12 เมษายน 2546 12:08 น.
รุ้งสวรรค์
กับฤดูกาลก็เช่นกันเจ้าฤดูกาลมันจะเปลี่ยนผัน
ไปตามกาลเวลาไม่หยุดนิ่งเสมอ
คราวลมหนาวพัดโชยมาก็เหมือนความรักที่มีแต่ความเยือกเย็น
แต่เจ้าความเยือกเย็นที่ว่านี้แหละมันก็เต็มไป ด้วยความสวยงาม
บางคราวเค้าหรือเธออาจดูเย็นชาต่อคุณ
แต่รู้ไว้อย่างเถอะว่าอย่างไรก็ตามในใจของเค้าคงมีคุณอยู่
เต็มหัวใจอย่างแน่นอน
ความรักที่อบอุ่นก็เปรียบเหมือนฤดูร้อนที่บางครั้งอาจจะอบอ้าวมากเกิน
จนทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัว แต่มันก็ดีไม่ ใช่เหรอ
ที่อย่างน้อยคุณก็ยังรู้ยังคงมีเค้าคนนั้นคอยห่วงใยคุณอยู่เสมอ
ถ้าเราสามรถปรับตัวให้เข้ากับมันได้แล้วละก็มันก็
จะทำให้คุณมีความสุขและอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเชียวหละ
ฤดูฝนก็คล้ายกับเวลาที่คุณกับคนรักจะมอบความรัก
หรือแม้แต่ถ้อยคำซึ้งกินใจให้แก่กัน ฝนซึ่งนำความสดชื่นชุ่มช่ำ
ก็เหมือนคำบอกรักของเค้าที่มอบให้คุณ
มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจของคุณ
ให้สดชื่นชุ่มช่ำอยู่ เสมอ
วันนั้นเฝ้ารอเฝ้ามอง
เฝ้าหวังความรักสดใส
เฝ้าคิดเฝ้าฝันห่วงใย
เฝ้ารอวันใหม่มีเธอ
วันที่ฟ้าอาจเป็นสีเทา
ท้องฟ้าว่างเปล่าไร้ดาวเคียงข้าง
คงคล้ายๆๆ ความผูกพันธ์ที่เริ่มจืดจาง
เริ่มมีช่องว่างและห่างกันไกล
ในวันนี้ท้องฟ้าอาจหม่นหมอง
ฝนปรอยเป็นละอองในวันที่ฟ้าใส
คงคล้ายใจฉันที่สั่นคลอนในหัวใจ
ไม่เป็นไรฉันยังอยู่ได้หากฟ้ามืดมน
พรหมลิขิต มีจริงไหมไม่อาจรู้ได้หรอกนะ....
แต่อย่างหนึ่งที่เชื่อมั่นถือมั่น ก็คือหัวใจของเราหาก
คำรัก พูดง่ายๆแต่ต้องให้หัวใจค้นหาอยู่ตั้งนาน
การรอพูดสั้น ๆ แต่ต้องการความมั่นคงมากมาย
I cant soul mate for youBut I love you forever
แม้ฉันจะไม่ใช่คู่แท้ของเธอแต่ฉันจะรักเธอตลอดไป
ไม่ว่าพรุ่งนี้จะดีหรือร้าย แม้ไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
แต่ไม่เคยเสียใจที่ได้รู้จักคนอย่างเธอ
รักษาสุขภาพดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ คิดถึงนะ
โอกาสคงจะไม่ใจร้ายนักหรอกจริงไหม.....
12 เมษายน 2546 11:51 น.
รุ้งสวรรค์
เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ
เป็นเพื่อนรักกันทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน
จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืช และสัตว์ขึ้น
แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า
ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ และถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกที
จนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่า
ท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า
แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมากเลยไม่ได้ยิน
นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า นกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้น
และส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้า
แต่นกก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัว จะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก...
ผืนน้ำและแผ่นดิน รู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล
และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน
ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัว เป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่าน แต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า
พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดู เหตุการณ์มาโดยตลอด ก็บอกกับทั้งสองว่า
"เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้"
พระอาทิตย์จึงอาสาช่วย โดยการส่องแสง ลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน
ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า...
เล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปตามที่ แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา
และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก อยากให้ท้องฟ้า
ลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน
ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้
"ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว
ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่ เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ
และโอบกอดแผ่นดิน และผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น
และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำ
และอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด"
ก้อนเมฆก็ตอบว่า...
" อยู่บนนี้นานๆก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง"
ท้องฟ้าเลยบอกว่า...
"ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่
ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมาก
พอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า"
จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึง
อันมากมายของท้องฟ้า แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งความความรัก
ความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก
แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง
ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย .
:: รู้ไหมหรือยัง.. ทำไมเวลาฝนตกเราจึงต้องคิดถึงใครบางคน ::