18 เมษายน 2547 22:06 น.

..ละอองรัก..

รัถยา

ภุชงคประยาตฉันท์๑๒

..ระลิวคลื่นระริ้วพราย...........ระยับรายระเรียงลอน 
พระพายพัดสะบัดคลอน........ประพุ่มพฤกษพลิ้วพาน 

..ประโลมลูบสรีร์ริก...............ตะโบมจิกผจญทาน 
ก็พอทนมิลนลาน..................มิอาจทนวะวนใจ 

..จะแก้เงื่อนก็งอกยาว..........จะสางสาวก็เสริมใย 
จะตัดรอนก็รุมไช.................ประชิดแทงหทัยทำ 

..ก็ปล่อยจดประกบจิต..........ประดับดิฐพินิจนำ 
จะร้อนรุ่มจะรุมกรำ..............ก็ให้ไล้ฤทัยรอง 

..ลุเวลาจะเรื้อร้าง.................ก็คงพรางมิเพิ่มพอง 
ละรอยคราบคะนึงครอง........กระไอร้อนจะย้อนเย็น 

..ละรอกคลื่นมิขืนลม............ระทิวขรมมิลำเค็ญ 
กมลหวั่นฉะนั้นเป็น.............ละอองรักมิอาจลืม 

				
17 เมษายน 2547 21:12 น.

...เพื่อน้อง...

รัถยา

 ๏เรียมยังเคียงอยู่ข้าง......เคียงมอง มิ่งเอย
ทิวคลื่นโถมทำนอง............เนื่องร้อย
แม้นหนหม่นคลอครอง.....เคลียคู่
คงพจน์ประไพพร้อย..........เพื่อน้องหมองหาย

  ๏ลมเหนือกรายแล่เนื้อ....เหน็บหนาว
แพรทิพทั้งผืนหาว.............ห่มห้อม
แทนอกพี่เพียงคราว...........คืนผ่าน ผันนา
รอรุ่งระพีน้อม....................อุ่นโน้มประโลมสมร

  ๏แก้วตาจงมั่นก้าว............คงกลาง
รัตติกาลกุมพราง................พลาดพลั้ง
แสงเทียนส่องมองทาง........ทิศเที่ยง
สรวงส่งโสมรมย์ยั้ง.............ยื่นให้หทัยสรวล

  ๏ท่ามพระพายระรื่นพลิ้ว.....เพลินกาย
สร้อยสุขสานมานหมาย........มุ่งสร้าง
ตรองจิตต่อมวลผาย.............พิศผ่อง
นิรันดร์แห่งธรรม์สานอ้าง.......ส่งน้องครองสวรรค์  

        

         พี่ยังคงไม่ห่างหายไปจากเจ้า....ในช่วงชีวิตที่เวียนว่าย มีทั้งสุขและทุกข์เข้ามามากมาย(ทิวคลื่น)........แม้หนทางข้างหน้ามิอาจได้เดินเคียงข้าง....ยังคงมีคำปลอบประโลมเจ้าเสมอ
        เมื่อไรที่มีทุกข์มาประจัญ.(.ลมหนาว)........ขอความดีแห่งเจ้าจงปกป้อง(เเพรทิพ)......เพียงทางมืดมนผ่านพ้น....แสงทองที่อยู่เบื้องหน้าจะส่องทางให้เจ้าเดิน
        ขอจงก้าวไปอย่างมั่นคง......ฝ่าความเลวร้ายที่อาจบดบังเบื้องหน้า(รัตติกาล)......ความดีที่ประกายจ้าจากใจอันพิสุทธิ์จะช่วยส่องทางเดินนั้น(แสงเทียน).......เทพยดาจะเสริมให้มีความสุขตลอดเสมอ(สรวงส่งโสม)....
        ท่ามกลางความสุขทั้งมวลที่สั่งสม.........จงรักษาและเสริมสร้างความดีต่อไปนะ.........สิ่งทั้งหลายทั้งปวงจงตรองให้ถ่องแท้......ด้วยความดีที่ปรากฏจงพาเจ้าพบแต่ความสงบสุขอันนิรันดร
				
16 เมษายน 2547 20:45 น.

.. ปลาร้าสับกับหัวปลี ..

รัถยา


กลิ่นโชยระโรยล่อง          ก็เตะต้องจมูกหอม
ลิ้มชมรสกลมกล่อม       แต่ละคำที่ผ่านคอ

ปลาร้ามือแม่สับ              ครั้งเคยรับและคอยรอ
ปรุงได้น้ำลายสอ          ก็กลมกลืนระรื่นรส 

 color=#007800>หอมแดงกระเทียมแกะ      พริกแกวและก็ยังสด
ตะไคร้กระชาย..ลด         กลิ่นคาวค้างให้จางหาย

ใบโหระพาหอม                ใส่พอดอมหอมปร่าปราย
สับปนปลาร้า.กลาย          ละเอียดเห็นเป็นเนื้อเดียว

คั้นน้ำมะขามเปียก           ละลายเรียกให้พอเปรี้ยว
วางละซักประเดี๋ยว           กระทะลั่นน้ำมันร้อน

โรยราดกระเทียมแหลก    ให้กลิ่นแจกกระจายจร
จึ่งเทปลาร้าก้อน              แล้วเคล้าคลุกสุกทั่วกอง

..ปุด.ปุด..ผุดฟองเดือด      น้ำเริ่มเหือดระวังมอง
เกรียมไหม้ไม่น่าลอง        จะเสียรสอร่อยคง

ตักใส่ถ้วยใบน้อย              โปรยฝอยใบมะกรูดลง
ฉีกแฉกผักชีชง                พอชิ้นเล็กละเลียดเรียง

หัวปลี ก็ ดอกกล้วย            ลอกกลีบสวยเหลือขาว เพียง
ผ่าซีกปลีกแยกเคียง         กับข้าวสวยสุกร้อนร้อน! 

แม่คอยละห้อยหา            ลูกกลับมาด้วยอาทร
ความรักไม่ยักหย่อน          ยังยิ่งใหญ่หาใดเหมือน

ขอเพียงได้พบหน้า           ที่เหนื่อยล้าก็ลาเลือน
อิ่มอาบฉาบหน้าเกลื่อน      คืออิ่มเราที่เข้าเคลีย

นั่งรอ..อาทิตย์ลับ               ใจกระสับกระส่ายเพลีย
เนิ่นช้าหน้าระเหี่ย            รันทดเศร้าและเหงาซม

เสียงแจ้ว ! เเว่วเสียงเรา     ระร่ำเร้าฤทัยรมย์
ชื่นใจหาใดสม                   ยิ่งกำซาบเมื่อกราบเท้า

มื้อนี้น้ำมือแม่                    มิเคยแปรกับข้าวเรา
รู้ได้ไม่ต้องเดา                  ปลาร้าสับกับหัวปลี 				
12 เมษายน 2547 00:53 น.

..สัญญา..

รัถยา

...คำสัญญา นิยามแห่งความหมาย...



...สัญญา ใสสาดดาดฟ้า 
สัญญา ลอยรวงยวงใส 
สัญญา เคียงอยู่คู่ไกล 
สัญญา สองใจจักอนันต์ 

...ถ้อยเอ่ยอิ่มไอไล้จิต 
ผองผลิตผาดผ่านม่านฝัน 
ช้อยชมฉานเช่นเพ็ญจันทร์ 
นิรันดร์สองผลิมิจาง 

...นานแล้วแสงลับดับหาย 
จันทร์ฉายจางจบลบร่าง 
เวลาพาลับเลือนลาง 
ฟ้าหมางหม่นเหงาเศร้านัก 

...คำนั้นคงมั่นอยู่ไหม 
ถามใจเพื่อจะประจักษ์ 
นานแล้วจากร้างทางรัก 
ยังถักหรือถอนรอนเลือน 

...สายใยยังเหนียวเกลียวแก่น 
หรือกร่อนไร้แกนล่อนเกลื่อน 
ดังฟ้าเคียงดาวไร้เดือน 
เพียงเยือนนิยาม ความหมาย 
(กาพย์ยานี 11) 
...ย้ำถามคำสัญญา ..........ดับลับลาหรือคงราย 
สานต่อหรือตัดสาย...........ใยสัมพันธ์ที่สรรค์สอง. 


 .....สุดท้ายคำนั้น คำสัญญา ....

(กาพย์ยานี 11) 
..พรูพลิ้วลมผิวพัด.....แห่งเคยนัดคำนึงนอง 
นานนับยังกลับกอง........กำจายเกลื่อนไล้เรือนทรวง 

..ย้ำหยอกดอกบุพผา.....หอมโชยพาอุราทวง 
ถ้อยถึงเคยตรึงดวง.......ใจคู่นั้นผูกพันเผย 

..เสียงแผ่วแว่วผวา........ผ่านทิวผาพนาเกย 
ตรงใส่ใจล้ำเลย...........ถึงแก่นลึกแห่งผลึกใจ 

..วันนี้ทางสายนั้น.........ทางร้อยฝันอันอำไพ 
เส้นสันคั่นสองไกล........กลายสองฝั่งเกินรั้งหลอม 

..กล้ำกลืนสุดฝืนอก......เค้นคำยกยื่นจำยอม 
ขอบคุณนะที่น้อม.........แห่งความนัย คำตอบนั้น 

..ซมซานแสนเปลี่ยวเดียวดายนัก 
ตระหนักตำนานแห่งลานฝัน 
สัจจะแห่งใจเฝ้าไฝ่ปัน 
สุดท้ายทางสรรค์..สุดทางแล้ว				
11 เมษายน 2547 01:50 น.

...ความรัก...

รัถยา

วสันตดิลก ๑๔ 

..ครากลีบกุหลาบผลิตริ้ว.............ก็ระลิวสลวยราย 
พร้อมสรรพสรรค์สนธสาย.......จิตะสองสิปองสรวง 

..ทุกยามก็ยื่นพิรุณหยาด.............สิพิลาสภิรมย์รวง 
ซ้องสรวลกระซิกมธุลุทรวง....เสนาะซึ้งและตรึงซอน 

..ถึงทินละทาบรถยะทอด..............อุระถอดละอาทร
กลีบเรียวจะโรยพนธะรอน...........ก็ละกิ่งและร่วงกรู 

..เมื่อนั้นจะนองสุขไฉน...............ชลนัยน์ละไหลพรู 
ทุกหนจะแห้งหทยหู่................ตละแห่งระแหงเห็น 

อินทรวิเชียร ๑๑ 
..ความรักอะคร้าวเรือง................นิจเนื่องนิยามเป็น 
นานาระย้าเย็น....................สุภร้อย ณ รอยกาล 

..กลีบรัก ฤ จักลับ...................จะระยับลำยองนาน 
ซ้อนใสหทัยสาน...........และคละคล้อง ณ ครองสม 

..เรืองรัก ฤ เลือนร้าง..................ก็สล้างมิซ่อนรมย์ 
คงรอพะนอพรม.......................มนพันธะปันปอง 

..หากสบก็ลองสาน....................สิสมานสมัครจอง 
เพียงเสี้ยวเกาะเกลียวสอง.............จะกำซาบเสน่หา 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรัถยา
Lovings  รัถยา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงรัถยา