้งหลายเอารัดเอาเปรียบ กดราคาข้าวเมื่อยามที่เกี่ยวข้าวนวดข้าวออกมาได้อ้างว่าตลาดโลกราคาตก ทำให้เจ้าสัวทั้งหลายขาดรายได้
จึงมีขบวนการทุกรูปแบบคัดค้านตั้งแต่ฝ่ายค้านที่จะให้เอาตามนโยบายของพรรคตัวเองซึ่งทำมาแล้วก็ไปรวยกับเจ้าของโรงสี และมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้หยุดการดำเนินการตามนโนยายของพรรคที่ได้หาเสียงกับประชาชนไว้แถมสื่อต่าง ๆประโคมกันยกใหญ่ประโคมให้ทางฝ่ายค้านไม่ให้ทางรัฐบาล ซึ่งสื่อบางสื่อก็ไม่นาเชื่อถืออยู่แล้วเพราะสื่อด้วยกันเองยังไม่เอาด้วยคัดออกจากสมาคมเพราะไม่ซื่อสัตย์ ท่าน ดร. สมเกียรติ์ อ่อนวิมล ได้แสดงความเห็นไว้มากมายและ ใคร ๆ เขาก็รู้กันอยู่สื่อประเทศนี้เป็นยังไง สุนัขถูกฆ่าถูกทารุณลงข่าวกันทุกแขนงละเอียดละออ คนถูกยิงตายกลางถนนเกือบร้อยคนไม่มีรูปมีข่าวลงให้ประชาชนได้รู้ได้เห็นเลย ไม่แน่อีกไม่นานนายกรัฐมนตรีคนนี้อาจจะต้องเสียสละออกไปอยู่นอกประเทศอีกคนก็เป็นได้
28 กันยายน 2555 00:15 น.
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์
โทษท่านผู้อื่นเพี้ยงเมล็ดงา ปองติฉินนินทาห่อนเว้น
โทษตนเท่าถูผาหนักยิ่ง ปองปิดคิดซ่อนเร้นเรื่องร้ายหายสูญ
(จากของเก่า)
ดั่งข่าวของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ได้ลงไว้ดังนี้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้พรรคประชาธิปัตย์แสดงความรับผิดชอบในคดีคณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ที่ศาลมีคำตัดสินแล้วว่าทำประเทศเสียหายเป็นจำนวนมากพร้อมมีคำสั่งจำคุกผู้เกี่ยวข้องแต่รอลงอาญาเช่นกัน แม้เรื่องดังกล่าวจะนานมาแล้วแต่สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมหาศาล ทำให้ประชาชนคนไทยลำบากอย่างแสนสาหัสจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนั้น ปล่อยให้มีการนำซากประเทศไปขายในราคาถูกเพียง 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ของราคาจริง โดยร่วมมือกับบริษัทต่างชาติ และมีผู้ได้รับประโยชน์จำนวนมหาศาล จึงอยากร้องถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรับผิดชอบในเรื่องนี้อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสัญญาอัปยศในการ ฮุบใช้คลื่นของ กสท.ทำมือถือระบบ 3 จี และมีข่าวว่าไปรับเงินกันในต่างประเทศ ที่สุดท้ายแล้ว กสทช. ชี้ว่าไม่ถูกต้อง รวมถึงการทุจริตในกรมอาชีวศึกษาที่ยิ่งสาวยิ่งเจอการทุจริตอย่างมโหฬาร จะรับผิดชอบอย่างไรกับความเสียหายในเรื่องเหล่านี้ (ที่มา : นสพ.เดลินิวส์)
20 กันยายน 2555 12:09 น.
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์
หนังสือพิมพ์ข่าวสดได้ลงข่าวการแถลงตอบโต้ คอป.ของน้องเดียร์ด้วยน้ำตาคลอเบ้าเสียงสั่นเครือ หากจะดูตัวจริง เสียงจริง ให้เข้าในเฟสบุคได้เลย
เวลา 13.30 น. วันที่ 18 ก.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.เหวง โตจิราการ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือ น้องเดียร์ และน.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงตอบโต้รายงานฉบับสมบูรณ์ของประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) โดย น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า จากการศึกษารายงานของ คอป.พบว่าเนื้อหาเป็นการโยนความผิดให้กับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลหรือเสธ.แดง ซึ่งเป็นคุณพ่อขอตน การที่ คอป.แถลงว่าชายชุดดำในทุกเหตุการณ์มีความเกี่ยวข้องกับ เสธ.แดงนั้น เพียงเพื่อให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะพ้นผิด ซึ่งตนไม่สบายใจ เพราะคุณพ่อไม่สามารถฟื้นขึ้นมาแถลงความจริงในเหตุการณ์ที่เกิดได้ ทั้งนี้ จากรายงานของ คอป.มีหลายประเด็นมีความขัดแย้งและสับสน เช่น กรณีที่นายสมชาย หอมลออ ระบุว่ารายงานฉบับนี้เป็นการรวมข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ แต่ในรายงานมีการขมวดว่าคณะทำงานระบุโดยใช้คำว่า มีความเชื่อว่า หรือ เชื่อได้ว่า ซึ่งการใช้ความเชื่อไม่ควรอยู่ในรายงานทางวิชาการ
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า เนื้อหาในรายงานเป็นการโยนบาปมาให้คุณพ่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กลับได้ความดีความชอบไป ถือเป็นคณะกรรมการคู่ทุกข์คู่ยากของนายอภิสิทธิ์ ทั้งนี้ ที่มีการระบุว่าชายชุดดำมีความใกล้ชิดกับคุณพ่อนั้น ขอให้ระบุออกมาให้ชัด ไม่ใช้เหมาว่าชายชุดดำเป็นคนของกลุ่มเสื้อแดง การที่คุณพ่อฝึกชายชุดดำเพราะรู้ว่าทหารจะเข้ามาสลายการชุมนุมเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการฝึกเพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้ายของทางเจ้าหน้าที่ อยากถามว่าผิดด้วยหรือ และที่บอกว่าคุณพ่อปรากฏตัวในการชุมนุมวันที่ 10 เม.ย.53 จึงเชื่อได้ว่าความรุนแรงในการชุมนุมนั้นมีคุณพ่อมาเกี่ยวข้อง ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนคุยโทรศัพท์กับคุณพ่ออยู่ตลอดในวันดังกล่าว โดยคุณพ่อระบุว่าอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและไม่ได้อยู่ในสถานที่ดังกล่าว ดังนั้นขอให้เอาหลักฐานมาแสดง อย่ากล่าวอ้างลอยๆ โดนไม่มีตัวบุคคลหรือเอกสารอ้างอิงนอกจากเอกสารของ ศอฉ.ซึ่งย่อมไม่ให้ร้ายพวกเดียวกัน
คอป.กลัวไม่มีผลงานหรือ ถึงแต่งนิทานขึ้นมาเพื่อให้ร้ายคนเสื้อแดง คุณพ่อ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดังนั้นขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่านรายงานด้วย เพราะ คอป.ไม่ใช่พนักงานสอบสวนที่จะมาตัดสินว่าใครผิดใครถูก ถือเป็นนักวิชาการไทยที่ใช้ไม่ได้ น.ส.ขัตติยา กล่าว
ด้าน น.ส.จารุพรรณ กล่าวพร้อมแสดงคลิปเหตุการณ์คืนวันที่ 10 เม.ย.53 ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน ที่มีกลุ่มทหารใส่ชุดดำมากมาย ซึ่งมีภาพเผยแพร่ไปทั่วโลก มีการใช้อาวุธยิงตรงไปที่กลุ่มผู้ชุมนุม ดังนั้นขอตั้งคำถามไปที่ คอป.ว่าทำไมไม่มีปรากฏในรายงานของ คอป. นอกจากนี้มีการรายงานจากไทยพีบีเอสเห็นกระสุนตกจากฟ้าตกมาที่รถนักข่าว โดยมีปลอกกระสุนจริงด้วย ซึ่งก็ไม่ปรากฏในรายงานฉบับจริงของ คอป. ดังนั้นจะเรียกว่าเป็นรายงานฉบับสมบูรณ์ได้จริงหรือไม่
ดิฉันขอวิพากษ์งานของ คอป.ในเชิงวิชาการล้วนๆ เผอิญว่าดิฉันจบการศึกษาปริญญาเอกจากประเทศเดียวกันกับ อ.คณิต โดยจบมาจากสายเดียวกับ อ.คณิต หาก อ.คณิตจบการศึกษามาด้วยตัวเอง จะรู้ว่าคำวิพากษ์ของดิฉันเบามากในเชิงวิชาการมืออาชีพ ดิฉันขอขนานนามรายงานของ คอป.ว่า The Same Old Lies โดยเฉพาะการที่ คอป.บอกว่าจะทำหน้าที่ค้นหาความจริงเฉพาะเหตุการณ์ชุมนุมช่วง เม.ย. พ.ค.53 แต่ คอป.แอบสอดไส้ผลงานของ คตน.ซึ่งเป็นผลพวงของการรัฐประหารเข้าไปด้วย น.ส.จารุพรรณ กล่าว
น.ส.จารุพรรณ กล่าวว่า เรื่องเล่าของชายชุดดำก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางหลักวิทยาศาสตร์ ไม่มีชื่อหรือที่อยู่ เป็นเพียงสมมติฐานลอยๆ นอกจากนี้ในรายงานตอนหนึ่งหน้า 56 ที่ระบุถึงการดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติด โดยมีผู้เกี่ยวข้องถูกสังหารและถูกฆ่าตัดตอนมากถึง 2500 คน ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบนั้น คำว่าฆ่าตัดตอนถือเป็นวาทกรรมที่บิดเบือน เพราะหากดูรายงานจาก ป.ป.ส.ในปี 2547 จะพบว่าเป็นตัวเลขซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่กลับนำมาผนวก ทั้งที่คดีนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่มีเพียง 46 คดีเท่านั้น
วันนี้ดิฉันจะยอมให้ประเทศขายหน้าเพิ่มอีกวันไม่ได้แล้ว ขอแสดงความเสียใจต่อชาวต่างประเทศ ความปรองดองจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากนักสิทธิมนุษยชนนอกจากจะค้นหาความจริงไม่ได้แล้ว ยังใส่ความเห็นส่วนตัวเข้าไปและยังสอดไส้ผลงานของคณะรัฐประหาร เสียใจที่ไม่มีนักสิทธิมนุษยชนที่มีคุณภาพ ทำงานช้าและชุ่ย ขาดการทำงานในเชิงวิชาการ ขอให้เกรดเอฟกับรายงานมูลค่าหลายล้านบาท ที่สอบตกและไม่สามารถสอบซ่อมได้ จึงไม่แปลกที่ต้องเรียกร้องความยุติธรรมจากศาลอาญาระหว่างประเทศ
นพ.เหวง กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับ อ.คณิตที่มาเสียตัว เสียผู้เสียคนตอนแก่ อ.คณิตสรุปว่าความรุนแรงเกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณเสียสละไม่เดินทางกลับเพื่อความสงบสุขของประเทศนั้น ตนเสียดายสติปัญญาของ อ.คณิต ทั่วโลกทราบดีว่าความรุนแรงเกิดจากการรัฐประหาร และการแทรกแซงระบอบประชาธิปไตยโดยคนที่อยู่นอกรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ไม่ทราบว่า อ.คณิตเกลียดชัง พ.ต.ท.ทักษิณมาจากปรโลกไหน ส่วนถ้อยแถลงของนายสมชายเป็นการรายงานซึ่งดูแล้วไม่มีความเป็นนิติวิทยาศาสตร์ ขาดหลักฐาน ไม่มีการอ้างอิงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ และอย่าทำตัวเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา หลายเรื่องเป็นการพิพากษาคนอื่น เช่น ที่ระบุว่าชายชุดดำฆ่าคน ขอให้ระบุชื่อออกมา หรือที่บอกว่า กลุ่ม นปช.อำนายความสะดวกให้ชายชุดดำ ขอให้เอาหลักฐานมาเปิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ขัตติยาแถลงข่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาคลอตลอดเวลา และหลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทั้งสามคนต่างช่วยกันฉีกรายงานของ คอป.ทิ้ง เพื่อเป็นการแสดงออกว่าไม่ยอมรับรายงานฉบับดังกล่าว