4 พฤษภาคม 2547 00:51 น.
รัถยา
กุสุมิตลดาเวสิตาฉันท์ ๑๘
๑ ภูษาพลิ้วริ้วแวววิจิตรไสว
พรูพระพายไล้ วธูรอง
๒ เยื้องร่างย่างย้ายองค์ดุจะอณุละออง
ชื่นละมุนมอง กระชับมน
๓ โอษฐ์เอื้อนเหมือนสรวงปันพิรุณะจะประปรน
รายระรื่นดล ภิรมย์แด
๔ เนียนนุ่มผิวนวลเรื่อศุภะภวจะแล
ราวจรัสแข ขจ่างไข
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๕ เคียงชื่นกระชับกรชะช้อน ทะนุอร ณ อ้อมใจ
ร้อยเรืองสราญอุระวิไล ก็ระร่ำพะพร่ำเรียง
๖ จวบนั้นก็เนามนสนิท และเกาะจิตผจงเคียง
นับนานก็เนืองดุจะพะเนียง ก็จรัสและชัดฉาย
๗ ยามห่างก็ห่วงหทยหา กุสุมาสุคันธ์ราย
แทนปราณประโปรยรมยปราย สิประทังพลังทาน
๘ เฝ้าแลบุหลันจรสแสง นยแจง ณ จิตจาน
แสงนวลก็นัยน์ดนุผสาน สิประทิน ณ ปิ่นสม
๙ จำรัสมาสรัศมี ก็ทวีภิรมย์พรม
ราตรีก็ต่างนยนชม สิประสาน ณ ลานจันทร์
2 พฤษภาคม 2547 20:07 น.
รัถยา
ฟ้าครวญครืนดังดั่งไห้โหย
ฝนโปรยฝันปรายกลับกลายหวน
ลมเย็นย้อนผันแสนรัญจวน
ดังชวนให้ชมเจ้าลมรัก
เมฆาเคลียคุ้นคลอขุนเขา
ปานเงาปรกปนมนสมัคร
แทนถ้อยร้อยผลิรอพิทักษ์
ปกปักปกป้องให้ครองฟ้า
เจ้าล้อลมบนเวหนกว้าง
ปีกกางกระพือฟ้อนร่อนถลา
อิสระเสรีวิถีพา
อย่าล้าเหินล่องน้องนกน้อย
โผผิน บินไปสู่ปลายฝัน
จงมั่นหมายจิตอย่าคิดถอย
แผ่คลี่ฟ้าคลอไว้รอคอย
เจ้าลอยลงอิงกิ่งรุ้งนอน
ยามล้าอ่อนโรยลงโพยพัก
ซ่อมปักแซมปีกที่ฉีกกร่อน
เงาฟ้า จงแฝงจากแสงร้อน
มีแรงถลาร่อนจนจรเจอ
....เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม
ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ
และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ..