8 มิถุนายน 2548 20:18 น.
รักษ์รัก
..
๐ ปฐมบท
ฝากกลอนซึ้งถึงเกลอกัลยา
สาลิกายอดรักปักษาสรวง
กลอยกมลดลกานท์สะคราญทรวง
ที่ล่วงล้วงทวงถามความหทัย
ถึงความรักรักษ์รักคราวรักล่ม
มิชื่นชมสมปองแต่ผองไหน
สูดลมรักเสพรักมาหนักใจ
แต่อ่อนวัยว้าวุ่นกรุ่นโศกา
หนึ่งควรจำอัมตะพารักเพื่อน
ให้ตรึงเตือนเคลื่อนคลาดปรารถนา
สองควรหลีกปลีกหนีศรีพักตรา
คะเนค่าอารมณ์มิสมตัว
กาลครั้งพลั้งผิดสนิทเนื้อ
เช่นเชาว์เชื่อเกื้อกรรมถลำหัว
แต่แรกเห็นเป็นปองต้องตามัว
แต่แรกกลัวกลัวรักสมัครใย
สวรรค์แสร้งแกล้งสองมาคล้องคู่
ยังยั้งอยู่ลู่ชิดมิตรสมัย
ลำพังตัวระรัวร่างเป็นทางไกล
ลำพังใจละลายล่อนไปก่อนกาล
ชวนดูหนังคลั่งภาพจนทรัพย์หมด
มิสลดทดแทนแม้นอาหาร
สั่งก๋วยเตี๋ยวเยียวด้วยถ้วยน้ำตาล
เพราะชอบหวานสมานอยู่จนรู้ใจ
จนวันหนึ่งทะลึ่งเล่าเผาประวัติ
มิรวบรัดแรมคืนสะอื้นไห้
แต่ปางก่อนย้อนเฟื้องทุกเรื่องไป
ทั้งสุขใจเศร้าซ้ำกำสรวลฮา
ว่าทุกเรื่องทุกเรื่องเอยเฉลยบอก
เกลอก็บอกนอกในไร้ปัญหา
เราก็เล่าเรียงร้อยถ้อยอุรา
จนพลั้งท่าหาหอกบอกว่ารัก
๐ ปัจฉิมบท
สาลิกาอกเอ๋ยเคยแค่เต้น
เด้งกระเด็นกระเซ็นแหลกชำแรกหัก
คำสั้นสั้นกระสันเสือกเหลือกละลัก
เอ๋ยอกหักกระอักไห้ทลายลง
นิ่งสนิทเนตรหน้าเหมือนคลาจาก
คำจากปากลำบากใจจนไหลหลง
ประจัญหน้าถลาเร้นแม้เห็นตรง
จนทะนงลงบันไดไม่มองกัน
นั่งดูหนังลำพังใจหทัยหด
แสบสลดเรื่องราวแม้คราวขัน
กินก๋วยเตี๋ยวเหี่ยวใจถึงใครกัน
น้ำตาลนั่นนองน้ำแต่ชามเดียว
นานนานนักทักหน่อยกลอยสหาย
ยิ้มระบายเกินยิ้มกระหยิ่มเขียว
จบกันแล้วแคล้วเทอญเดินคนเดียว
จากกลมเกลียวเกี่ยวขาดอนาจตน
สาลิกาจ๋าแม่ที่แท้นั้น
สบตากันมั่นใจในทุกหน
ความจริงใจไหลหลั่งดั่งกมล
บันดาลดลยลรักตระหนักตา
ตัวตัดใจไขแจ้งจึ่งแจงรัก
เพียงพิศพักตร์ประจักษ์ซึ้งคะนึงหา
เห็นความรักทะลักล้นใต้ขนตา
ฤๅรักพาหาลวงจนล่วงเกิน
แม้นมอดไหม้ตายตื่นก็ฟื้นตัว
จะดีชั่วตัวเราเขาก็เขิน
ยังผายพักตร์ทักกันพอพลันเพลิน
มิก่ายเกินเหินห้วงห่วงอาวรณ์
เสียดายเพื่อนจะเคลื่อนหายเหมือนตายจาก
ยังย้ำอยากบากหน้าหาสมร
เสียดายวันร่วมสลดอดกันนอน
แม้ยากย้อนก็ยังอยากบอกรักนะ
..
5 มิถุนายน 2548 07:57 น.
รักษ์รัก
..
ชีวิตน้อยกลอยกุมารผ่านร่างแม่
ดูดวงแดกระแด่วดันสู่วันใหม่
เสียงน้องหนูดรุณาว่าปลอดภัย
เห็นหายใจไหลระรื่นชื่นชีวา
เป็นเด็กชายชีวิตกระจิ๊ดจ้อย
คลานต้อยต้อยกระทั่งตั้งสองขา
เมื่อล้มลุกจุกคว่ำคมำมา
ร้องไห้จ้าสองตาน้ำตานอง
เยาว์วัยใสซื่อพิศุทธิ์สุทธิ์
เริ่มรุดเร่งวัยให้ผยอง
เจ็บซ้ำจำกลั่นไม่ลั่นร้อง
มุมมองมุ่งหมายกลายกลับกัน
ผ่านสุขทุกข์ภัยในโลก
มีโชคมีเคราะห์เยาะหยัน
เรียนรู้ชีวิตทุกวัน
พลิกผันปัญหามาดี
คุณชายนายชีวิต
ลิขิตเขียนวิถี
เหตุการณ์บรรดามี
เข้าที่ที่ตั้งใจ
วันวานผ่านพ้น
เป็นคนอยู่ได้
ขอวางอาลัย
ด้วยชัยชีวิต
เวลาข้า
ว่าน้อยนิด
หนึ่งชีวิต
ไม่ผิดใคร
ชื่นชม
ลมไหล
หายใจ
พุทโธ
พุทธ..
..โธ
พุทธ..
..โธ
ตาย
..
4 มิถุนายน 2548 13:52 น.
รักษ์รัก
..
คลองเล็กคลองน้อยหน้าบ้านหลังบ้าน
ตัดพื้นตัดผ่านขวางธารขวางสาย
ไผ่ล้อมไพรลึกพฤกษาพรรลาย
คลุมครอบรอบรายเลาะป่ายริมคลอง
ลมพริ้วปลิวใบโบกไหวไกวก้าน
กริ่งดังกังสดาลแว่วหวานสนั่นหนอง
ลมโชยโอยโอดจับโสตครรลอง
เสียดผิวหวิวพร้องทำนองก้องไกล
คีตตะโพนกระโจนกระจับปี่
ระนาดไพรีดนตรีเสียงใส
ปี่พาทย์ขาดพิษย้อมจิตเย็นใจ
ละลิ่วพริ้วไหวดั่งสายลมเย็น
บึงหนองคลองคูลิ่วลู่ลัดป่า
ผ่านผิวพสุธาธาราทางเร้น
ระแนงรากไม้สั่นสายกระเซ็น
เพลงไพรไหลเล่นเป็นลำนำคลอง
ระเรื่อยเฉื่อยฉ่ำดื่มด่ำลำน้ำ
ล่องไหลล่องล้ำกำซาบนาบหนอง
เสียงเล็กเสียงน้อยย้อยเยียบเลียบคลอง
ยินย้ำทำนองละล่องลงปิง
ระรวยนวยนาดนิราศนที
เพลงพงปฐพีไพรีเพรียงพริ้ง
สู่เจ้าพระยาธาราผองพิง
กระทบเกลียวกลิ้งพริ้งพริ้งเพลงไพร
นงนุชพุดไพรใกล้ใกล้สายธาร
ปองเสียงประสานคำหวานแว่วไหว
ไพรีร้องเรียกเพรียกนุชพุดไพร
คำนึงฤทัยอาลัยไพรพรรณ
..
4 มิถุนายน 2548 00:46 น.
รักษ์รัก
..
ท้าวแมนสรวงร่วงทัพปราบเมืองสรอง
เข้าเขยิบกำเริบราญหาญประลอง
โลหิตนองผองพิลาปอาบแผ่นดิน
มองเมืองสองสิ้นกษัตริย์จรัสศรี
พระเพื่อนพี่พระแพงน้องพร้องถวิล
เป็นกำพร้าเหลือเพียงย่าหาให้กิน
พระแฝดสิ้นปิ่นกนกชนกชนนี
ฝ่ายพระลอหน่อเกล้าท้าวแมนสรวง
เวลาร่วงทรวงทรงสะองศรี
สง่าล้ำร่ำระบืออื้อธานี
ธ ทรงมีรูปงามแต่ทรามวัย
หลายสนมสมสะพรั่งทั้งวังเวียง
ให้ร่วมเรียงเคียงจับจนหลับใหล
แต่พระลอฤๅยังขาดพระนาถใจ
คู่พระทัยเข้าฟ้าพระเทวี
ข่าวกระพือพัดโบกเหมือนโรคห่า
ถึงพาราเมืองสองแม่สองศรี
โอ้นางรื่นแลนางโรยบ่าวน้องพี่
นำความนี้ทูลกล่าวกษัตริยา
"เพียงเสียงลือเล่าอ้างไปฟังหนอ
เสียงย่อมยอยศใครในทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหลไม่ลืมตา
คิดเองอ้าหาเผือไม่เชื่อลือ"
เมื่อฟังคำพระเพื่อนแพงสำแดงเสียง
สองพี่เลี้ยงเสี่ยงไปให้เชื่อถือ
สองเจ้าน้อยค่อยฟังอย่าหืออือ
พระลอคือบุตรสวรรค์บันดาลมา
ถึงเวลาอภิเษกแต่เล็กน้อย
หญิงเป็นหมื่นพันร้อยทยอยหา
หากพระลอเลือกพระราชชายา
จะเสียค่าสวามีผู้มีบุญ
จึ่งรัดรวบควบกระบวนสวนดำรัส
แล้วแจงจัดหาปู่เฒ่ามาเป่าหนุน
ลูกประคำทำคาถาเสน่ห์คุญ
รวบสมุนสมิงพรายร่ายอาคม
สานสลักลักขณาพระลอหลวง
เขียนขีดดวงพ่วงผูกปลุกเสกผม
เรียกวิญญาณพล่านผวาจากอาจม
สู่อาศรมบรรทมทิศนิมิตหมาย
พระลอฟื้นตื่นบรรทมชมนิมิต
ได้แนบชิดสองนางพลันจางหาย
จึงโหยหาอาวรณ์เพราะร้อนกาย
สู่จุดหมายเมืองสรองหาสองนาง
พระมารดาว่าเหตุอาเพศนี้
รับสั่งศรีโหรอำมาตย์มา..กวาดถาง
แต่มิต้านมารมนตราพาใจวาง
โอ้พระนางถอนถอดบอดอารมณ์
ลูกชายเอ๋ยไฉนเลยละทิ้งแม่
เฝ้าดูแลแม้อาหารยันเครื่องห่ม
หัวใจแม่ฝากเจ้าเฝ้าเชยชม
คงตรอมตรมตามจากเจ้าจากไป
พ่อแมนสรวงร่วงลามารดาเจ้า
เหลือเพียงเงาโอรสยศสมัย
หากแม่ตายใครเล่ามาเผาไฟ
คงทิ้งให้ศพ..ระกำกำพร้าเพลิง
โอ้แม่จ๋าอย่าโศกาพาลูกโศก
ใช่จากโลกจากแม่ลูกแค่เหลิง
ลูกขอลาไปหานางทางดับเพลิง
แม้นระเริงระลึกปั๊บ!..จะกลับมา
เห็นดวงใจไหลเลื่อนเขยื้อนห่าง
แล้วลอยร้างลาลับพับผวา
คุณพระเอ๋ยเชยชิด..บพิตรา
ให้ลูกข้ากลับมาอย่างปลอดภัย
คนเมืองสรองรองรับกราบพระบาท
พระลอราชอภิรมณ์สมสมัย
ตั้งพลับพลาพิงห่างตรงกลางไพร
เหมือนหมู่ไม่ร่ายรุมภุมรา
ลอ..บพิตรสะกิดเกาบ่าวทั้งสอง
ไปเมียงมองพระเพื่อนแพงแจงปัญหา
ให้สองนางพรางแสดงเจตนา
แจ้งปัญญาให้ข้านี้มีศรีเมีย
สองทหารผ่านคลองมองในน้ำ
ช่างงอมงามทรามใจให้ระเหี่ย
อุ๊ย!..นางรื่นนางโรยน่าคลอเคลีย
จึงได้เสียสองนางข้างริมคลอง
พลันพาคู่ชู้ชื่นระรื่นต่อ
ขึ้นกดก่อกามก่ายใคร่สนอง
บนเรือนข้างนางรื่นโรยโบยตะบอง
ในหนึ่งห้องทั้งสองคู่เหมือนหมู่มัน
เมื่อเสร็จกิจบิดกายแล้วไถ่ถาม
อ้ายสองทรามตามพระลอหน่อสวรรค์
อยากร่วมครองสองพักตราธิดานั้น
อีสองลั่นวันพรุ่งให้มุ่งมา
วันส่งสาวท้าวพระเพื่อนแลพระแพง
น้องมิแจ้งแจงกระบวนดวลตัณหา
นางรื่นโรยโอย..หัวเราะเดาะอุรา
ถึงเวลาอย่าแค่นเค้นจะเป็นเอง
พระลอไท้ได้ฟังหลั่งเสียงสรวล
หัวเราะร่วนมิบังควรจะข่มเหง
สองบ่าวนางพรางขยับสดับเกรง
ให้ครื้นเครงสามกษัตริย์ ธ กลัดมัน
จึ่งช่วงช้อนป้อนปากลากนาสิก
พระเพื่อนพลิกระริกแรงตะแคงขัน
พระแพงพร่ำละล่ำลวนครวญสนั่น
ระโหยหันกันนวลรัญจวนใจ
ปทุมโถ..โกมุทนุชจงกล
หุบกลีบมนชนชิดสนิทไม่
ภุมราถลารุกซุกกลีบใจ
ลอบอิงไอเกสรภมรมาน
น้ำหวานหยดรสสุคนธ์บันดลสุข
เหมือนสิ้นทุกข์ทุกสะเทือนทุกสถาน
สองปทุมชุ่มเกสรงอนสะคราญ
โน้มกิ่งก้านกอดภู่ผู้โกมล
ครั้นยามเช้าท้าวพระเพื่อนแลพระแพง
ผ่านระแนงแปลงผักผ่านจังหัน
ถึงเรือนย่าคลานก้มบังคมคัล
สองเขือพลันลั่นวจีชี้มงคล
เสด็จย่าข้าสองทั้งน้องพี่
ชุ่มฤดีดีใจอยู่หลายหน
เมื่อวานนี้พี่พระลอพ่อสุคนธ์
เปรมกมล..ดลสองให้ร้องคราง
แม่หลานจ๋าก็ว่าดีที่มีผัว
เพราะย่ากลัวตัวตายไปสว่าง
ว่าแต่หัวตัวตีนกลิ่นสรรพางค์
เป็นลูกช่างทางเชื้อจากเขือใคร
เป็นโอรสยศเกล้าท้าวแมนสรวง
เจ้าฟ้าหลวงดวงพระพักตร์จักหาไผ
หมื่นบุรุษขุดเปรียบจะเทียบใคร
ดั่งดาวไกลไม่สว่างเท่าปรางเพ็ญ
คุณพระช่วยด้วยเกล้าเยาวราช
ชนกนาถพลาดท่าให้ย่าเห็น
ท้าวแมนสรวงช่วงเชือดอย่างเลือดเย็น
เกล้ากระเด็นเซ่นซ่านปานแตงโม
แล้วหันมาฆ่าปู่สู่สวรรค์
พูดแล้วมันคันจิตคิดโมโห
เสด็จย่าน้ำตาเล็ดเอ็ดตะโร
กระอักโขโร่สั่งทั้งวังเวียง
เตรียมพลดาบปราบปะทะพะธนู
กลีทัพสู่เรือนหลานอย่าลั่นเสียง
ฆ่าให้ตายหมายตัวบนหัวเตียง
ขอแค่เพียงเสียงสิ้นถิ่นบรรลัย
พลันพระเพื่อนพระแพงพร้องร้องผวา
โอ้ย่าจ๋าสวามีดีไฉน
โปรดพินิจคิดถึงข้าเมตตาไว้
โปรดอภัยให้เขยมาเกยมาน
ย่ามิยอมถ่อมตัวไปมั่วเวร
ที่เคยเห็นแมนสรวงทะลวงหาญ
จากรุ่นพ่อส่อลูกซุกนงพาล
ยิ่งเย้ยหยันหยามเหยียดกระเดียดทราม
โอ้นงเยาว์ท้าวทั้งสองร้องไห้หนี
บอกสามีมีทหารหาญสนาม
เห็นทหารหาญกล้าหน้าอาราม
ฤๅหาญห่ามหารดาบปลาบประลอง
พระลอลาเรียมข้าขอลาจาก
จำลำบากจากหน้าลาทั้งสอง
นัยนาขวาซ้ายไหลน้ำนอง
จะรอน้องสองคนบนพิมาน
พระลอรุกโรมรันประขันดาบ
บรรเลงทาบปราบไกรใจห้าวหาญ
พระเพื่อนพี่พระแพงน้องสองสะคราญ
ประจัญบาลพล่านพร้าข้างสามี
บอกพระลอเราขอมาต่อสู้
อีกหนึ่งคู่รื่นกับโรยมิโกยหนี
แลอีกคู่ชู้ของสองนารี
มาพันตีต่อตะบันเข้าพันตู
เจ็ดประจัญหันเร้าเข้ากำราบ
ประกายดาบปลาบแปลบแสบถึงหู
เฉียดฉวัดปัดป้องละล่องกรู
ตลบคู่ชู้ชื่นนางรื่นโรย
พระลอเลื่อนพระเพื่อนแยงพระแพงย่ำ
ก้าวกระหน่ำซ้ำสอดลอดระโหย
ธนูนิ่งวิ่งพล่านผ่านลมโชย
ธนูโกย..กดอกตระหนกกัน
ธนูน้อยทะยอยเยียบเสียบทั้งสาม
ธนูดามตามตัวรัวถลัน
สามหน่อราชผงาดหน้าพาเงียบงัน
ทหารพลันหยุดเร่งเล็งธนู
เห็นสองศรีพี่น้องมองเบื้องหน้า
เหมือนจ้องตาข้าทหารพานอดสู
ให้แจ่มชัดซัดกระหน่ำซ้ำธนู
ยังยืนอยู่คู่กายพี่ชายลอ
ฝ่ายบุรุษสุดสง่าไม่ลาน้อง
ยังยืนครองสองนรีตรงนี้หนอ
ธนูหนักปักร่างบ้างไม่พอ
ให้พระลอทั้งหน่อนางวางอาลัย
ไม่มีใครยอมตายล้มกายก่อน
อรชรอรอิงพิงแขไข
ข้างพระลอ..นรชาติราชวิไล
เพียงแต่ลมหายใจสิไม่มี
..
2 มิถุนายน 2548 19:49 น.
รักษ์รัก
..
จักรยานคันเก่าแต่คราวไหน
พิงผนังฝังเงาแห่งเยาว์วัย
คงเหลือไว้ให้มองย้อนก่อนเติบตน
นึกถวิลแว่วเสียงสำเนียงเด็ก
สองตัวเล็กโลดตะบึงถึงถนน
เจ้าเกลอ*กันปั่นรีบถีบวนวน
สัปดนคนหลังเกือบพลั้งตาย
กางสองแขนแอ่นเอี้ยวเสียวตัวตก
หันหน้าอกออกหลังหวิดหลังหงาย
จัดท่วงท่าสมดุลแต่ตาลาย
ที่นั่งท้ายส่ายกระบวนจวนหล่นทาง
มองสองข้างทางทิวลิ่วระนาบ
ทัศนียภาพใกล้ใกล้กลับไกลห่าง
ต้นมะม่วงล่วงลาพาจากจาง
ต้นมะฟางย่างเขยื้อนเคลื่อนมาแทน
ปัจจุบันไม่ทันไรก็หน่ายหนี
อนาคตทดที่ไม่มีแผน
อันอดีตมิดกาลนิรันดร์แน่น
ฤๅตักตวงหวงแหนแสนระกำ
สารถีขี่ทะยานผ่านทางหน้า
คงดีว่าหาวิถีหนีถลำ
เห็นเภทภัยก่ายกลบก็หลบทัน
ไม่ไหวหวั่นกันท่าหาทางไป
แล้วเรานั้นหันหลังทางอดีต
ที่เพิ่งพิศพิศผวามาจากไหน
แม้สะดุดหวุดหวิดกับพิษภัย
ถอนหายใจในกะโหลก วะ โชคดี
*กัน ในความหมายที่ว่าสหาย
..