21 พฤษภาคม 2554 19:57 น.
ร้อยฝัน
กายหนาวลมฝนซ้ำกระหน่ำพัด
ในหัวใจอึดอัดยิ่งขัดข้อง
ไร้แสงส่องหนทางสว่างมอง
กายก็หมองใจยิ่งเศร้าเหงาเดียวดาย
เจ้ากางปีกออกบินจากถิ่นฐาน
ที่คุ้นชินยาวนานด้วยแหนงหน่าย
ด้วยความรักและหวัง ณ ฝั่งปลาย
ท่ามกลางสายฝนพรำกระหน่ำตี
เจ้าหยุดบินพักในแดนแสนอบอุ่น
ที่อวลกรุ่นดอกไม้หลากหลายสี
ด้วยหัวใจอิ่มเอมแสนเปรมปรีย์
สิ่งดีดี หลั่งไหลใกล้เข้ามา
จากฤดูแห่งสีสันกลับพลันเปลี่ยน
เริ่มหมุนเวียนดีร้ายในวันหน้า
นกพลัดถิ่นหมดหวังหลั่งน้ำตา
ต้องอพยพอีกคราหารังนอน
หากชีวิตเธอเป็นเช่นนกนั้น
จะโบยบินตามฝันเหมือนวันก่อน
หรืออยู่ในความจริงที่บั่นทอน
พร้อมจะดับทุกข์ร้อนด้วยน้ำตา
หากจะโบยบินไปให้ไกลห่าง
ด้วยหัวใจปล่อยวางเหมือนดังว่า
ก็ลองนึกตรึกตรองกรองอีกครา
ถิ่นสวรรค์ชั้นฟ้าอยู่หนใด
ฉันจะถามเธอนกพลัดถิ่น
เธอยังอยากโบยบินสู่หนไหน
หากฟ้าแล้งฝนร้างหนทางไกล
ทั้งหนาวเหน็บเจ็บใจยามไร้คอน
เธอจะหยุดหลับพักบนตักอุ่น
เพื่อเป็นทุนอุ่นไอเอาไว้ก่อน
แล้วจะบินจากมาหารังนอน
เพราะแค่จรหาที่พักสักชั่วยาม
8 กุมภาพันธ์ 2554 15:50 น.
ร้อยฝัน
มองแววตาแล้วหวั่นไหวในโลกฝัน
ปากคอสั่นยามจ้องมองตรงหน้า
พูดติดอ่างยามเอ่ย เผยวาจา
ดังหนึ่งว่า โลกสับสน ชอบกลนัก
เดี๋ยวโผล่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวหุบเดี๋ยวยิ้ม
เดี๋ยวกรุ้มกริ่มเดี๋ยวทำหน้าท่าคิดหนัก
เดี๋ยวก็ปลงเดี๋ยวก็คิดเพราะพิษรัก
สุดห้ามหักดวงใจให้บรรเทา
ยามเธอนั้นหันมาแล้วทักทาย
เหมือนละลายหัวใจให้คลายเหงา
ดังโลกนี้จะมีแต่แค่เพียงเรา
สิ่งที่เฉากับสวยสดและงดงาม
แต่ที่เป็นในโลกจริงต่างโลกฝัน
เธอเพียงหันหน้ามาเพื่อไต่ถาม
ถึงเพื่อนฉันคนสนิทเฝ้าติดตาม
ทุกโมงยามที่เธอนั้นฝันละเมอ
มีเพียงฉันที่โง่เง่าให้เขาหลอก
คำกลิ้งกลอกมีไว้ให้ฉันเพ้อ
ที่ถามฉันเพราะอยากใกล้ใครของเธอ
ที่มาเจอเพราะอยากใกล้ใครคนนั้น
โอย โอย โอย คุณขาน่าอายนัก
ไปแอบรักแฟนเขาเราคิดสั้น
ยังงงงงว่าเป็นได้อย่างไรกัน
โอ้ยนี้ฉันคิดไปได้น่าอายจริง
20 ธันวาคม 2553 09:40 น.
ร้อยฝัน
จ่อมจมอยู่ในห้องเหมือนกรงแคบ
ใจยังแอบความช้ำระกำไว้
กายหนาวลมแต่อกร้อนดั่งฟอนไฟ
ที่เผาไหม้ฤทัยไปทั้งดวง
น้ำค้างแห้งเหือดหายคลายความหนาว
แต่อกร้าวยังโศกตรมจมติดบ่วง
น้ำตารื้นเพราะจำน้ำคำลวง
ที่ตักตวงเติมเต็มไว้ในอุรา
จะก้าวเหินเดินออกนอกกรงขัง
เพียงลำพังอย่างไรให้กังขา
ไม่อยากฝืนยืนต่อไปไร้น้ำยา
กลืนน้ำตาทุกหยดจนหมดแรง
จะจากกลัวจะเจ็บจนจดจำ
ยิ่งถลำลึกไปดั่งใครแช่ง
ยามผิดหวังชิงชังเริ่มสำแดง
ใจที่แกร่งด้วยคิดดีกลับลี้ไกล
ในสำนึกตรึกตรองกรองอีกชั้น
อยากห้ำหั่นให้รู้ทนอยู่ได้
อยากจะฆ่าทรมานให้คลานไป
เผาด้วยไฟนาบเหล็กร้อนก่อนหมดลม
แต่ความจริงแค่เห็นหน้าพาใจอ่อน
แค้นกลับผ่อนด้วยหวังยังสุขสม
เพียงอ้อมกอดปลอบขวัญวันทุกข์ตรม
ก็ชื่นชมแม้นจะม้วยด้วยคำลวง
30 พฤศจิกายน 2553 17:39 น.
ร้อยฝัน
เสียงโทรศัพท์ดังกริ๊ง กริ๊ง เป็นกริ่งเรียก
เสียงสำเนียกเข้ามาน่าใจหาย
เฮ้ย มึงดูรึเปล่าเล่าโขนควาย
มันเล่นร้ายแหมถึงใจได้ลุ้นกัน
พ่อพระเอกนั่งแท่นเป็นพระยา
ด้านล่างเป็นบรรดาเสนานั่น
มีประเด็นถกเถียงเกี่ยงงอนกัน
เลยประชันน้ำลายร้ายซะจริง
ไอ้ตัวดำตัวด่างขออ้างสิทธิ์
ป้ายความผิดความชั่วมั่วทุกสิ่ง
ไร้เหตุผลไร้หลักฐานด้านอ้างอิง
แต่ยังตื๊อท้วงติงทุกสิ่งอัน
ไอ้ตัวแดงตัวขาวราวก้อนหิน
ไม่มียินดีร้ายอะไรนั่น
ใครจะทำอะไรใช่ตัวมัน
อยากประชันก็เชิญมั่วชั่วกันเอง
เบื่อก็ลุกเดินออกไปมิได้สน
จะกังวลทำไมใครจะเบ่ง
พ่อพระยาจะชี้หน้ามิยำเกรง
ปล่อยให้เคว้งสภาล่มจมน้ำลาย
มึงรู้ไหมจะบรรลัยทั้งโรงโขน
พวกมันโค่นเสาหลักหักจำหน่าย
โรงโขนยุบหักพับทับควายตาย
เสียงโวยวายดังก้องถึงท้องนา
เลยโทรมาบอกข่าวมาเล่าเรื่อง
คนในเมืองอย่างมึงได้รู้ว่า
คนบ้านนอกอย่างกูนั้นระอา
ขอร้องอย่าเล่นโขนควายให้ควายดู
ควายอย่างกูโง่เง่าแต่ซื่อตรง
และมั่นคงต่อคนดีที่มีอยู่
ใช่เป็นเพียงอ้าปากอยากมุดรู
ทั้งที่รู้ว่าขุดล่อด้วยบ่อเงิน
17 พฤศจิกายน 2553 16:25 น.
ร้อยฝัน
ลมหนาวพัดจากค่ำจวบย่ำรุ่ง
ก่อนตะวันจะพุ่งมาฉายแสง
แต่งแต้มฟ้าดังว่าทาสีแดง
ก่อนร้อนแรงเผาไหม้ในวารวัน
ชงกาแฟอุ่นอุ่นหอมกรุ่นกลิ่น
ละเลียดลิ้นละมุนอุ่นอวลฝัน
ขมปนหวานซ่านซับรวมรับกัน
เติมความมันด้วยครีมข้นจนล้นช้อน
บทเพลงรักยามเช้าเร้าให้ตื่น
รับความชื่นแห่งวันนั้นไว้ก่อน
ก่อนจะจางจากไปไม่อาทร
ด้วยความร้อนทุกโมงยามตามตะวัน
(เป็นเหตุให้)
คนธรรมดาไม่ธรรมดามานั่งคิด
ทำถูกผิดอย่างไรใครรังสรรค์
เกณฑ์ที่ว่าเกิดมาได้อย่างไรกัน
ในเมื่อมันไม่อาจแยกให้แปลกไป
คนทำดีได้ดีเป็นศรีศักดิ์
คนจะรักจะล้อมยอมดีได้
แต่ทำชั่วคนด่าว่าจัญไร
แต่ทำไมสังคมยังจมดิน
คนดีดีของฉันนั้นผิดแผก
คือคนแบกทุกข์ไว้ไม่หมดสิ้น
แต่คนชั่วคือสนุกสุขอาจิณ
ทั้งโกงกินกอบโกยโอ้ยสบาย
แล้วมาวัดชั่งตวงบ่วงความคิด
ทั้งถูกผิดสับสนวนเวียนว่าย
จะแบกทุกข์ทำไมไปจนตาย
เพราะสุดท้ายก็ต้องตายเพราะทำดี