28 พฤศจิกายน 2550 14:01 น.
ร้อยฝัน
เม็ดหญ้าเม็ดหนึ่ง หวังจะเติบโตบนก้อนหินใหญ่
เพราะฝันถึงความมั่นคงและโดดเด่น มันเฝ้าบ่มเพาะตัวเอง
จากความชื้นและความอบอุ่นของแสงแดด จนเมื่อมั่นใจ
มันจึงเริ่มผลิใบ และแทงรากลงไปบนหิน หวังจะหยั่งรากลึก
ลงในก้อนหินอันแข็งแรง แต่ก้อนหินกลับแข็งแกร่ง
เกินรากอันอ่อนนุ่มจะแทรกลงไปได้ เมื่อแสงแดดแผดเผา
ความชื้นจากผิวหินแห้งเหือดหายไป รากใบ ลำต้น จึงเหี่ยวเฉา
ต้นหญ้าจึงมิได้เติบโตงดงาม กับแห้งตายไปบนก้อนหินนั้น
เจ้านกตะกละตัวหนึ่ง โฉบบินขึ้นบนกิ่งต้นไทร
เก็บกินลูกไทรแล้วถ่ายมูลลงมา เมื่ออิ่มสมบูรณ์ หวนนึกถึงนกสาว
ผู้เฝ้ารอในรวงรัง จึงเก็บเอาลูกไทรเต็มปาก คาบไปฝากน้องนาง
บินไปจนเมื่อยล้า ผ่านก้อนหินใหญ่ แดดก็ร้อนเหลือใจ อ้าปากหอบเหนื่อย
ลูกไทรพลันหล่นลงบนพื้นหิน กลิ้งหลุดลงไปในรอยแตกแยก
แสงแดดแผดเผา ตลอดฤดูอันยาวนาน ลูกไทรแห้ง
และฝังลึกอยู่ในรอยแตกของก้อนหิน รอวันฟื้นคืน
สายฝนกระหน่ำตกไม่ขาดสาย เม็ดไทรฟื้นคืน เริ่มแทงยอดแทงใบ
และแยงรากลงในช่องแตก ผ่านวัน ผ่านเดือน จนก้าวพ้นฤดูฝน
ต้นไทรเริ่มแข็งแรงขึ้น แต่ยังต้องอาศัยเกราะกำบังอันแข็งแกร่ง
จากรอยหินแยกแตก คุ้มแดด คุ้มฝน เสริมสร้างให้รากและลำต้นแข็งแรง
ผ่านไปเป็นขวบปี ปีแล้วปีเล่า ผ่านฝน ผ่านร้อน ผ่านหนาว ต้นไทรยังคง
ยืนต้นแข็งแรง เติบใหญ่ โดดเด่นครอบคลุมก้อนหินก้อนนั้นเสียสิ้น
รากไทร ที่เติบโตแตกแขนงออกมากมาย ได้ไชชอนหินก้อนใหญ่เสียจน
แยกแตก เป็นร่อง เป็นดิน ซึ่งยังประโยชน์แก่เม็ดหญ้าลูกหลาน
เม็ดหญ้าเม็ดนั้น ได้เติบโต บนหินก้อนใหญ่นั้นดังปรารถนา
แต่กระไร ก็ตามแม้หญ้า จะเติบโตได้บนหิน หากแต่เมื่อ
เทียบกับไทรแล้ว ไม่สามารถพูดได้ว่า โดดเด่นเท่าไทร
เมื่อฝนผ่านมาอีกครั้ง หลานหญ้าเม็ดนั้น ก็เฝ้ารำพึงกับตัวเองว่า
แม้ว่าจะไม่โดดเด่นบนหินเช่นต้นไทร แต่ข้าก็ยังยืนได้ด้วยตนเอง
18 กรกฎาคม 2550 15:08 น.
ร้อยฝัน
ฉันนั่งจ่อมจมเงียบ ๆ ในห้องที่บ้านพัก นอกหน้าต่างลมพัดอื้ออึง
ฝนจะตกแล้ว พี่อ้อยเก็บผ้ารึยัง เสียงน้องบ้านพักร้องบอก
ฉันไม่ตอบคงนั่งเงียบ ๆ ปล่อยความคิดล่องลอยไปกับลมฝนข้างนอก
แต่สักพักก็ลุก เดินไปที่หน้าต่าง แง้มมองผ้าที่ตากบนราว หลังบ้านพัก
เห็นหลังน้องไวไว รวบเก็บผ้าทั้งของฉันและของตัวเอง ฉันเดินออกจากห้องตรงไป รวบเก็บผ้าที่เหลืออย่างลวก ๆ น้องมองฉันอย่างงง ๆ ส่งผ้าส่วนที่เป็นของฉันส่งให้
ขอบใจนะ แต้ม ฉันรับผ้าแล้วเดินดุ่ม ๆ กลับมาที่ห้องไม่ใส่ใจสายตาใคร่รู้ของน้อง
ก๊อก ๆๆๆ พี่อ้อย ๆ เป็นอะไรรึเปล่าพี่ เสียงน้องเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
ปวดหัวนิดหน่อยจ๊ะ ไม่เป็นไรมากหรอก พี่กินยาแล้ว ฉันตอบไปในครั้งเดียว
โดยไม่รอคำถามอีก เพราะคร้านที่จะตอบคำถามเป็นห่วงนั้น ฉันโยนผ้าที่เก็บมาไว้บนเตียง และทรุดนั่งกับพื้นอยู่นาน แต่ไม่รู้หรอกว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว แต่รู้สึกได้ว่า ขาข้างซ้ายเป็นเหน็บ
หัวใจเอ๋ย เคยบ้างไหม ที่จะไม่รัก ไม่ใส่ใจ กับคนที่ไม่มีหัวใจ เช่นใครบางคน
เหมือนมีใครบ่นแว่ว ๆ ให้ได้ยิน ดวงตาของฉันร้อนผ่าว น้ำใส ๆ ไหลลงมาเงียบ ๆ ตัวฉันสั่นเทา หากแต่ไร้เสียงใด ๆ ลอดออกมา ร่างกายฉันหนาวเหน็บยิ่งขึ้น อาจจะเพราะลมฝน หรือเพราะร่างกาย หัวใจมันเจ็บไข้ แทบจะแยกไม่ได้ว่ามีสาเหตุจากสิ่งใด ข้างนอกหน้าต่าง ทั้งลมทั้งฝน เสียงต้นไม้
ครืดคราด เสียดสีหลังคา แต่เสียงนั้นมันแผ่วเบาเกินกว่าจะกลบเสียง
ที่เรียกร้องในหัวใจ
คุณคนดี ตอนนี้คุณอยู่ไหน อยากรู้ว่าเป็นอย่างไร รู้บ้างไหมใครห่วงคุณ
น้ำตาเจ้ากรรมช่างพร่างพรู น้ำตามาจากไหนหนอ ทำไมไม่เคยเหือดแห้ง ฉันคู้ตัวมากขึ้น หนาวเสียยิ่งกว่าหนาว ใจกระหวัดคิดถึงใครบางคน
อ้อมกอดที่เคยปลอบขวัญ อบอุ่น แข็งแรง ตอนนี้คุณอยู่ไหน
เอื้อมมือไขว่คว้า ได้เพียงความว่างเปล่า ดูเหมือนคุณอยู่ใกล้ แต่สัมผัสไม่ได้ด้วยใจ
ภาพวันวานแจ่มชัดในความรู้สึก คืนฝนตกอย่างนี้ ใต้ชายคาเดียวกัน ใครคนหนึ่งเคาะประตูถามด้วยห่วงใย รักและห่วง เหมือนดังหนึ่งว่าจะไม่แปรเปลี่ยนไปได้ แต่ในสถานการณ์เดียวกันในวันนี้ ฉันอยู่เพียงลำพัง
หัวใจเจ้าเอ๋ย เจ้าเคยบ้างไหม ที่จะลบ จะลืมไป
แค่บางใครที่จากไปนาน
ลมฝนลดความแรงลงแล้ว เสียงฝนยังปรอย เปาะแปะที่หน้าต่าง วูบลมเย็น ๆ พัดมาอีกครั้ง ฉันยังซุกตัวนิ่งเงียบ ปล่อยให้น้ำตามันล้างใจ นานนักแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้ นานนักแล้วที่ต้องอดทน นานนักแล้วที่ชีวิตเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า และฉันก็ยังไม่รู้ จะนานอีกสักเท่าใดที่ฉัน ต้องเดียวดายอยู่เพียงลำพัง อีกนานเท่าใด หัวใจดวงร้าวจะประสาน ฉันได้แต่หวัง อีกไม่นานฉันจะผ่านความปวดร้าวไปได้
หัวใจเจ้าเอ๋ย เจ็บจนเคยแล้วใช่ไหม แล้วยังจะหวังอะไร กับคนไม่มีหัวใจให้เรา
ฝนหยุดตกไปแล้ว เสียงน้ำบนใบไม้ยังหยดเปาะแปะ ขาอีกข้างเป็นเหน็บ ฉันพยายามเหยียดออกไปทั้งสองขา ปวดชาจนน้ำตาเล็ด สองมือของฉันทุบไล่จากต้นขา ยันปลายเท้า ไม่นานความเจ็บชา หายไป ฉันลุกขึ้นอีกครั้ง
เดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดออก ยิ้มให้กับตัวเอง สูดอากาศชื้น ๆ เข้าเต็มปอด
แต้ม ๆ ฝนหยุดแล้วไปหาข้าวกินกันเถอะ หิวจัง
21 พฤษภาคม 2550 12:22 น.
ร้อยฝัน
ฉันไม่รู้ว่ามันผิดพลาดจากตรงไหน แต่ฉันรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ และเบอร์ที่ฉันคุ้นเคยเบอร์นี้ 081341xxxx ฉันเริ่มหาเหตุผล และจุดเริ่มต้นของมัน มันคงเริ่มต้นจากตัวฉันเองในค่ำคืนหนึ่ง ฉันเพียงแค่อยากคุยกับใครสักคน ในค่ำคืนเปลี่ยวเหงาอย่างคืนนั้น ไม่ว่าจะเพียรพยามต่อโทรศัพท์ถึงใคร ทั้งเพื่อนหรือคนรู้จัก มันช่างบังเอิญ หรือจงใจก็ไม่อาจทราบได้ ทุกคนดูเหมือนไม่ว่าง มีทั้งที่โทรไม่ติด และไม่รับสาย
เมื่อไม่มีใคร ฉันเลือกสื่อสุดท้ายทึ่คุ้นเคย คือ อินเตอร์เน็ต ฉันเข้าไปใน www.mxxxx.com แล้ว login เข้าไปในห้องสนทนา ในห้องสนทนา ฉันคุยกับคนมากมาย ไม่มีใครรู้จักตัวตนจริงของฉัน คุย ๆ ๆ เรื่องนานาสาระ ทั้งเรื่องจริงบ้าง โกหกบ้าง
ฉันลืมไปแล้วว่าฉันคุยกับเจ้าของเบอร์นั้นครั้งแรกวันไหน คุยกันเรื่องอะไร แต่ที่ฉันลืมไม่ได้คือเขาเป็นเพื่อนคนแรก ที่พบกันบนโลกของการพูดคุยออนไลด์บนเว็บไซด์นั้น ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ให้ เมล์ไว้ ไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ ฉันบอกเพียงว่า หากอยากรู้ตัวตนจริงฉัน คุณจะรู้ได้จาก www.thaipoem.com ในนามแฝง ชื่อ ร้อยฝัน
จากนั้นฉันก็ได้รับเมล์ ที่ดูเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ห่วงใย คอยให้
กำลังใจ คอยเตือน ทำให้ฉันรู้สึกได้เหมือนเพื่อนแท้ ๆ ที่มีตัวตน จนมันกลายเป็นความเคยชิน ไม่ว่าฉันจะเป็นอย่อย่างไร รู้สึกอย่างไร ฉันมักจะส่งเมล์หาเพื่อนคนนั้นเสมอ เราพูดคุยผ่านออนไลน์ อยู่นาน จนกระทั่งวันหนึ่งฉันตัดสินใจให้เบอร์โทรศัพท์เขาไป เพราะความไว้วางใจ ฉันคิดง่าย ๆ ว่า มันไม่มีมีภัยใด ๆ เกิดกับฉันทั้งนั้น เพราะเบอร์ที่ให้ไปนั้น เป็นเบอร์ที่โทรได้ด้วยการเติมเงิน
ในช่วงแรก เขายังเคารพกติกาของการคุยกันทางเสียง โทรมาในช่วงเวลาที่
สมควร ทุกวัน ๆ จนฉันรับรู้ได้ถึงความผูกพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นเงียบ ๆ ในบางวันที่เสียงโทรศัพท์ขาดหาย ฉันเหมือนจะเฝ้ารอสิ่งที่สำคัญที่สุด กระวนกระวาย ใคร่รู้ ใคร่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับปลายสายที่ฉันเฝ้ารอ ถ้าคุณเคยรอใคร คุณจะรู้ว่ามันทรมานสักแค่ไหนในการรอใครนาน ๆ ฉันก็เหมือนกัน วันไหนที่ต้องรอ ฉันแทบไม่เป็นอันทำอะไร ผวาทุกครั้งที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ คอยเช็ค คอยดู ว่าปลายสายคือคนที่ฉันเฝ้ารอ
ถ้าฉันมีความสุขกับการพูดคุยทางโทรศัพท์กับเขาปานนั้น แล้วฉันจะมาหา
ข้อผิดพลาด ในการพูดคุยทำไมนะเหรอ คุณเคยไหม เคยเริ่มต้นจากการคุย
ในสิ่งที่ดี ๆ เมื่อนาน ๆ ไป ความคุ้นเคยมันมาแทนที่ สิ่งดี ๆ ที่เคยคุยกัน เริ่
มกลับกลายเป็นมุมกลับ ฉันไม่อยากให้ใครมาก่นด่า ฉันไม่อยากให้ใครมา
ทวงถาม ฉันเริ่มจะมองถึงโลกส่วนตัวที่ฉันเคยมี ฉันอยากไปในที่ ที่อยากไป
โดยที่ไม่ต้องคอยรายงานใคร ฉันอยากทำในสิ่งที่อยากทำ โดยไม่ต้องมา
วุ่นวายกับการรับโทรศัพท์ ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือ ฉันเริ่มเบื่อ ฉันเริ่มไม่พอใจ ความชาชินที่เกินจะชาชิน ฉันเริ่มไม่มีความสุขกับมันอีกแล้ว ฉันเริ่มทำสิ่งใหม่ ทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันมีความสุข
ฉันเริ่มเขียนจดหมาย ฉบับแล้วฉบับเล่า ส่งไปทางไปรษณีย์ ฉันส่งมันไป
ตามที่อยู่ที่ฉันสมมุติ ฉันเล่าเรื่องราวของฉันทุกเรื่อง ความรู้สึกทุกอย่างที่ฉันมี ฉันไม่รู้ว่าใครจะได้รับจดหมาย ฉันไม่หวังว่าใครจะตอบจดหมาย ฉันไม่สร้างความรำคาญ ฉันไม่สร้าง ความเดือดร้อนใคร ฉันเขียน เขียนทุกวัน แต่ฉันยืนยันว่าฉันไม่ได้บ้า มันเป็นเพียงแค่ทางออกที่เหมาะสมเท่านั้น
คุณคงไม่รู้สินะ ทำไมฉันจึงรำคาญเสียงโทรศัพท์เบอร์นั้น และมันก็ไม่เกี่ยวสักนิดเดียวกับการเขียนจดหมาย แต่เดี๋ยวก่อนสิคุณอย่าเพิ่งโวยงายวาย
หลังจากจากที่ฉันเขียนจดหมายส่งไปทุกวัน จดหมายทั้งหมดมันน่าจะโดนทิ้ง
แต่ ... กริ๊ง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เดี๋ยวนะคุณ มีเสียงโทรศัพท์
เบอร์ 081341xxxx
"หวัดดี คุณร้อยฝัน วันนี้คุณเขียนจดหมายห่วยแตก เป็นบ้า คุณ... ฉอด ๆๆๆๆๆๆๆๆ"
คุณรู้สึกเหมือนฉันไหม ฉันรำคาญ
9 เมษายน 2550 13:28 น.
ร้อยฝัน
ค่ายเยาวชน รักเขียน รักษ์ป่า ที่จัดขึ้น ณ สถานีส่งเสริมและรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยกุ่ม ระหว่างวันที่ 16 - 18 กุมภาพันธุ์ 2550 ได้ปิดตัวเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วจ้า ปีนี้แม้ว่า เพื่อน ๆ บ้านกลอนไทย ติดภารกิจกันหลายคน แต่น้ำใจก็เปี่ยมล้นเหมือนเดิม ทั้งของรางวัลเด็ก ทุนสนับสนุน แล้วก็มาร่วมค่ายกับเด็ก ๆ และอีกหลาย ๆ คนที่ให้กำลังใจ ร้อยฝันและเด็ก ๆ ทุกคน ต้องขอบคุณจริง ๆ นะคะ ร้อยฝันขอสรุป ค่าใช้จ่ายดังนี้นะคะ
1. ค่ารถ 4,000 บาท
2. ค่าที่พัก + วิทยากร (ห้วยกุ่ม ) 2,500 บาท
3. ค่าน้ำมันรถ น้อง ที่ช่วยอุทิศพาหนะ ตั้งแต่สำรวจค่าย ส่งหนังสือ
ยันหาเสบียง ขนเสบียง ไม่รู้กี่สิบเที่ยว 700 บาท(คุ้มจริง ๆ)
4. ค่าอุปกรณ์ทำครัว + อุปกรณ์ค่าย 2,500 บาท
5. ค่าข้าวสาร + อาหาร 3,500 บาท
6. ค่าเครื่องดื่ม น้ำ กาแฟ โอวัลติน ขนม 1,000 บาท
รวม 14,200 บาท
ร้อยฝัน ได้รับการปันน้ำใจ จากเพื่อน ๆ บ้านกลอนไทย ดังนี้ค่ะ
คุณอัลมิตรา คุณบินเดี่ยว 1,500 บาท
ผู้หญิงไร้เงา 500 บาท
คุณกุ้งหนามแดง 1,000 บาท
เพื่อน ๆ ผู้ใจบุญ แต่ยังขี้อาย 5,500 บาท
โรงเรียนสมทบให้อีก 2,000 บาท
รวม 10,500 บาท
ไม่ใช่ว่าไม่พอเพียงนะคะ เพราะค่ารถ เด็ก ๆ เค้าจ่ายเองค่ะ เงินที่เหลือ 300 บาทร้อยฝันเลยเอามา ทำเกียรติบัตรให้วิทยากร และเด็ก ๆ และ ล้างรูป ทำบอร์ดให้เด็ก ๆ ค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากนี้ ก็ร้อยฝันฉลอง
เรียนจบค่ะ
มาดูรูปกิจกรรมกันค่ะว่าเราทำอะไรกันบ้าง
27 กุมภาพันธ์ 2550 12:22 น.
ร้อยฝัน
ค่ายเยาวชน รักเขียน รักษ์ป่า ที่จัดขึ้น ณ สถานีส่งเสริมและรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยกุ่ม ระหว่างวันที่ 16 - 18 กุมภาพันธุ์ 2550 ได้ปิดตัวเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วจ้า ปีนี้แม้ว่า เพื่อน ๆ บ้านกลอนไทย ติดภารกิจกันหลายคน แต่น้ำใจก็เปี่ยมล้นเหมือนเดิม ทั้งของรางวัลเด็ก ทุนสนับสนุน แล้วก็มาร่วมค่ายกับเด็ก ๆ และอีกหลาย ๆ คนที่ให้กำลังใจ ร้อยฝันและเด็ก ๆ ทุกคน ต้องขอบคุณจริง ๆ นะคะ ร้อยฝันขอสรุป ค่าใช้จ่ายดังนี้นะคะ
1. ค่ารถ 4,000 บาท
2. ค่าที่พัก + วิทยากร (ห้วยกุ่ม ) 2,500 บาท
3. ค่าน้ำมันรถ น้อง ที่ช่วยอุทิศพาหนะ ตั้งแต่สำรวจค่าย ส่งหนังสือ
ยันหาเสบียง ขนเสบียง ไม่รู้กี่สิบเที่ยว 700 บาท(คุ้มจริง ๆ)
4. ค่าอุปกรณ์ทำครัว + อุปกรณ์ค่าย 2,500 บาท
5. ค่าข้าวสาร + อาหาร 3,500 บาท
6. ค่าเครื่องดื่ม น้ำ กาแฟ โอวัลติน ขนม 1,000 บาท
รวม 14,200 บาท
ร้อยฝัน ได้รับการปันน้ำใจ จากเพื่อน ๆ บ้านกลอนไทย ดังนี้ค่ะ
คุณอัลมิตรา คุณบินเดี่ยว 1,500 บาท
ผู้หญิงไร้เงา 500 บาท
คุณกุ้งหนามแดง 1,000 บาท
เพื่อน ๆ ผู้ใจบุญ แต่ยังขี้อาย 5,500 บาท
โรงเรียนสมทบให้อีก 2,000 บาท
รวม 10,500 บาท
ไม่ใช่ว่าไม่พอเพียงนะคะ เพราะค่ารถ เด็ก ๆ เค้าจ่ายเองค่ะ เงินที่เหลือ 300 บาทร้อยฝันเลยเอามา ทำเกียรติบัตรให้วิทยากร และเด็ก ๆ และ ล้างรูป ทำบอร์ดให้เด็ก ๆ ค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากนี้ ก็ร้อยฝันฉลอง
เรียนจบค่ะ
มาดูรูปกิจกรรมกันค่ะว่าเราทำอะไรกันบ้าง