9 พฤษภาคม 2546 01:59 น.

มหาชนกคำกาพย์ : กถามุข

ราม ลิขิต

๐ปางองค์สัมมา           ผู้ทรงพุทธา
เปี่ยมพระกรุณา            อเนกเนื่องอนันต์
ครั้งทรงประทับ            ยับยั้งเชตวัน
สรรเพชญพรหมจรรย์     สำราญหฤทัย

๐งามกิจกริยา              สูงส่งศีลา
ลุล่วงวิชชา                 เกษมผ่องใส
รอยบาทยาตรย่ำ          พระธรรมไผท
ดับแล้งแห่งใจ             ฉ่ำชื่นชีวิน

๐ ณ กาละนั้น              สดับสงฆ์สังสันทน์
แว่ววากย์พากย์พรรค์     ถกถ้อยร้อยริน
พุทธลีลา                   บ่ายหน้ากระบิล
สภาสุศิล                   ใคร่ร่วมเรียงสาร

๐เพื่อยังประโยชน์        ธรรมะสมโภช
อันปราชญ์พึงโปรด      ประจุสมาน
เมื่อกอปรการดี            ย่อมลี้เล่ห์มาร
วัฏชลธาร                   สิ้นกาลกระแส

๐ครั้นถึงตรัสถาม         สงฆ์เอยอันความ
ปวงท่านนิยาม            ถ้อยใดคำแด
แจ้งตถาคต                ร่วมพจน์ปรุงแปล
ยุบลจงแบ                  บอกเรื่องเราฟัง

                              ๐จึงสงฆ์ประนม  
แถลงพระอธิคม          แห่งพระอรหัง
หม่อมฉันสรรเสริญ      บารมีพุทธัง
สละเพื่อโลกยัง           ยกหล้าร่มเย็น

                              ๐องค์พระสัมพุทธ
ฟังสงฆ์น้อมนุต          ธ เปิดประเด็น
ใช่ว่าชาติเดียว           ขับเคี่ยวลำเค็ญ
ชาติก่อนก็เป็น           เฉกนี้มานา

                              ๐หมู่สงฆ์กราบทูล
องค์ธรรมไพบูลย์        วิสัชน์วาจา
เล่าเรื่องเบื้องหลัง       อตีตังกาลา
แหล่งที่มีมา               ณ ด้าวแดนใด

                              ๐จึงทรงกถา
ยกเรื่องวิริยา              ยิ่งยงยองใย
เทิดเป็นเกราะกัน         สารพันเภทภัย
หากเปี่ยมหัวใจ           ปราชัยไม่มี

                              ๐เอกอุทรงอาจ
ครั้งแรมนิราศ             จรจรดบถศรี
มหาชนก                   หยิบยกวาที
ข้อคิดคดี                   สดับแสดง/.				
8 พฤษภาคม 2546 03:38 น.

เตมีย์คำกลอน : เตมีย์ใบ้

ราม ลิขิต

นับเนื่องจากนั้นทุกวันมา  
เอกองค์กุมาราวางท่าสม
คู้คิงพิงค้างสรรพางค์คม   
เค้เก้ตัวกลมจนนมงง

สังเกตกิริยาดูว่าแปลก   
ต่างแตกปกติดำริหลง
มือไม้หงิกงอไม่ต่อตรง   
ขาแข้งแครงคงดูก่งกรอ

ไม่รู้ไม่รับประทับนิ่ง   
อึงอิงไอ้อีไม่อี๋อ๋อ
สะดุ้งแม้นิดยังคิดพอ   
นี่พ่อเงียบงันจนพรั่นใจ

จึงทูลจันทาพระเทวี   
ว่าองค์เตมีย์นี่ไฉน
จู่จู่พระคุณไม่วุ่นใคร   
หม่อมฉันหวั่นภัยให้เกรงการ

กลัวเกิดโรคาพยาธิ์พาธ   
กลัวนาถต้องกลีธรณีสาร
หรือว่านมเน่าอีเต้ายาน   
ยัดเยียดเสียดทานกุมารเมา

แม่นมรมคำชักพร่ำเพรื่อ   
แทงเถือกล่าวโทษพาโจทก์เหมา
ต่างเถียงเกี่ยงกันไม่บันเบา  
ถึงเข้าขั้นมีจะตีกัน

จอมนางหย่าทัพระงับศึก   
ตรองตรึกนึกมีฤดีหวั่น
หมอหลวงให้หามาโดยพลัน  
นางแจ้งราชันย์ในทันที

กราบทูลต้นสายและปลายเหตุ  
ภูธเรศตกใจเหมือนไฟจี้
รุดสู่ชั้นในไม่รอรี   
เห็นลูกยามีดุษณีกาย

ดำรัสตรัสถามผู้พราหมณ์แพทย์  
ออดแอดบอกดูตามรู้หมาย
ลูกข้าเงียบงันอันตราย   
ดีร้ายเจ็บนั้นเป็นฉันใด

หมอเฒ่าเข้าตราคลำหาตรวจ  
สำรวจถี่ถ้วนกระสวนไข้
ไม่พบสมุฏฐานชักง่านใจ   
ดูหนอนอกในก็ให้ดี

ตำราร่ำเรียนก็เพียรหมด   
ไส้สาวกี่ขดจรดขี้
คงเป็นโรคใหม่ไม่เคยมี   
โอ้หนอข้านี้สิ้นวิชา

จึงกราบทูลองค์พระทรงเดช  
อันเหตุแห่งโรคที่โยคหา
สันนิษฐานไม่ได้ไร้ตำรา   
ขอพระกรุณาให้ข้าลอง

วางกลค้นกายอุบายก่อ   
ร้ายหนีดีพอบ่งหน่อหนอง
พระเตมีย์ใบ้ไร้ลบอง   
จำต้องวางการควานคำนวณ/.				
8 พฤษภาคม 2546 03:36 น.

ลิลิตสุวรรณสาม : ออกเดินทาง

ราม ลิขิต

๐หวัง  อวยหน้าที่บึ้ง        บอกหวัง
พร  พ่อขอแม่ยัง                 อยู่ให้
ร้อน  ฉ่าเฉี่ยวสันหลัง           ลงจิต
เหลือ  ร่อยบุกบ่งไส้             เสี่ยงสู้พยัคฆ์สาร

    ๐ขึ้น  ชานดูร่อแร่            สองรา
เสือ  เบิ่งโคระอา                อัดอั้น
ลง  กราบแทบบาทา            ท่านถัด
ยาก  ยิ่งจนย่อยั่น                ยิ่งเข้าถ้ำเสือ   
 
    ๐เคื้อหนุ่มเศร้า              กำสรวล
สาวลามวล                       หมู่เหย้า
ต่างคมครวญ                     เขาแค่น
จึงน้อมเกล้า                      กลับมา
 
    ๐ลาจากแล้ว                 พ่อรัก
ไหนยากนัก                      นี่เอื้อน
แม่ฟูมฟัก                         ตกฟาก
โปรดยิ้มเยื้อน                   อย่าหยัน

    ๐พ่อแม่ขั้น                  ขุนเขา
คุณคงเนา                       แนบข้าง
มิเคยเบา                         บ่าแบก
ลูกแค้นค้าง                     เขื่องทับ

    ๐นับชาติหน้า             แลหนอ
ลูกจักกรอ                      กลับให้
ชาตินี้ขอ                       คลาก่อน
อย่ารู้ไข้                        ขุ่นเข็ญ

    ๐เห็นใจเจ้าทั้งคู่               ครวญคร่ำใครรับรู้
เปียกหน้าตาหมอง  

    ๐มองไปที่พ่อแม่              สองท่านเมินอยู่แล้
กราบเท้าพลางถอย

    ๐คล้อยหลังลงจากเรือน     พ่อแม่เบือนบิดหน้า
เห็นปัดยมระย้า                     หลั่งย้อยยาวสินธุ์
  
    ๐ผินดูสองลูกจร               สุดอาวรณ์หวั่นโอ้
กระทั่งสิ้นเพล้โพล้                พ่ายแล้วล้มพับ

    ๐ดำเนินนับเนื่องม่ง      ดำนาณดงแดนอรัญ          ดำริพันนฤพาน  
ดำรูมานสิริ                     ดำเนียรโดยสติสลัด            ดำเนียนวิบัติเดิมบ่า
ดำหนิปาณาติบาต           ดำรวจสองอาตม์สงบ            ดำบลภพหิมพานต์
ดำกลการกระนี้                ดำแคงพรตกระพี้              ผ่าสิ้นผ่องใส/.				
6 พฤษภาคม 2546 02:37 น.

ลิลิตสุวรรณสาม : ไปสู่ฤาษี

ราม ลิขิต

๐ผ่านเพ็ญโดยภาคย์ด้วย      เจษฎา
กุลบุตรธิดาพราน                   ภาพพร้อม
อายุมั่นชันษา                        สิบหก
สมส่วนสำอางค์อ้อม              โอบเอื้ออาทร

    ๐สาครสองฝั่งเฝ้า              ใฝ่เยือน
ครัวคู่ต่างเตือนตาม                 ตืดเกี้ยว
วิวาหะละเรือน                       ของลูก
รักมิรักสุดเอี้ยว                      โอษฐ์อึ้งบุตรเอ๋ย
 
    ๐ตามเลยตามแต่ผู้             พระคุณ
พ่อแม่อดุลย์ปาน                    เปรียบได้
สาครเขตเขาขุน                    คำกล่าว
เทิดท่านทั้งสองไท้                 เท่านี้ทรามหนอ
 
    ๐พรักพอพิเชฐแผ้ว               เพลงขาน
ตกแต่งต่อพาลพงศ์                 สืบผู้
สมรสสู่ประสาน                      พิเศษ
ห้องแผกหาชนรู้                     เรื่องลี้ลับเห็น
 
    ๐เป็นไปโดยดั่งนี้                แลหนา
สูญหมดกามารมณ์                  ดับไหม้
สมมาดปรารถนา                    ในเจตน์
สองจิตจรุงไล้                        เลื่อมรุ้งแจรงศาส์น

      ๐กาลหนึ่งทุกุละ      มาคะนึง ณ อกใจ            มาอาศัยทุอาชีพ
มาฆาตคีบงาสาร           มาถือพาลพันพัว             มาดึงตัวลงต่ำ
มาเหยียบย่ำศานติ         มาปริเปิดทางนรก            มาปกปิดทางสว่าง
อันน้องนางปาริกา         ก็เจตนาเช่นตัวอาตม์        เธอหมายมาดในธรรม
จำเราจะปรึกษา            อำลาเผ่าพันธ์นิษาท         ยุรยาตรสู่หิมพานต์
สำแดงกิจการพระดาบส  ประณตน้อมทางฤาษี        เป็นรัชนีกรส่องโลกา
ว่าพลางก็ดุ่มดั้น            สู่หับแห่งนุชนั้น               เพื่อน้อมนำสาร

     ๐นงพาลปาริกา        ครั้นทุกุลาผู้สามี              แจ้งคดีเธอดำริ
นางก็ตริตรองตรึก          นึกถึงบิดามารดร              คงจะค่อนแค้นใจ
จึงแจ้งให้บุรุษเห็น          ความลำเข็ญข้องขัด        ความวิบัติเบี่ยงบ่าย
ฝ่ายชายจึงกล่าวถ้อย      รักเลิศหามจั่วจ้อย           ชั่วช้าชิงเสา

     ๐จึงบอกเลาเรื่องแกล้ง       บุพการ
ใคร่บวชบานบำบวง                 ศาสน์เบื้อง
โกรธเกรี้ยวเฉี่ยวประหาร          ประหัต
บ้านแตกสาแหรกเปลื้อง          ป่นปี้เปื่อยสลาย

    ๐โวยวายมาว่อนแว้ง          วางสาร
เถาเทือกพรานหาเป็น             ดาบส์ไม่
แม้นเอ็งอยากเข้าฌาน            เชิญเถิด
จงออกอย่ากลับให้                 หน่วยหั้นข้าเห็น

     ๐เมื่อเป็นดังด่านี้        สองสามีภรรยา               จึงกราบลาแม่พ่อ
ขอบากหน้าสู่พงไพร        ไปครองเพศไพสิฐ           เอาสุจริตเป็นที่ตั้ง
ยังอบายบำบัด                สกัดนรกานต์กำเนิด         เปิดประตูแดนสรวง
ดวงจิตสองแก่กล้า           มุ่งสู่สุดขอบฟ้า              ฝั่งเรื้องรามสลวย/.				
5 พฤษภาคม 2546 18:16 น.

เตมีย์คำกลอน : อุบายเทวธิดา

ราม ลิขิต

แต่นั้นมาพระกุมารการกำสรด  
ก็ปรากฏทุกวันพัวพันหลอน
เรือนฆ่าโจรจ้วงมานแทบรานรอน  
บรรจถรณ์ร้อนรมอยู่กรมกรอม

เกรงโลกันตร์นั้นมีถึงที่สุด  
แสยงผุดพรรณพ่ายจนผ่ายผอม
ทำฉันใดไหนดีหนีเขาลอม  
นวลถนอมข้องคับจนหลับไป

กาละนั้นพระองค์ทรงนิมิต  
โดยจริตรนล่องมิผ่องใส
บันดาลดลเทพธิดาอ่าอำไพ  
ชำแรกในดวงจินต์สุบินบง

งามถนิมพิมพ์ผ้าอาภรณ์เพริศ  
ลินลาเลิศนาฏาพญาหงส์
เรืองประกายพรายพร่างนางอนงค์  
เธอบรรจงจรดมาหน้าเตมีย์

แล้วเอ่ยว่าอาวรณ์เนื้ออ่อนแท้  
เห็นลูกแม่โศกศัลย์กันแสงศรี
เป็นแม่ลูกผูกกันแม้พันปี   
คงแม่นี้ห่วงใยในลูกยา

เห็นมีสุขทุกข์หายใจแม่สุข  
ครั้นเห็นทุกข์สุขซ่อนมารดรหา
ความเป็นแม่แท้สุดที่บุตรา  
จงจรรจาคนดีมีกระไร

กุมารน้อยฟังคำดำเกิงจิต  
รำลึกชิตชะตาเทวาไหน
ก็แจ่มแจ้งแล่งล่วงถึงดวงใจ  
หฤทัยค้อมคมพนมมาน

ลูกกราบเท้าเจ้าแม่ผู้แก่เกล้า  
อุตส่าห์เฝ้ากำพูฉัตรกษัตริย์ศาล
เหมือนหนึ่งคอยชูชุบบุพกาล  
เพื่อประทานปรึกษาลูกยายัง

อันพระคุณทรงมีนี้หน่วงหนัก  
เพื่อลูกรักแม้ว่าจะตราสัง
ก็คงคอยช่วยลูกผูกพลัง   
อันเมตตังมาตาค่าบุรินทร์

แล้วพระองค์จึงแจ้งแถลงถ้อย  
ทุกข์ที่ร้อยราชแสลงกันแสงสินธุ์
ความขัดข้องหมองไหม้ในชีวิน  
ก็หลั่งรินจากโอษฐ์โจทยา

เทพธิดาฟังคำอันก่ำกลุ้ม   
ก็โอบอุ้มองค์บุตรตอบปุจฉา
อย่าร้อนใจไปเลยเงยพักตรา  
ฟังมารดาแล้วเจ้าจะเข้าใจ

จงสำแดงแต่งทำระกำเกิด  
ให้เลยเถิดทุกอย่างว่าทางไหน
จงทำเปลี้ยเสียขาจะคลาไคล  
และทำใบ้บอดคำจะจำนรรจ์

ปิดสดับระงับโสตโปรดทำหนวก  
กระทั่งพวกพาราพากันหยัน
บรรลุกาลกรรณีเป็นดีกัน   
เขาจะพลันขับออกนอกนคร

อุกฤษฏ์การภารนั้นต้องขันติ  
เกินดำริของลูกเหมือนถูกศร
ประสาทเสร็จสูญวับลับนิวรณ์  
ประสบพรองค์คืนตื่นบรรทม/.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงราม ลิขิต