15 มิถุนายน 2549 13:54 น.
-ร้อยแปดพันเก้า-
เพียงก้อนดินต่ำต้อยดูด้อยค่า
เทียบเศษฟางเศษหญ้าราคาสิ้น
ความยากจนข้นแค้นฝังแผ่นดิน
เหมือนหัวใจแหว่งวิ่นถึงวิญญาณ
ลมแล้งแล้งน้ำตารินทุกถิ่นที่
แล้งลำนำคำกวีจากหมู่บ้าน
นาก็แล้งบ้านร้างทางกันดาร
แล้งรอยรานบนซากความยากไร้
ไร้ละอองแห่งฝันยามหน้าฝน
ริ้วรอยหม่นรอยหมองนั่งร้องไห้
ความทุกข์ร้อนผ่อนลงตรงที่ใด
ดุจต้นไม้เหือดฝนฝืนทนยืน
ธ ดำริทฤษฎีใหม่ใช้เหตุผล
พัฒนาคน ฝน น้ำ ดิน สิ้นขมขื่น
ทรงเรียกขวัญกำลังใจให้กลับคืน
ความปีติเต็มตื้นชื่นหัวใจ
เหมือนต้นไม้ใหญ่มากถ้ารากหยั่ง
ลึกลงยังดินฉ่ำด้วยน้ำใส
พ่อทรงเห็นเราเสมอ..พร้อมห่วงใย
ฝ่าวิกฤติพ้นภัยด้วยน้ำธรรม
เป็น..ต้นไม้แห่งความรัก..ที่พ่อปลูก
เดินทางถูกตามรอยบาททุกยาตรย่ำ
หยัดอยู่อย่างพอเพียงแยบเยี่ยงนำ
แต่รดน้ำพวกตอไม้อาจไม่โต
15 มิถุนายน 2549 12:16 น.
-ร้อยแปดพันเก้า-
หนุนสองมือแทนหมอนนอนดูฟ้า
นับดาราดาษดื่นคืนดึกหนาว
เย็นละอองมองจันทร์คืนฝันพราว
หมอกสีขาวคลุมร่างกลางราตรี
ประกายดาวระยับตาทาบฟ้าโพ้น
แสงอ่อนโยนวาวระยิบกระพริบถี่
ดวงสุกใสส่องสกาวดาวความดี
ดุจเสรีสู่ห้วงจินต์สิ้นอาวรณ์
ดอกดวงดาวบานเต็มฟ้าหากคว้าได้
เด็ดดาวใจกล่อมรักเห่พักผ่อน
ดับอ้างว้างเสน่หาด้วยอาทร
เอื้อนเป็นเพลงเว้าวอนแอบอ้อนจันทร์
อยากอิงแอบแนบสนิทให้นานเนิ่น
ล้าแรงเดินเหนื่อยอ่อนอยากนอนฝัน
ความอบอุ่นฉายกล้าดุจตาวัน
มหัศจรรย์ซึ้งทรวงแห่งดวงดาว
เป็นหนึ่งดาวหนึ่งเดียวในหนึ่งฟ้า
หนึ่งดาวกล้าชิงช่วงทุกท่วงก้าว
พลั้งพลาดไปในระหว่างเส้นทางยาว
ดอกรักร้าวดาวหล่นร่วงบนดิน
คนอ่อนไหวไยหนาวปวดร้าวนัก
คนอกหักร้อนผ่าวแทบด่าวดิ้น
เป็นดาวตกดาวเถื่อนเปื้อนมลทิน
ค่าหมดสิ้นเป็นแค่..ดาว..ประดับดอย
7 มิถุนายน 2549 07:47 น.
-ร้อยแปดพันเก้า-
ขุนเขายืนตระหง่าน
ราวจะต้านกาลเวลา
สูงเยี่ยมเทียมนภา
มิโรยล้าท้าสายลม
หนักแน่นสงบนิ่ง
มิไหวติงน่านิยม
เฉกชนคนชื่นชม
ชั่วชีวิตฝ่าเผชิญ
มั่นคงดูปลอดภัย
สูง,ยิ่งใหญ่ยากใครเกิน
ยืนหยัดน่าสรรเสริญ
ดุจเสรีในวิญญาณ
อีก"เขา"ก็ขืนสู้
แสวงรู้มายาวนาน
โลกาภิวัฒน์ผ่าน
ปรับตามการณ์ที่เปลี่ยนไป
แกร่งสู้อยู่บนโลก
แม้นว่าโชคไม่เป็นใจ
ทอดเท้าเพื่อก้าวไกล
สำนึกไว้ทำความดี
ขอเพื่อนผู้แพ้พ่าย
แม้นทุกข์กรายมาย่ำยี
ขุนเขาดั่งชีวี
ค่าศักดิ์ศรีไม่แพ้กัน
..............................
ค่าที่มีไม่แพ้กัน
1 มิถุนายน 2549 14:57 น.
-ร้อยแปดพันเก้า-
ร่างทรุดลงซึมเซาซ่อนเงาไม้
เสียงสับสนรัวไหวใจโศกศัลย์
สายลมเศร้าเหงาโบกโลกรำพัน
ครุ่นคำนึงถึงคนนั้นในครั้งนี้
ชีวิตเคยงดงามดุจความฝัน
ดั่งใบไม้เปลี่ยนผันพลันเปลี่ยนสี
สายลมพัดโบยโบกวิโยคทวี
เหมือนความมีในไม่มีที่รู้ซึ้ง
เผชิญโลกรายล้อมพร้อมรอยแผล
มิตรมตรอมยอมแพ้หากแลถึง
โลกใบนี้มิจีรังควรคำนึง
ตนนั้นคือที่พึ่งพึงคำนวณ
ดั่งใบไม้ร่วงหล่นบนโลกแล้ง
เป็นใบแห้งแปรผันวันมิหวน
ชีพเปลี่ยนแปลงพร้อมรับความแปรปรวน
คือคู่ควรหยัดอยู่อย่างรู้ทาง
เพียงสายลมปลอบข้าอย่าร่ำไห้
แม้นมิได้เธออยู่เป็นคู่สร้าง
ต้องกล้าแกร่งบนโลกกว้างแม้อ้างว้าง
อบอุ่นกลางโลกภายในไม่อ่อนล้า
ลมรำเพยพัดใบไหวระริก
ใบไม้ชราพลิ้วพลิกห่มผืนหล้า
จากก่อเกิดร่วงโรยจนร้างลา
คือชีวิตธรรมดาเป็นสามัญ
22 พฤษภาคม 2549 08:14 น.
-ร้อยแปดพันเก้า-
คืนที่วันฝนตกกรรโชกหนัก
เธอที่รักจากลาน้ำตาไหล
เคยเคียงคู่เคียงข้างมาร้างไกล
กระชากใจเมื่อฝนมาน้ำตานอง
ฟังเสียงฟ้าฟาดเปรี้ยงส่งเสียงสั่ง
รักกลับกลายเป็นความหลังเราทั้งสอง
คืนฟ้ารั่วน้ำตาหลั่งถะถั่งนอง
เคยตระกองก้องประกาศเราขาดกัน
เคยซาบซ่านหวานรักเก่ามักขม
เหมือนโง่งมขมขื่นไม่ชื่นฝัน
เคยจงรักภักดีทุกวี่วัน
ก็มีอันแหลกสลายกับสายน้ำ
ฟังเสียงลมเสียงฝนเบื้องบนซัด
เหมือนแรงอัดแรงโหมโถมกระหน่ำ
เสียงฟ้าครืนสายฝนหล่นพรำพรำ
ฟ้ามืดดำรักมืดดับไปกับใจ
ฝนสั่งลาฟ้าร้องไห้ไม่ขาดเม็ด
เธอใจเด็ดทิ้งพี่หนีไปไหน
น้ำตาพี่น้ำตาฟ้าโหยอาลัย
สะอื้นไห้ห่วงหากับฟ้าคราง
คืนฝนตกอกใจพี่ใกล้ดับ
ต้องแหลกยับย่อยไปใกล้ฟ้าสาง
ทุกห้องใจเพ้อพร่ำคร่ำครวญคราง
รักต้องร้างคนเคยใกล้ไม่หวนคืน