16 เมษายน 2551 06:30 น.
รัมณีย์
สองล้อเลื่อนด้วยแรงสองแข้งปั่น
ใจมุ่งมั่นถึงหาดที่ปรารถนา
ถีบเพลิน ๆ พอสุขใจในมรรคา
คงไม่ช้าได้ถึงที่พึงใจ
ดวงอาทิตย์ใกล้อัสดงลงช้าช้า
แรงถีบก็แรงล้า..ว่าต้องไหว
จะถอยถอนกลางทางได้อย่างไร
ถึงทางไกลก็มิใช่ต้องแพ้ทาง
ถีบต่อไปอีกนิดจิตตระหนก
โอ้เอ๋ยอกมีฝูงหมาวิ่งมาขวาง
มันวิ่งเห่ากวดไล่ไม่ยอมวาง
ต้องถีบอย่างสุดแรงแข่งสู้มัน
พอรอดพ้นคมเขี้ยวขบเฉี่ยวแข้ง
ก็หมดแรงแกร่งกล้าเคยท้าฝัน
แต่..จะย้อนกลับไปอย่างไรกัน
เมื่อเราปั่นมาถึงเกินครึ่งแล้ว
ละอายใจหากยอมย้อนแพ้ก่อนถึง
รวมแรงใจเป็นหนึ่งแนบแน่แน่ว
ทะยานต่อถ้าไม่ท้อย่อมมีแวว
ได้ถึงยังหาดแก้วที่ต้องการ
ดวงอาทิตย์จวนอัสดงลงริมฟ้า
สองขากับหนึ่งใจร่วมใจผสาน
สุดท้ายถึงซึ่งหาดที่มุ่งมาน
แต่..หาดมิได้ตระการดังคิดไว้
เพราะดวงอาทิตย์มิดลาลับ
จึงไร้แสงส่องจับคลื่นวับไหว
หาดมืดหมองแว่วเหมือนร้องไห้ไกล ๆ
มาพ้องเสียงหัวใจร้องไห้ครวญ
ระหว่างที่ขี่มาหาน้อยนิด
ประสบการณ์สอนชีวิตมีครบถ้วน
รอเพียงแสงอรุณส่องผ่องฟ้านวล
ที่มุ่งหวังทั้งมวลย่อมสมจินต์
12 เมษายน 2551 22:49 น.
รัมณีย์
อ่อนโหยโอยอ่อนล้า แรงโรย
น้ำตาอาบตาโปรย เปียกหน้า
ลมบนพัดลมโบย โบกเศร้า บงทรวง
ชวดดาวร้าวถึงหล้า โศกซ้ำกำสรวล
12 เมษายน 2551 22:48 น.
รัมณีย์
ชาติก่อนเป็นเช่นใดมิอาจรู้ ชาตินี้ก็ยังหวังคู่เคยปรารถนา
อธิษฐานชาติใดได้มีมา อยากรักษาทุกคำที่จำนรรจ์
เสียดายที่ไม่อาจรู้ชาติภพ อดีตเคลื่อนเลือนลบกลบสิ้นสรรพ์
หลับตื่นมิรู้กี่คืนวัน มิรู้เลยคำมั่นที่สัญญา
หากแม้นคู่สัญญาคือเธอนี้ คือเธอที่แสนดีแสนมีค่า
เธอที่ยิ้มสดใสแจ่มนัยน์ตา เธอที่มีวาจาหวานจับใจ
เธอที่มีใจงามผ่อง สัมผัสต้องใจฉันให้หวั่นไหว
เธอที่คอยช่วยเหลือใครต่อใคร คือเธอก็สุขใจหาใดปาน
ชาติก่อนเป็นเช่นใดมิรู้ชัด คงเวียนว่ายในวัฏสังสาร
ตราบจนกว่าสิ้นเหตุเลศบ่วงมาร คงอีกเนิ่นนานกาลเวลา
หากแม้นไม่มีใครเป็นคู่ชิด อธิษฐานตามติดมาก่อนหน้า
ก็ขอตั้งจิตอีกครั้งตั้งวาจา ปรารถนามอบไมตรีมีแด่เธอ