25 มีนาคม 2546 17:09 น.

บนเส้นทางมนุษย์ : เย็นแสงศาสนา

ราม ลิขิต

ดั้นด้นค้นลงตรงความเชื่อ		
มุ่งเมือเครือคลุมลุ่มสลัว
จากสมัยสู่สมัยสมามัว			
ทุกข์ยั่วคนถามหาความจริง

เมื่อมืดชนเฉียงก็เพียงสัตว์		
ไสยซัดสับสนทุรนสิง
คดข้องอหวำกระหน่ำวิง			
หมุนวนกลวิ่งในสิ่งทราม
	
ดิ้นไปไร้สุทุจริต			
กอปรกิจกาฬเร่งเขย่งหยาม
อัสมิมานะตะกละกาม			
อยู่ท่ามการตายกระจายกรรม

ลัทธิมองแถนแล้วแล่นบาป		
จึงฉาบอาบสิ้นกระบิลสำ
จักรวรรดิกลัดจวักตักอธรรม		
ขบเคี้ยวละคำอย่างช่ำคอ

ฝูงชนบนเชื่อทะเถือถ้อย			
ต่างช่อยชีพหวานแต่การหวอ
ก้นรั่วกลั้วเก้อกระเชอกอ			
เพียงพออุบัติศาสดา

เกิดเป็นรอยบาทที่ยาตรโลก		
รอยโยคประกาศศาสนา
รอยแย้งแทงย้ำพระธรรมา		
หลักลอยถอยหล้ารอยปรานี

ความรักแผ่ไหลไม่รู้จบ			
ความชังกรังกลบกระทบหนี
นานาสังวาสพิลาสพลี			
กายใจแจงชี้วิถีชน	
	
มิเลือกจำแนกให้แผกภาพ		
ต่างองค์ทรงทาบระนาบผล
สูงต่ำดำขาวอะคร้าวคน			
ประพนธ์ภาคพื้นพิมานแมน

เพื่อโลกร่มเย็นและเป็นสุข		
จึงทุกข์โอบน้อมสู่อ้อมแขน
ชีพคนล้นค่าหาใดแทน			
เก็บแค้นเคืองกันทุกข์บรรเทา

เยือกเย็นแห่งแสงศาสนา		
เพียงเชื่อเย็นชาทว่าเขลา
นับถือโดยข้างไว้อ้างเอา			
ย่อมเมามัวกลับบรรพกาล/.				
23 มีนาคม 2546 19:45 น.

บนเส้นทางมนุษย์ : สายธารแห่งยุติธรรม

ราม ลิขิต

จากหลวมรวมกลั่นจนมั่นแกร่ง		
ตกแต่งต่อเติมประเดิมหน
หนึ่งสองสามเรียงเผดียงดล		
เกิดเป็นผองคนพลสังคม

โดยเหตุรวมอยู่เป็นหมู่มาก		
การยากคือบทกำหนดสม
ป้องดีตีร้ายกฏหมายชม			
มิเลือกเกลือกก้มประนมกร

ไพร่บ้านการมีคดีสู่			
หดหู่เหมือนมีกาลีหลอน		
งันงกอกสั่นประหวั่นวอน			
หัวใจขาดรอนด้วยร้อนรุม

ยากจนข้นแค้นก็แสนไข้			
พึ่งใครหัวขาดคอพาดหลุม
เจ้านายคลุกคลีเศรษฐีคลุม		
มั่วสุมคับซอยเห็นลอยชาย

เงินดีผีโง่จึงโม่แป้ง			
เงินแดงผิดอื้อถูกซื้อขาย
สินบาทสินบนหล่นเรี่ยราย		
เอาควายเข้าคุกสนุกดี	
	
จึงธารยุติธรรมต้องกำจัด			
อุบาทว์อุบัติกำหนัดผี
ที่คอยแอบเร่โสเภณี			
เบียนบี้ระะบบจนลบเลือน

จากผู้เกี่ยวข้องคัลลองขั้น		
เด็ดขาดมาดมั่นสะบั้นเฉือน
ปลาเน่าเอาออกสำรอกเบือน		
ขับเทือนทุกที่วิถีทาง

ไม่รักหมู่เหล่าอย่างเขลาจิต		
ปกป้องคนผิดจริตหมาง
ภาระใหญ่หลวงไม่กลวงกลาง		
ซ่อนพรางอะไรไว้ในรัง

พจน์ตรงองค์ศรีรพีศักดิ์			
ตระหนักทะนงให้คงขลัง
เมาใดเมาได้ไม่น่าชัง			
อามิสเมาหวังถึงพังภิน

การสร้างบริสุทธิ์ให้ผุดผ่อง		
แท้ทองมั่นคงด้วยตงฉิน
ยุติธรรมงามค่าตราแผ่นดิน		
ตัดสินประกาศิตไม่ผิดตัว/.				
22 มีนาคม 2546 15:40 น.

บนเส้นทางมนุษย์ : ไปสู่ภราดรภาพ

ราม ลิขิต

สำรวจตรวจสอบระบอบคิด		
หมายเหตุชีวิตสะกิดผล
ได้รู้เลศต่างระหว่างชน				
เห็นมากไกกลวนประวิง

เมื่อได้เกิดมาชีวาหนึ่ง				
กายกลึงแผกผายเป็นชายหญิง
สวยงามล้ำค่าอาภาคิง				
ขวัญมิ่งธรรมชาติพิลาสมา

มิรู้ว่าโลกโศกสลด				
เสาะกฎสร้างเกณฑ์ตระเวนหา
มิรู้อาเพศเวทนา				
ที่คอยกดบ่าอย่างบ้าบอ

จึงชายหมายมาดว่าชาติเชื้อ			
เป็นเสือเฝ้าถ้ำคำรนสอ
โฮกห่ามความขุ่นสถุลทอ			
ยิ่งใหญ่ยกยอพอพญา

จึงหญิงยิงเรือเสือลำบาก			
ถูกขากลากข่มถ่มถลา	
อยู่ในคืนค่ำกับน้ำตา				
อดทนทรมาน์ดั่งข้านาย

แตกต่างหว่างเพศเทวษศักดิ์			
สังคมจมปลักประตักหวาย
ฆาฏเฆี่ยนเวียนคาบอย่างหยาบคาย		
ความหมายต่ำสุดมนุษย์นาม

ดูราภาดรผู้คอนด้าว				
เปลื้องชฎากลีบเกล้าอะคร้าวหนาม
เลิกหลงพงศ์เผ่าอันเขลาภาม			
ปลดล่ามสายโตของโซ่ตรวน

ดูราภาคินีผู้มีค่า				
เงยหน้าจากงมก้มกำสรวล
สำแดงความคมล้มรัญจวน			
เคียงควรภาคีศรีนคร

ไปสู่ความเสมออันเลอยิ่ง			
งามจริงเอกอุอนุสรณ์
สิ้นทวิตียาฐานันดร				
บวรแท้จริงในหญิงชาย

ระบอบความคิดที่ติดค่า			
ตีตรายกข่มจงล้มหาย
ใจสูงจูงคนพ้นอบาย				
ความหมายแห่งมนุษย์พุทธะชน/.				
21 มีนาคม 2546 02:25 น.

บนเส้นทางมนุษย์ : วสวัตตีสำเริง

ราม ลิขิต

ตัดสินผินข้างบนทางแพร่ง		
เกลียดรักหนักแรงจะแข่งขาน
คันชั่งตราชูเอียงดูการ				
เที่ยงตรงคงฐานประการใด

ประเด็นเห็นได้ในมนุษย์			
สามด้านพล่านผุดมิหยุดไหว
หนึ่งคือคัลลองของธงชัย			
สีขาวพราวไปในลีลา

หนึ่งคือมรรคหลงของดงดาบ			
สีดำชุ่มอาบและฉาบหนา
หนึ่งคือหว่างคั่นอันตรา			
สีเทาหม่นมาตรงค่ากลาง

เวียนวนบนห้วงห่วงสมุทร			
วนว่ายส่ายจุดมิหยุดหมาง
แวดล้อมพร้อมกฎกำหนดวาง			
วิญญาณถูกย่างระหว่างวัน

เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจึงฉายภาพ			
ปั่นป่วนรวนราบนาบสวรรค์
พระเจ้าหายใจแทบไม่ทัน			
ธรรมะเป็นหมันทุกวันมา

จึงขอเพียงเอนไม่เบนหัก			
ขอรักโลกชาติปรารถนา
ของกึ่งของหยาดหทยา			
มองพื้นพสุธาด้วยปรานี

มองคนนัยค่าคำว่าพื่อน			
ดาวเดือนจักพร่างไม่สร่างศรี
มองคนนัยค่าว่ากาลี				
วสวัตตีจักสำเริง

เพียงพร่ำกำแหงสำแดงเดช			
ก็รู้สมเพชกิเลสเหลิง
เพียงปืนแผดเปรี้ยงแรกเสียงเปิง		
ก็รู้มารเกิงจะเริงดิน

จึงใจของตนต้องค้นตอบ			
รู้ชอบดำริรู้ติฉิน
ไม่รู้ใดใดในชีวิน				
หมดสิ้นประเสริฐที่เกิดกาย

ดอกไม้ว่ายฟ้าเวหาห้วง			
แปลงดอกตอกข่วงจะล่วงหาย
แดงฉานผลาญจบทุกศพทราย		
ขอร้ายเลิกแรงเถิดแพร่งคน/.				
20 มีนาคม 2546 02:50 น.

บนเส้นทางมนุษย์ : ในปีกแห่งความกรุณา

ราม ลิขิต

ขึ้นลอยโล้ลำสำเภาล่ม			
กลางคมคลื่นเบ้ที่เห่เหว
กลางคนกินคนทุรนเลว			
ย่อมเหลวตกก้อนตะกอนกรัง
	
ชีพชื่นยืนใช้แค่ไล่ฉก				
คือกกซากทรามของความหวัง
เห็นภาพกรายกรุยเห็นขุยซัง			
เห็นปากเหมือนดังจะดูดดาว
	
เห็นอยู่รู้ผอมว่าตรอมโศก			
เห็นโรคทุกข์หลากบนขวากหลาว
เห็นเงินเอิ้นทองรีบจองยาว			
เห็นหาวมองเหมือนจะเอื้อนแมน
	
คนเต็มติดต่อมารอตรวจ			
ขมวดคิ้วเข้มว่าเต็มแขน
โรงรัฐมัดหมอระย่อแกน			
ละคนหน้าแบนแค่นแค่นมา
	
เจ็บไข้ได้ยันตะบันป่วย				
โรคซวยวันวันตะบันหา
หงิกหงอรอฉันตะบันยา			
นิ่วหน้านี่นั่นตะบันไป

รวบรัดตัดทอนด้วยร้อนตอด			
ลวกลวกตลอดจะดอดไหน		
เย็นชาหน้าชัดอึดอัดใจ			
กระเปำเผาไฟให้หาเงิน	
	
เวลาเร่งหมดใจจดจ่อ				
ควบห้อคลีนิคใส่ปีกเหิน
ไพเราะเพราะผันสวรรค์เพลิน			
หยอกเอินไอ้อีเห็นสีทอง
	
ลืมหลงองค์พ่อต่อดำรัส			
ประโยชน์ตัวตัดเป็นที่สอง
ส่วนรวมที่หนึ่งให้พึงครอง			
ตรึกตรองความเข้มให้เต็มตา
	
หากแม้นร้างไร้ใจรู้สึก				
คือผลึกใช่มณีศรีสง่า
ในปีกแห่งความกรุณา				
ต้องนิวัตจรรยามาสู่ตน	
	
เยือกเย็นเช่นชลให้คนชื่น			
หยัดยืนรู้โยคต่อโภคผล
สมค่าอ่างามนามของคน			
เป็นบัวอุบลที่เบิกบาน/.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงราม ลิขิต