24 ธันวาคม 2548 00:13 น.
ร้อยฝัน
ถ่าน
ตัดเอาไม้ตรงปลายนาเอามาเผา
ลงในเตาดินเหนียวขนาดใหญ่
โดยใช้แกลบจากโรงสีเป็นเชื้อไฟ
เผาจนไหม้ระอุประทุควัน
สักครึ่งวันแล้วเอาดินเหนียวปิด
ให้มิดชิดตามช่องปล่องลมนั่น
ปล่อยทิ้งไว้ให้เตาเย็นลงพลัน
เก็บถ่านนั้นไว้หุงหาคราต่อไป
ไฟ
ร่างแม่เฒ่าคุดคู้ดูเหน็บหนาว
เสียงสั่นราวผีเข้าคราวจับไข้
ลูกชายเร่งรีบรุดเข้าจุดไฟ
หวังเพียงให้ไออุ่นกรุ่นกำจาย
ข้าวสารหมดเงินหมดอดท้องกิ่ว
ยามเมื่อหิวน้ำประทังยังไม่หาย
มาทุกข์ซ้ำยิ่งแย่แม่ใกล้ตาย
เกิดเป็นชายต้องอยู่สู้ต่อไป
นึกถึงถ่านที่เผาในเตาดิน
ยังมิสิ้นหนทางพอหวังได้
มองเห็นแสงสว่างส่องทางไกล
มิร่ำไรรีบเร่งเกรงเสียการ
ขายถ่านหมดได้เงินเดินไปซื้อ
มือหนึ่งถือถุงยาและอาหาร
อีกมือหนึ่งกำเงินไว้ตรองอยู่นาน
จึงก้าวผ่านตรงไปไม่รอรี
รีบกลับบ้านหุงหาข้าวปลาก่อน
แล้วจึงย้อนดูแม่อย่างเร็วรี่
เห็นศพแม่น้ำตาไหลมาทันที
โอ้ชีวีแม่ลับดับสิ้นไป
เก่า
นอนคุดคู้ข้างถนนคนเดินผ่าน
อยู่ในย่านคนจนบนเมืองใหญ่
หมดความฝันหมดหวังหมดแรงใจ
ไม่เหลือไฟต่อสู้ในแววตา
ชีวิตเก่าคนเก่าที่เล่าขาน
เป็นตำนานคนจนคนหมดท่า
ดังผงดินหมดสิ้นไร้ราคา
เป็นดังผ้าขี้ริ้วเก่าเขาไม่มอง
23 ธันวาคม 2548 16:07 น.
ร้อยฝัน
== > มีดบาดนิ้วน้อง เจ้าร้องเสียงดัง
พ่ออุ้มมานั่ง บนตักแข็งแรง
== >พ่อเป่าเพี้ยงหาย เจ็บคลายใช่แกล้ง
เหลือรอยแดงแดง พ่อเอายาทา
== > พอแม่มาถึง เจ้าจึงเอาหน้า
ยื่นแก้มยุ้ยมา ให้แม่ชื่นใจ
== > ออดอ้อนฉอเลาะ พูดเพราะเสียงใส
แม่จ๋าทำไม แม่จึงเพิ่งมา
== >มีดบาดนิ้วหนู พ่อรู้ ใส่ยา
คราวนี้ถึงตา แม่จ๋าช่วยที
== >แม่จับมือน้อย เจ้าคอยดูที
มนต์แม่บทนี้ เจ้าจะหายพลัน
== >แม่ก้มลงจูบ แล้วลูบหัวนั้น
ต่างยิ้มให้กัน เจ็บพลันมลาย
== >เป็นเกราะป้องกัน สิ่งอันเลวร้าย
ความรักคลี่คลาย ลูกหายกังวล
== >รักของพ่อแม่ จริงแท้มากล้น
ขอเราทุกคน ยึดมั่นกตัญญู
19 ธันวาคม 2548 23:44 น.
ร้อยฝัน
***** ในอ้อมกอดของสายลมหนาว
คนหัวใจร้าวยิ่งเงียบเหงา
ข้างกายไม่มีแม้แต่เงา
ของคนอย่างเขามากล้ำกราย
***** หลับตาฟังเสียงของหัวใจ
มันกู่ร้องร่ำไห้ เมื่อรักหน่าย
หยาดหยดน้ำตาที่พร่างพราย
ไหลรินเพื่อคลายความหมองตรม
***** อยากหลับไปชั่วนิรันดร์กาล
ลืมเรื่องวันวาน ที่ขื่นขม
ลืมสิ้นหัวใจที่ซานซม
ลืมความระทม ที่เคยมี
***** เมื่อลืมตาตื่นเห็นความจริง
ไม่อาจละทิ้ง ฤาหลีกหนี
ไม่อาจตัดเยื่อใยไมตรี
ที่เคยมี เคยให้ มาเนิ่นนาน
***** จึงต้องทนสู้อยู่ต่อไป
เจ็บร้าวเพียงใด ต้องให้ผ่าน
จะทุกข์ จะท้อ ทรมาน
ล้มลุก คลุกคลาน ต้องทนเอา
========================================================
***** ในอ้อมกอดของสายลมหนาว
คนหัวใจร้าวยิ่งเงียบเหงา
ข้างกายไม่มีแม้แต่เงา
ของคนอย่างเขามากล้ำกราย
7 ธันวาคม 2548 21:48 น.
ร้อยฝัน
ใจเอย
ไยจึงต้องสั่นหวิวไหว
ยามประสบพบหน้าคราใด
หัวใจดังจะขาด ณ บัดดล
ใจเอย
ไยต้องหวาดหวั่นสับสน
ยามสบตาดังหนึ่งต้องมนต์
ร้อนรนกระวนกระวายหนอใจ
ใจเอย
เจ้าจะเคยรู้สึกบ้างหรือไม่
คิดถึงห่วงหาเพียงใคร
ที่ไม่เคยสนใจไยดี
ใจเอย
ไยเจ้าเปลี่ยวร้างอยู่อย่างนี้
แม้ยอมถวายกายพลี
แต่ไม่มีทางได้ใจมา
ใจเอย
อย่าเลยอย่ารู้สึกห่วงหา
เจ้าคงได้แค่เพียงน้ำตา
เป็นยามารักษาแผลใจ
ใจเอย
อย่ารักเขาเลยจะได้ไหม
หยุดความรักรุ่มร้อนดังไฟ
เก็บไว้เพียงในใจเถิดนา
ใจเอย
ลืมเถิด ลืมรักที่ปรารถนา
หันมองบางใครใกล้ตา
ที่ยังเห็นค่า ของหัวใจ
3 ธันวาคม 2548 22:46 น.
ร้อยฝัน
เป็นเศรษฐี ผู้ร่ำรวย ในหมู่บ้าน
ละแวกย่าน คนจน บนเมืองใหญ่
มีลูกสาว สวยจริง ยิ่งกว่าใคร
หวงดังไข่ ในหิน ริ้นมิตอม
ทุกทุกวัน ส่งลูก ไปโรงเรียน
เธอพากเพียร สมดัง พ่อถนอม
ทำเพื่อลูก อย่างไร ก็ต้องยอม
เศรษฐีพร้อม ยอมให้ ลูกได้ดี
มาวันหนึ่ง ลูกสาว นึกสนุก
จึงรีบลุก ออกไป อย่างเร็วรี่
ขึ้นรถเมล์ ที่ป้าย ไปทันที
ใช้ชีวี ธรรมดา อย่างสามัญ
ผู้เป็นพ่อ เป็นห่วง ลูกสาวนัก
เกณฑ์พลพรรค ตามหา จ้าละหวั่น
กลัวเหตุร้าย จะเกิด ขึ้นครามครัน
ไม่อาจกั้น ความห่วงหา ความอาทร
จึงขับรถ ออกไป เที่ยวตามหา
ในอุรา หวาดหวั่น นึกสังหร
กลัวลูกมี อันตราย ยามที่จร
เฝ้าแต่ถอน หายใจ ไม่สร่างซา
ส่วนลูกสาว สนุกนัก ได้ลักลอบ
นึกคิดชอบ จะทำ เป็นหนักหนา
พอตอนเย็น นั่งรถเมล์ รีบกลับมา
กลัวบิดา จะด่า ว่าไม่ดี
ไม่อยากให้ บริวาร ออกมารับ
จึงเดินกลับ คนเดียว อย่างเร็วรี่
ถึงทางเปลี่ยว เหลียวหา ใครไม่มี
ดวงฤดี คิดขยาด นึกหวาดกลัว
พลันมีชาย ฉกรรจ์ ประจันหน้า
โผล่ออกมา ฉุดกระชาก ลากกันมั่ว
เธอดิ้นรน ต่อสู้ กันเนียนัว
ด้วยรักตัว กลัวตาย กัดฟันทน
ท่านเศรษฐี ขับรถผ่าน ได้ยินเสียง
ฟังสำเนียง เรียกให้ช่วย ตั้งหลายหน
แต่ก็คิด ว่ามิใช่ กิจของตน
คิดจะหนี ให้พ้น คนจัญไร
แต่ก็นึก ถึงลูกสาว กลัวสบเหตุ
กลัวพวกเปรต อัปรีย์ นี้เข้าใกล้
สั่งบริวาร เข้าช่วย ในทันใด
มันหนีไป ทิ้งให้ เหยื่อครวญคราง
จึงมองเห็น ร่างนิ่ง ไม่ติงไหว
เดินเข้าใกล้ พิศดู อยู่ไม่ห่าง
พลันเศรษฐี หน้าเผือด จนซีดจาง
พิศหน้านาง คือลูกสาว ของตนเอง
เศรษฐีรีบ พาลูก ไปหาหมอ
ไม่รั้งรอ แจ้งความ อย่างรีบเร่ง
เป็นคราวเคราะห์ ที่ประสบ กับตนเอง
หากกลัวเกรง คนอื่น จักมีภัย
พลันได้คิด หากตน ทำนิ่งเฉย
ทำละเลย ปล่อยเหตุ เกิดขึ้นได้
ป่านฉะนี้ ลูกสาว เป็นอย่างไร
เป็นคนไทย มีน้ำใจ ใช่ปล่อยวาง