18 ตุลาคม 2546 15:45 น.
ราชิกา
ส่งดวงใจไปหาว่าคิดถึง
เฝ้ารำพึงกับสายลมพรมพริ้วไหว
จะอยู่แคว้นแดนดินในถิ่นใด
ด้วยหทัยชิดใกล้ไม่ห่างกัน
ข้ามขอบฟ้าภูผาไพรใจเจ้าเอ๋ย
รักอย่าเลยแรมร้างราคราร่วมฝัน
ห่างแสนไกลใจละเมอเพ้อรำพัน
รอถึงวันรักเราสองครองคู่เคียง
เสียงขลุ่ยคลอล้อลมพรมแผ่วหวาน
ก้องกังวานให้สุดเหงาเคล้าด้วยเสียง
อ้อนออเซาะเสนาะใสในสำเนียง
ร่วมร้อยเรียงรักหวานซึ้งติดตรึงใจ
ส่งดวงใจไปหาว่าห่วงแสน
ไม่คลอนแคลนรักคงมั่นมิหวั่นไหว
ข้ามขอบฟ้าแดนดอยล่องลอยไกล
หากหัวใจนั้นข้ามไปใฝ่หาเธอ......ฯ
14 ตุลาคม 2546 19:39 น.
ราชิกา
****ฤกษ์ ชัยพฤกษ์****
ถึงแม้โลกสวยใสจะหยุดหมุน
ลมละมุนหยุดพัดสะบัดหาย
ใจฉันยังมีเธอไม่คลอนคลาย
มุ่งสอดส่ายเหลียวมองจ้องหาเธอ
พระจันทร์เพ็ญลับหายกลายจันทร์เสี้ยว
ยังกลมเกลียวรักมั่นอยู่เสมอ
ดาวหลบเร้นหายดวงห่วงละเมอ
คงพร่ำเพ้อถึงวันร่วมฝันเคียง
ดวงอาทิตย์ลาโลกไม่ส่องแสง
ภูเขาแกล้งบดบังไม่ยินเสียง
ป่ารกชัฏต้นไม้คลุมอยู่รายเรียง
ยังเสนาะสำเนียงเคยเคลียคลอ
ดาวเดือนดับม่านเมฆมัวมืดมิด
ท้องฟ้าปิดครื้มคลุ้มคลุมห้องหอ
ไม่เลือนลางสว่างกล้าจ้าเพียงพอ
ด้วยแสงใสเหมือนไฟช่อจากตาเธอ
ตาที่เอื้ออาทรคอยห่วงหา
ตาที่จ้องคมกล้าคราเราเผลอ
ตาที่ซื่อสวยใสใจละเมอ
ตาที่เธอมัดหัวใจใครบางคน.......
**** ราชิกา ****
ถึงแม้โลกใบนี้จะหยุดหมุน
เมื่อมีคุณใจฉันมั่นเสมอ
เป็นมิ่งขวัญพลังใจให้กับเธอ
คอยละเมอพร่ำหาและอาวรณ์
แม้นดวงเดือนเลื่อนลาพามืดมิด
สองดวงจิตแจ่มจรัสประภัสสร
จะเคียงคู่อยู่ท่ามกลางฑิฆัมพร
มิคลายคลอนเมื่อจากลายังอาลัย
ดุจดวงตาที่อาทรคอยห่วงหา
ดุจดาราสวยซึ้งซึ่งสดใส
ดุจตาคมบาดลึกอยู่ภายใน
ดุจดวงไฟมัดใจใครบางคน
หวานคำกลอนออดอ้อนวอนด้วยเสียง
สื่อสำเนียงเคียงใครให้สับสน
ใครกันหนอ...ที่เฝ้ารอดวงกมล
ช่างแยบยลชวนให้คิดพินิจตรอง.....ฯ
12 ตุลาคม 2546 14:36 น.
ราชิกา
ร้อยความฝัน พันผูก ปลูกดอกรัก
ร้อยความภักดิ์ แด่ชน คนทั้งหลาย
ร้อยความดี เพรียบพร้อม น้อมใจกาย
ร้อยพร่างพราย หลากล้น ชลธาร
พันความคิด จิตน้อม พร้อมมิ่งมิตร
ร่วมลิขิต จารึก ผนึกสาร
บรรจงร้อย ถ้อยคำซึ้ง ตรึงใจนาน
มนต์กลอนกานท์ กอบเกื้อ เอื้ออาทร
ร้อยคำรัก สลักไว้ ในถ้อยสาร
ร้อยคำหวาน ซาบซ่านใจ ในอักษร
ร้อยคำเพ้อ ละเมอหา มาในกลอน
ร้อยคำวอน ประทับไว้ ในดวงมาลย์
ความผูกพัน ฉันท์มิตร จิตแน่นแฟ้น
เปรียบเหมือนแม้น สายใยรัก ถักทอสาน
ร่วมร้อยเรียง เคียงคู่ขวัญ อันยาวนาน
ตราบชั่วกาล มิลืมฝัน วันกวี......ฯ
8 ตุลาคม 2546 19:47 น.
ราชิกา
อยากปลอบใจ ใครคนหนึ่ง ซึ่งหมองเศร้า
อยากคอยเฝ้า ห่วงดูแล และรักษา
เป็นความหวัง พลังใจ ในทุกครา
เพื่อฟันฝ่า ทุกข์ผองภัย ร่วมใจกัน
อย่าท้อแท้ หมดอาลัย ในชีวิต
ยังมีมิตร มากมาย คลายโศกศัลย์
...ความจริงใจ...นั้นมีไว้ ให้แก่กัน...
ใช่รูปพรรณ ภายนอก สิ่งหลอกลวง
จงมองดู ดวงดาว พราวพร่างฟ้า
แสงจันทรา อ่าอำไพ ในแดนสรวง
คือความหวัง แห่งความจริง สิ่งทั้งปวง
จะลุล่วง สำเร็จพลัน นั้นที่ใจ
อยากปลอบให้ ใครคนหนึ่ง ซึ่งหมองเศร้า
จงคลายเหงา มีความสุข และสดใส
ฟ้าหลังฝน บันดาลดล ก้าวฝ่าไป
สู่หลักชัย ด้วยใจมั่น มิหวั่นกลัว.....ฯ
4 ตุลาคม 2546 18:45 น.
ราชิกา
มองภาพถ่าย คราใด ใจหวนคิด
ด้วยดวงจิต ผูกพัน ใฝ่ฝันหา
จากกันไกล ใจไม่ลับ กับเวลา
ย้อนคืนมา เยี่ยมเยือน เพื่อนร่วมใจ
ข้างหลังภาพ จารึก ผนึกสาส์น
เป็นกลอนกานท์ หวานซึ้ง ซึ่งสดใส
มอบความรัก ภักดี ที่จริงใจ
ด้วยห่วงใย วอนเว้า เฝ้าคนึง
ยังรำพัน ฝันเพ้อ ละเมอหา
ในทุกครา คร่ำครวญ หวนคิดถึง
ใครกันหนอ ที่รอ พ้อรำพึง
มอบรักซึ้ง ตรึงใจ ให้แก่กัน
อวลละมุน อุ่นไอ ในรักแท้
มิเชือนแช แม้จำพราก ฝากใจฝัน
จะมีเพียง สองเรา เฝ้าผูกพัน
ขอรักมั่น ตราบฟ้าดิน สิ้นมลาย....ฯ