11 กุมภาพันธ์ 2546 15:11 น.
ราม ลิขิต
จึงเจ้าการะเกดประกาศศึก
แต่เย็นค่ำย่ำดึกผนึกด้าน
ดาบกูนี่หนอจะต่อมาร
ให้มันฉานเลือดฉาบอาบแผ่นดิน
ที่จะให้ใจกลัวจนหัวหด
มันจะไม่ปรากฏสบถดิ้น
เมื่อเอ็งมาสาไถยให้ได้ยิน
ก็จะผินหน้ารับนับทุกเพลง
ขุนทหารชาญชัยจากใดหรือ
จึงเที่ยวถือความถ่อยคอยข่มเหง
หรือสามารถอาจวิชาว่านักเลง
จึงเที่ยวเบ่งพองมั่วจนตัวบวม
จะไส้แห้งไส้เหี่ยวหรือเสี่ยวให้
มันก็ไส้ของกูถึงรูส้วม
จะไส้หมูสู้ไหมมาใส่นวม
กูจะซัดให้น่วมถึงหลวมใน
เมื่อกฎหมายคลายหมดเป็นกฎหมู่
แล้วจะอยู่สุขขังกันจังได๋
เมื่อปิดหูปิดตาหมู่ข้าไท
มันก็ไข้ทุกขังกันทั้งปี
เมื่อเถลิงแล้วมาเหลิงระเริงกัด
ย่อมเคืองขัดต่อพาราสาวัตถี
เมื่อค่ายคูดูครบสงบดี
กลับป่นปี้ถอยถดเหมือนหมดทาง
จะไปสู้หมู่ใดให้สะเด่า
สู้ให้เขาหัวร่อจนงอหาง
คิดแค้นแน่นใจอยู่ไม่จาง
จึงเหน็บกริชเข้าสีข้างขึ้นอาชา
แล้วเผ่นโผนโจนพลังดังอั้งยี่
ต่อแต่นี้กูจะไม่ไปสุขา
จะไปคุมสุมข้องซ่องโจรา
เอ๋ยกูอิดหนาระอาใจ
เจ้าการะเกดเอย
เจ้าขี่ม้าเทศ
จะไปท้ายวัง
ชักกริชออกมาแกว่ง
แต่เปล่าแทงฝรั่ง
จะไปแทงไอ้งั่ง
เจ้าการะเกดเอย/.
11 กุมภาพันธ์ 2546 15:08 น.
ราม ลิขิต
ยังพอมีแสงให้ส่องใบหน้า
เค้าลางว่าสวยคมสมสมัย
ที่อยู่ข้างตัวพี่คนนี้ใคร
น้ำเสียงใสเสนาะหูหนูชื่อดาว
เป็นราตรีที่ใจใครคนหนึ่ง
อยากไปถึงขอบฟ้าเวหาหาว
เปิดประตูจู่ไขหัวใจคาว
จะสอยสาวด้วยเล่ห์กระเท่ห์กล
ดูกรุ้มกริ่มยิ้มพรายย้ายพยัก
ละเลียดรักซ่อนเร้นประเด็นผล
จำจะตีบทแตกให้แปลกตน
พลางร่ายมนต์เป่ามาว่าระรวย
ด้วยใจจริงอยากให้เธอใกล้พี่
แต่เท่านี้คงพอหนอคนสวย
ถึงแสงไฟดื่มด่ำจะอำนวย
ไม่ขอฉวยสร้างช้ำระกำเธอ
พี่ผ่านโลกมามากอยากบอกว่า
พี่รู้ค่ารักใคร่ใครเสมอ
ถึงเคยหลอกออกบ้าเที่ยวล่าเบอร์
ทุกวันเบื่อเหลือเจอระอาใจ
เป็นชายเราเท่านี้เองที่รัก
เที่ยวไล่ควักเค้นคลึงถึงเนื้อไหน
วางเงินทองตีตราค่าอะไร
พอสิ้นคืนสิ้นใคร่สิ้นใจจำ
พี่อยากเห็นเธอนี้ไม่ตีค่า
หัวใจขาไม่ขายให้ใครขำ
หากจะรักรักใจใช่แสร้งทำ
เป็นน้ำคำของพี่ที่จริงจัง
เธอชงเหล้าเคล้าซ่าโซดาซ่าน
โปรยยิ้มกร้านต้านกลสู้มนต์ขลัง
แผลงศรใสนัยนานะจังงัง
ค่ะ! ทุกครั้งรับคำเขาร่ำไป
ชีวิตหนูเจ็บช้ำระกำกลิ้ง
เป็นเด็กดริ๊งค์จะเอาค่ามาแต่ไหน
ได้ฟังคำคืนนี้หนูดีใจ
สั่งอะไรเพิ่มต่อหนอพี่ยา
ใครคือพรานชำนาญล่ากว่ากันนี่
เหยื่อตัวนี้คือใครอย่างไรหนา
ในกับดักดึกนี้มีชีวา
ใครพลาดท่าติดงับประกับพราน/.
11 กุมภาพันธ์ 2546 15:05 น.
ราม ลิขิต
เขียนความรักสลักใคร่ในคืนค่ำ
ร้อยลำนำห่วงเล่ห์เสน่หา
ใช่จริตชิดชอบกอบกามา
หากรู้ค่าความจริงอันพริ้งพราย
ไม่บรรลุปุถุชนบนโลกหล้า
ย่อมอุราอารมณ์มาฉมฉาย
ด้วยเชื่อว่าความจริงของหญิงชาย
คือความหมายเที่ยงตรงดำรงพันธุ์
การมีจิตพิศวาสประหลาดหรือ
เปล่าเลย!ถือธรรมดาประสาฉัน
กลับสวยสมคมขำดึกดำบรรพ์
รักใคร่สรรค์สร้างศิลป์จินตนา
อาจบ้างโศกเศร้าขวางแต่บ้างสุข
บ้างท้นทุกข์บ้างทาสปรารถนา
ถึงอย่างไรชีพนี้มีชีวา
ไร้วิญญาณ์ย่อมพยนต์หรือกลไก
ไม่เชื่อว่าผู้ใดจะไร้รัก
ไม่เชื่อหนักหน่วงว่าจะราใคร่
ด้วยสองสิ่งจักอยู่คู่กันไป
กอปรเป็นโลกวิไลไสววาว
แม้หัวใจใครหนออาจพ้อว่า
วันเวลาเขียวชอุ่มของหนุ่มสาว
วุ่นจมปลักศักดิ์ศรีมีแต่คาว
จะสอยดาวสาวเดือนได้อย่างใด
พินิจดูใจกระด้างหรือสร้างโลก
ย่อมกระโดกดาวเดือนกระเด็นได้
แต่เยือกเย็นโยนอ่อนย่อมรอนไฟ
พร้อมมุ่นไหมจันทราดาราพราว
เขียนรักใคร่ใจชื่นในคืนค่ำ
เป็นถ้อยคำถอดโขนโยนห้วงหาว
แกะหน้ากากขวากจิตสนิทกาว
ถ้วนทุกก้าวเลิกทุรนสับสนใจ/.
11 กุมภาพันธ์ 2546 15:02 น.
ราม ลิขิต
ในความเหงาเศร้าแฝงแต้มแต่งสี
เพลงกวีใครวอนดูอ่อนไหว
เหมือนเหว่ว้าอารมณ์ขมขื่นใจ
ฟังอาลัยแผ่วโรยระโหยมา
เจ้าอยู่อยู่จู่พรากไปจากพี่
ทำเหมือนรักเรานี้ไม่มีค่า
แม้คำน้อยสักคำก่อนอำลา
ก็สิ้นไร้วาจามาแจ้งใจ
ในเพลงขลุ่ยเขาครวญกำสรวลบอก
พรมละลอกลึกล้ำระกำไหล
น้ำตาเคล้าลมคลอล้อกันไป
ขยี้ใยเยื่อยินถึงวิญญาณ
ฤาเจ้าเกลียดเรือนชานกระดานต่ำ
จึงลืมคำอิงอรเคยอ่อนหวาน
ฤาไอแดดแผดเจ้าจนร้าวราน
ฤารำคาญขุ่นคลองเคืองระคาย
ประสาพี่มีแต่ใจที่ให้เจ้า
กลางป่าเขาไพรพรรณตะวันฉาย
ไม่มีทรัพย์ศฤงคารตระการกาย
จึงหมดรักทิ้งชายให้เจ็บช้ำ
ทุกค่ำคืนตื่นตาผวาเพรียก
สำเหนียกน้ำตาชื้นทุกคืนค่ำ
แวมตะเกียงกรีดใจไหวประจำ
เงาน้องวกซ้ำกระหน่ำทรวง
แต่ละเปิดนิ้วปานประหารหัต
ทยอยตัดลมไต่อย่างใหญ่หลวง
ยะเยือกอาบฉาบน้ำตามาเป็นพวง
พลันขาดห้วงความระทมด้วยลมรวน
เพลงขลุ่ยเขาร้างห่างไปแล้ว
ทำนองแนวกระทบในฉันให้หวน
บรรเลงใจในคืนสะอื้นครวญ
ด้วยบาดใจรัญจวนอดีตจาร/.
11 กุมภาพันธ์ 2546 14:55 น.
ราม ลิขิต
หมู่บ้านเราเขาว่ามันล้าหลัง
เหมือนเมื่อครั้งปู่ย่าเคยอาศัย
เรียกบ้านนอกคอกนาว่ากันไป
ถึงอย่างไรฉันรักอยู่หมู่บ้านเรา
เลื้อยลูกรังวางรอยค่อยค่อยเลี้ยว
ผ่านทุ่งเปลี่ยวเปิดทางอย่างเหงาเหงา
รำเพยลมเรียบล้ามาเบาเบา
ฝุ่นสีเศร้าไหววู่อยู่บางบาง
ใครคนหนึ่งเคยชี้หน้าว่าฉันโง่
ไม่ต้องโงหัวเด่นก็เห็นหาง
ทำเผยอยิ้มย่องไม่มองยาง
เขาสองข้างทั้งคู่รู้ว่าควาย
ไหวน้ำตาอาดูรดังสูญสิ้น
กรรแสงสินธุ์นัยน์ท้นข้นความหมาย
ขณะจิตเจ็บรู้จู่กระจาย
สติคลายทยอยคลื่นกลับคืนคง
เมื่อวัดคนตรงทุนใช่คุณค่า
และมุ่งว่าเนื้อเนมต้องเหมหงส์
เมื่อตีกรอบครอบใจแต่ในกรง
ขอบรรจงวางกรุงมุ่งกลับมา
อนามัย ใช่! เราเพียงเท่านี้
แต่ที่นี่ฉันอยู่รู้รักษา
ได้ปลอบโศกหมองเศร้าชาวประชา
ได้ลงนาสมเห็นฉันเป็นควาย
หมู่บ้านเราเขาว่ามันล้าหลัง
รอยลูกรังเลี้ยวรู้สู่จุดหมาย
ถึงเป็นปลักเหม็นเปื้อนไม่เคลื่อนปลาย
ฉันขอตายเคียงคู่หมู่บ้านเรา/.