28 กุมภาพันธ์ 2552 14:10 น.
รักษ์บุญ เสาวณีย์
เวรใครว่ะ ดูแลดีๆนะโว้ยอย่าหลับล่ะ ดึกแล้วกูจะไปนอน หัวหน้าถาม สอนไปตามเรื่องของแก
ผมครับ ผมตอบทันที
เดินแบกปืนคู่กายไปนั่งเข้าเวรที่หลังโคนยางต้นใหญ่ขนาดสองคนโอบ
วันนี้ ผมเข้าเวรช่วง ตี2-3 หัวหน้าจะนั่งกับเวรแบบนี้จนดึกจึงจะไปนอน
จริงๆแกนอนใกล้ๆนั่นแหละ
ทำบังเกอร์จากกระสอบที่ใส่ดินแล้วเรียงต่อ เหมือนก่อบล็อกสร้างบ้านนั่นแหละ แต่มีเฉพาะผนังด้านหัวนอน
กับด้านที่ติดแนวป่าด้านนอกฐาน
ผมนั่งนึกอะไรไปเรื่อยตามความเงียบ
........................................................................................................................
เฮ้ย...ทหารพรานมาว่ะ
เพื่อนที่นั่งกินเหล้าอยู่ที่ร้านตามั่น ซึ่งเป็นร้านประจำหมู่บ้านร้องทักมาแต่ไกล
สายตาที่เคยรังเกียจเดียดฉันท์ อดีตขี้เหล้าอย่างผม
กลับกลายเป็นความการให้เกียรติและยกย่องอาชีพของผม
ผมปกติชอบโม้อยู่แล้วไม่อยากจะโม้ต่อเลยว่า
บ้านไหนมีลูกสาวก็อยากจะยกให้ เดินผ่านบ้านไหนก็เรียกกินข้าวกินน้ำ
เพราะอาชีพผมดูน่าเกรงขามและมั่นคงพอตัว
จบปริญยงปริญายังเงินเดือนน้อยกว่าผมเลย (โม้ฉิหายเลย)
แต่ผมก็มีเมียแล้วล่ะ
1 เดือนที่ผ่านมา ผมมีวันพัก 7 วัน ก็รีบบึ่งขี่รถไฟกลับมาหาเมียสุดที่รักเหนือกะบาล
เฮ้อ.....ไม่อยากคิดถึงความหลังเลย
แต่ก็อยากคิด
วันนั้น
พ่อๆ! อีน้อยไปไหน ผมกระสับกระสาย เพราะกลับไปที่บ้านปลายนาไม่เจออีน้อยเมียผม
อ้อ...เอ่อ..มันเยี่ยมน้องสาวมันที่กรุงเทพฯ พ่อตอบตะกุกตะกัก
เอะ..พ่ออีน้อยมันมีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ฉันเห็นครัวมันมีแต่ไอ้ใหญ่น้องชายมันไม่ใช่เหรอ แล้วน้องสาวโผล่มาจากไหนจากล่ะพ่อ
ผมค้านเพราะรู้จักครอบครัวเมียดี
น้องสงน้องสาวของมันคนไหนก็ชั่งเถอะ มึงไปกราบแม่มึงก่อนไป แล้วหาขงหาข้าวกิน กูจะไปนา
พ่อดูท่าทางหงุดหงิด ตะโกนใส่หน้าทั้งที่ก็อยู่ใกล้กัน รีบเดินหนีไปนาทันที
จ๊ะ.. ผมรับคำงงๆ
เอ้อดี เมียไม่อยู่ผมจะแดกเหล้าให้เปรมเลย เปรี้ยวปาก หันกลับหลังเดินไปบ้านไอ้แสบเพื่อนวงเหล้าเดี๋ยวกัน ตั้งแต่สมัย ป.6 ที่หนีครูไปกินเหล้าด้วยกัน
อะไรไอ้ทึก..(ผมเรียกแทนชื่อแสบของมันเพราะมันไง่เหลือประดา)
ไม่ต้องมองหน้าตากูแบบสงสาร ขนาดนั้น กูอยู่ปักษ์ใต้สบายดี อีกนานกูกว่าจะตาย ผมพูดให้มันสบายใจเพราะคิดว่ามันเป็นห่วงที่ผมไปเป็นทหารพรานอยู่ใต้
มันก้มกระดกเหล้าขาวที่เทไว้เกือบเต็มแก้ว ไม่เหลือให้เห็นซักหยด นี่มันกะจะกินให้ทันตาโห พ่อมันที่เป็นตับแข็งตายเมื่อปีที่แล้วเลยหรือไง
ฮ่าๆๆๆ
มันหัวเราะเสียงดังแบบไม่มีเหตุผล รินเหล้าเกือบเต็มแก้ว ยื่นให้ผมกิน
วันนี้กูรักมึงว่ะไอ้เกลอ มึงแดกเหล้าเข้าไป กูจะร้องเพลงให้ฟัง มึงจะได้หลับสบายไง เสียงเริ่มอ้อแอ่
มันดันแก้วให้ ผมยังลังเลอยู่แต่ด้วยความเกรงใจ เอ้าใจป้ำกระดกหมดแก้วเหมือนกัน
ผมไม่รู้ว่าเหล้าขาวหมดกี้ลัง แต่จำได้ลางๆว่า 6 ขวดเป็นอย่างน้อย
เอะ...ผมนอนที่ไหน อ้อนอนที่แคร่หน้าบ้านของพ่อผมเอง หัวมึนๆหนักอึ้งเลย ขอหลับต่อดีกว่า
ได้ยินแว่วเสียงเหมือนไอ้แสบ คุยเบาๆกับพ่อ
พ่อ..ฉันละสงสารไอ้ชัยมันจัง ไอ้แสบถอนหายใจเฮือกใหญ่
ไม่รู้มันจะรับได้ไหมว่าเมียมันหนีตามผู้ชายไปไอ้แสบพูดต่อ
เอ็งก็อย่าพูดไปซิวะ กูก็ปิดมันอยู่ มึงก็รู้ เดี๋ยวมันไปอยู่โน้นเผื่อมันเจอสาวที่ถูกใจเราค่อยบอกมันก็ได้ พ่อทำเสียงกระซิบเบาๆ
หารู้ว่าผมได้ยินเรื่องราวทั้งหมด อาการช็อคเริ่มเกิดขึ้น
ซักครู่ได้ยินพ่อบอกไอ้แสบให้ไปนอน
ส่วนพ่อหายไปซักพักก็มีผ้าห่มมาห่มให้ผืนใหญ่
มือที่กร้านเพราะทำงานหนักตั้งแต่วัยเด็กของพ่อลูบหน้าผมเบาๆ แล้วก็ไปนอน
น้ำตาลูกผู้ชายชาติทหารกว่าจะไหลเป็นทางยาวก็ช็อกไปนาน
ผมผิดตรงไหน
ผมทำอะไรผิด
เมียถึงมีชู้
อาจจะเพราะกลัวผมมีเมียใหม่หรือเปล่า
หรือความห่างกัน ทำให้เธอเหงา ผมถามคำถามกับตัวเองวนไปวนมา
ความรู้สึกมันมึนไปหมด น้ำตาก็ไหลอยู่นั่นแหละ
ผมลองบังคับน้ำตาไม่ให้ไหลแล้ว แต่มันก็ยังไหลอยู่ดี
ใช่..ทั้งคืนผมสะอื้นเบาๆไม่ให้ใครรู้ ตอนเช้ารีบล้างหน้ากลัวคนจะเห็น
ผมไม่ให้พ่อ แม่ เพื่อนได้เห็นความเสียใจ ขอกลับตอนเช้าทันทีบอกนายโทรมาต้องรีบกลับ ทั้งที่เหลือเวลาตั้ง 5 วัน
แก่กๆแก่กๆ...เสียงกิ่งไม้บนพื้นหัก
ผมตวัดสายตาไปทางต้นเสียงทางซ้ายมือทันที
ผมเพ่งสายตาอยู่นิดหนึ่ง ดูลักษณะของสิ่งที่ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาในใกล้ฐาน
ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงคำรามเปิดฉากยิง ของปืน HK 33 ของผมดังสนั่น เพราะเปิดออโตร์(ออโตเมติก)
จากนั้นเสียงปืนทั้งสองฝั่งดังจนแสบแก้วหู
ทหารเราไม่เคยยิงโดนกันเอง เพราะมีรัศมีในการยิงของตัวเอง
ประมาณ 20 นาทีผ่านไป
เสียงหัวหน้าสั่งหยุดยิง
รอซักพักฟังเสียงปืน เมื่อไม่มีเสียงปืน
หัวหน้าจึงสั่งดำเนินกลยุทธ์ตามหลักของทหาร
ศพของโจรที่เข้ามาโจมตีฐาน ถึงแม้จะมีแค่ 2 ศพ มีรอยเลือดเป็นทาง สามสี่ทาง
เราก็เชื่อว่าครั้งนี้โจรล้มเหลว แต่ต้องคิดให้หนักว่า หากไม่แน่จริงมันไม่มาแน่
ส่วนฝ่ายเราบาดเจ็บกันห้าหกคนคน บางคนโดนกระสุนเฉียว แต่ส่วนมากบาดเจ็บเพราะกระโดดจากเปลไม้ตำบ้าง
กระโดดหลบที่โคนต้นไม้รุนแรงไปหน่อย
ทหารอย่างพวกเราไม่เคยกลัวตายแม้แต่น้อย
แม้บางครั้ง หรือบางคน จะไม่มีความสุขในชีวิตครอบครัว มีปัญหามากมายในชีวิต
เมียทิ้ง แฟนเลิก ลูกเสียคน หนี้สิน
แต่เราเหล่าทหารหาญ ไม่เคยลืมเลยว่าเราทำหน้าที่อะไร
เราทุกข์แสนสาหัส แต่ขอให้ชาติคงอยู่เราก็มีความสุข
เราภาคภูมิใจเสมอที่ได้รับใช้ชาติ
เหล่าศัตรูเอ๋ย
ตราบที่เหล่าทหารกล้ายังอยู่
ก็จะแสดงแสนยานุภาพให้ประจักษ์แก่ใจว่า
แม้กูตายลูกหลานกูก็สืบเจนตนา
แม้กูยังไม่ตายกูก็จะสู้จนตัวตาย
เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ให้ขวานเล่มนี้ยังเป็นขวานที่สมบรูณ์ต่อไป
27 กุมภาพันธ์ 2552 18:10 น.
รักษ์บุญ เสาวณีย์
ไอ้ขุนนั่งมองสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ
มันห้วนนึกถึงชีวิตที่ผ่านมา
ก่อนนี้มันมีอีแรมจรัสอยู่เคียงข้าง แต่มาวันนี้อีแรมจรัสมาจากมันไปอย่างไม่มีวันห้วนกลับ
มันทั้งสองอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปีมะโว้ จำไม่ได้ว่ามันนานนมแค่ไหนแล้ว
อีแรมจรัสเป็นหญิงสาวนางหนึ่งที่สวยทีเดียว ตัวไอ้ขุนทั้งรักทั้งหลงมันเฝ้าทนุถนอมอีแรมจรัส ขนาดที่เรียกว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยทีเดียว
บืนๆๆเสียงเครื่องเรือยนต์ที่กำลังแล่นผ่าน
น้ำที่ถูกเรือแหวก ออกกลายเป็นคลื่นลูกย่อมๆหลายลูก วิ่งตามกันและชนตูมเข้ากับตลิ่งและบันไดศาลาที่มันนั่งอยู่
แรงทีเดียวล่ะเพราะบันไดที่นั่งอยู่ถึงกับสะเทือน
เฮ้อ...
ไอ้ขุนถอนหายใจเสียงดัง
โดยหารู้ไม่ว่ามีคนอื่นที่ยืนอยู่ด้านหลังมัน
กำลังมองด้วยความเป็นห่วง
แกล้งทักเหมือนเพิ่งเดินมาถึง
พี่ขุน..ทำอะไรอยู่จ๊ะ
เสียงหญิงสาวดังขึ้นด้านหลัง
ไอ้ขุนหันขวับหาต้นเสียงที่เย็นยะเยือก
มันตื่นจากภวังค์ความคิดเก่าๆหยุดลงทันที
จ้องมองผู้มาใหม่อย่างสงสัยทำไมถึงรู้จักชื่อมัน
เพราะมันไม่รู้จักผู้หญิงคนที่อยู่ต่อหน้านี้ หรือเธอจะเป็นนางไม้หรือจะเป็นผีพรายจำแลงมา
เหมือนดังว่าเจ้าหล่อนจะเข้าใจความคิด
ก็เลยรีบบอกนามตัวเอง
ฉันชื่อมณีจ๊ะ เป็นน้องสาวของพี่แรมจรัส"
" พี่เขาให้คนไปบอกฉันก่อนที่ตัวเองจะไปว่า..ให้ฉันช่วยมาดูแลพี่ขุนแทนจ๊ะ
อือ..
ไอ้ขุนพยักหน้ารับรู้หันกลับไปมองสายน้ำเหมือนเดิม
เหมือนไม่สนใจผู้มาใหม่
แต่ที่จริงมันอยากซ่อนน้ำตาที่กำลังไหลลรินออกมา
มันไม่กล้าสะอื้นให้ใครได้รู้ว่ามันร้องให้
แสร้งวักน้ำลูบบหน้าเพื่อปกปิดน้ำตาที่กำลังไหลไม่หยุด
พี่ขุนจ๊ะ มณีเพิ่งมา ไม่เห็นพี่ก็เลยไปที่ครัวหุงข้าวทำกับข้าวแล้วนะ ไอ้ละออหลานพี่ขุนมันบอกพี่อยู่ที่นี่มณีก็เลยตามมา มณีว่าเรากลับกันเถอะจ๊ะเริ่มมืดแล้ว
ไอ้ขุนลุกขึ้นตามเดินตามสาวน้อย ไม่พูดอะไรเพราะกลัวจะหลุด(สะอื้น)ให้อีมณีได้รู้
ไอ้,อีทั้งสองต่างไม่ปริปากพูดเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากอย่างงั้นแหละ
จนกลับถึงกระท่อม
.........................................................................................................................
บัดนี้ล่วงเลยมาสองปีแล้ว
ทุกเช้าค่ำไอ้ขุนจะไปนั่งที่กะไดท่าาน้ำ
ไม่มีวี่แววเลยว่าอีแรมจรัสจะห้วนกลับมาหาไอ้ขุนดังที่มันหวัง
อีแรมจรัสช่างใจร้ายนัก
เหตุใดจึงทิ้งมันไป
ไอ้ขุนไม่เข้าใจยังหาเหตุไม่ได้อยู่ดีนั่นเอง
ตั้งแต่อีมณีมาอยู่กับไอ้ขุน ชั้นแรกเลยนั้นมันทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างเคอะเขิน
ฝ่ายไอ้ขุนจะไล่อีมณีกลับก็กะไรอยู่
ด้วยเหตุสองประการที่อีมณีชอบอ้าง
คือหนึ่ง อีมณีมันบอกว่าพี่สาวมันคือ อีแรมจรัสนั่นแหละ ที่สั่งเสียให้มันมาดูแลไอ้ขุนก่อนจากไป
อีมณีบอกว่าหากมันทิ้งไอ้ขุนไป คงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเพราะผิดคำสัญญาที่ให้กับพี่สาวตน(ซึ่งมันโกหก)
ข้อสอง อีมณีมันบอกว่า ด้วยว่าพี่สาวของนางคืออีแรมจรัสได้ให้ความมั่นใจว่า
หากมาอยู่กับไอ้ขุนแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลับบ้านก็ได้ ก่อนมามันจึงบอกขายที่ทางไปแล้ว หากกลับไปก็ไม่รู้จะไปอาศัยอยู่ที่ไหน
ไอ้ขุนก็เลยต้องจำยอมรับอีมณีไว้ให้อยู่ด้วยอย่างจำใจ
ต่อมาไม่นานไอ้อีทั้งสองต่างรู้ว่า การอยู่อย่างเดียวดายมันเหงาก็เลยเป็นผัวเมียกันดีกว่า
มันเหมือนนิยายน้ำเน่าเกินไปไหม
ไม่หรอก!
คนที่รู้ คืออีมณีคนเดียว
รู้อะไรน่ะหรือ
ก็รู้ว่าไอ้ขุนมันตกน้ำตายตั้งนานแล้ว
แต่ตัวไอ้ขุนไม่รู้ว่าตัวมันตายยแล้ว..ก็แค่นั้นเอง
ส่วนอีแรมจรัสนะหรือก็ยังอยู่เป็นคนอยู่ ไม่ได้หนีไปไหนอย่างที่ไอ้ขุนเข้าใจหรอก
เฝ้าแต่รอวันไอ้ขุนกลับไปหาเช่นกัน
มันยังไม่เข้าใจเลยว่าไอ้ขุนไปไหนแล้วทำไมถึงทิ้งมันไว้คนเดียว
มันแค่รีบไปเยี่ยมพ่อเฒ่าที่บ้านนอก เพราะพ่อเฒ่าเป็นไข้ป่า ไปแค่ 2 วันเอง
ครั้งที่แล้วไปตั้ง 15 วันไม่เห็นไอ้ขุนจะไปไหน
แล้ววันนี้ไอ้ขุนทิ้งมันไปไหน ไอ้ขุนทิ้งมันไปไหน ไปไหนนนน
เมื่อไม่มีวี่แววของไอ้ขุน
อีแรมจรัสจำต้องจากบ้านไปด้วยหัวใจแตกสลาย
ตอนนี้อีแรมจรัสมันกลับไปอยู่กับพ่อเฒ่าแม่แก่ที่ต่างเมืองแล้วล่ะ
ส่วนอีมณีนะหรือ มันก็เป็นผีนะซิ
แต่เป็นผีดีนะเพราะมันรักไอ้ขุนมานานแล้ว
แอบมองและอิจฉาคู่ของไอ้ขุนกับอีแรมจรัสเสมอ
เมื่อวันนั้นไอ้ขุนตกน้ำตายที่ท่าน้ำ
ก็เลยกุเรื่องขึ้นและรอเวลา
เพื่อที่จะอย่างมีผัวดีๆอย่างไอ้ขุนถึง 2 ปี
ทั้งที่ใจจริงมันอยากจะเข้าไปปล้ำไอ้ขุนทำผัวซะให้รู้แล้วรู้รอด
จะได้กกกอดไอ้ขุนอย่างที่ใจตัวปราถนา
แต่รั้งตัวไว้เสมอเพราะกลัวไอ้ขุนจะไม่ชอบใจ
และวันนี้อีมณีสมใจจริงๆที่มีผัวดีๆอย่างไอ้ขุน
และเป็นผัวที่รักมันด้วยใจ..มิใช่บังคับ
วันนี้ไอ้ขุนทั้งรักและหลงอีมณีเหมือนที่มันเคยหลงอีแรมจรัส
อีมณีที่เคยแอบรักไอ้ขุนและเฝ้ารอเสมอมา มันมีความสุขและดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ทำสำเร็จ
และจะไม่ยอมให้ใครมาแยกไอ้ขุนไปจากมัน
เหมือนที่มันเคยพรากไอ้ขุนมาจากอีแรมจรัส
ไม่มีวันซะหรอก
ระวังนะท่านๆอาจจะมีใครรอโอกาสอยู่
เหมือนกับที่ฉันอีมณีเฝ้ารอพี่ขุนจนได้สมดังปราถนาแบบนี้ไง
ท่านอาจไม่ได้โชคดีแบบพี่ขุนที่ฉันเอาไปทำผัวก็ได้นะ
เขาที่เฝ้ารออาจจะหาคนไปแทนที่ก็เป็นได้ ระวังนะ!
26 กุมภาพันธ์ 2552 15:31 น.
รักษ์บุญ เสาวณีย์
จดหมายถึงนายนุ้ย ฉบับที่ 1
สวัสดีครับนายนุ้ย นายนุ้ยสบายดีไหมครับ ผมนายหนูแดงสบายดีครับ
นายนุ้ยคงสบายดีแน่ๆ เพราะนายนุ้ยเป็น ส.ส. ผู้ทรงเกียรติ
ผมดูภาพที่นายนุ้ยออกทีวีแล้ว นายนุ้ยช่างเหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้รับจริงๆ
ผมเขียนจดมาหมายนี้ก็ไม่มีอะไรมาก
แค่อยากบอกนายนุ้ยว่า บ้านผมถนนรถวิ่งแทบไม่ได้เลย นี่ก็จะเข้าน่าฝนยิ่งไปกันใหญ่
นายนุ้ยก็น่าจะรู้ดีว่าถนนเส้นนี้แทบใช้การไม่ได้ และก่อนลงเลือกตั้งนายนุ้ยบอกกับพวกผมว่า นายนุ้ยจะกลับมาทำถนนให้
นายนุ้ยอย่าลืมสัญญานะครับ
ตอนนี้ไอ้ทุยกำลังป่วยไม่รู้ว่าจะหายหรือเปล่า มันเจ็บขาให้หมอควายที่บ้านมาฉีดยาให้ก็ยังไม่ทุเลาเลย ไม่รู้ไอ้ทุยจะหายทันหน้านาปีนี้หรือเปล่า
ถ้าหายไม่ทัน ผมคงต้องจ้างควายญี่ปุ่นของเจ๊กโก นายนุ้ยก็รู้ว่าควายญี่ปุ่นมันไถ่เก่งก็จริง แต่ผมก็ต้องเสียกะตังอีกโขเลย
นายนุ้ยบอกว่าจะให้ควายเรา
อย่าลืมนะครับ ผมรออยู่
ตอนแรกผมไม่อยากได้เท่าไรแต่ตอนนี้ลำบากจริงๆ ถ้านายนุ้ยให้ก่อนลงทำนาผมจะสำนึกบุญคุณเป็นอย่างมาก
นายนุ้ยครับ
นายนุ้ยรู้ไหมว่าตอนนี้ แถวบ้านใช้ปุ๋ยเคมีกันเยอะขึ้น
ปุ๋ยพวกนี้ดีมากๆ เห็นเขาใช้มันดีจริงๆ ผมก็เลยเปลี่ยนมาใช้เมื่อปีแล้ว
แต่ปีนี้ปุ๋ยขึ้นราคา
นายนุ้ยช่วยบอกให้เพื่อนนายนุ้ยขายปุ๋ยให้พวกเราถูกๆได้ไหม
เมื่อคืนผมดูข่าว ตอนนี้รัฐบาลกำลังจะประกันราคาข้าวล่วงหน้า ผมเห็นว่าถ้ารัฐบาลทำได้ พวกผมคงอยู่ดีกินดีขึ้นบ้าง เพราะปีที่แล้วผมไปขายที่โรงสีเจ๊กโก ได้ราคาไม่ดีเลย
ตอนที่นายนุ้ยไปที่หมู่บ้านผม นายนุ้ยรู้ไหมว่าทำไม นายนุ้ยถึงได้คะแนนมากที่สุดในหมู่บ้าน
ก็ผมนี่แหละเป็นหัวคะแนนให้นายนุ้ย ตอนแรกผมอยู่อีกพรรคฝากหนึ่ง แต่เห็นนายนุ้ยเป็นคนน่าเชื่อถือ พูดดี มีความเป็นไปได้มากกว่าไอ้ฝากตรงข้าม
ผมก็เลยให้พวกชาวบ้านเลือกนายนุ้ย นายนุ้ยสัญญากับเรา ว่านอกจากจะประกันราคาข้าวแล้วนายนุ้ยจะ ประกันราคาพืชผลอย่างอื่นด้วย
พวกเราดีใจมากที่นายนุ้ยเป็นตัวแทนของเรา
สุดท้ายนี้
ขอให้คุณศรีพระรัตนตรัยคุ้มครองนายนุ้ยและครอบครัวให้มีความสุขตลอดไป
ปล.นายนุ้ยอย่าลืมมาซ่อมถนนให้เรานะครับ ตอนนี้ลำบากมาก
เคารพและนับถือ
นายหนูแดง ชาวนา
.....................................................................................................................
จดหมายถึงนายนุ้ย ฉบับที่ 2
สวัสดีครับนายนุ้ย
นายนุ้ยยังสบายดีอยู่หรือเปล่าครับ ผมนายหนูแดงสบายดีครับ
ผมเขียนจดหมายมาฉบับนี้ เพราะอยากจะขอบพระคุณนายนุ้ยเป็นอย่างมาก ที่พอรับจดหมายผมแล้วก็รีบจัดการตามที่ขอ
ผมดีใจที่นายนุ้ยบอกว่าได้ของบไว้ให้หมู่บ้านผมแล้ว
ถึงจะสร้างยังไม่ได้เพราะเป็นหน้าฝน แต่ต้องสร้างน่าแล้งปีหน้านะครับ
อันนี้ผมเข้าใจนายนุ้ยครับ เดี๋ยวผมจะบอกชาวบ้านให้นะครับ
นายนุ้ยครับ
ขอบพระคุณแทนอีแตงลูกสาวคนเล็กของผม ที่เพิ่งแต่งงานไป ผมไม่นึกว่านายนุ้ยจะใส่ซองให้มันตั้งห้าพัน
ไอ้สนเพื่อนผม มันก็ฝากขอบพระคุณนายนุ้ยด้วย ที่นายนุ้ยช่วยเป็นเจ้าภาพงานศพแม่มัน
มันบอกว่านายนุ้ยอยากเป็นส.ส.อีกกี่สมัยกี่สมัยมันจะลงคะแนนให้
ชาวบ้านต่างก็สรรเสริญนายนุ้ยเป็นการใหญ่ บอกว่าพวกเราเลือกส.ส.ได้ถูกคนซักที ไอ้ผมก็พลอยได้หน้าไปด้วยที่เปลี่ยนใจมาสนับสนุนนายนุ้ย
หลวงพ่อดำ เจ้าอาวาสที่วัดบ้านผมก็ฝากมาขอบใจนายนุ้ยด้วย
ก็เรื่องผ้าป่านั่นแหละปีนี้ได้เกือบล้าน
หลวงพ่อดีใจมาก ที่จะได้กุฏิหลังใหม่เสียที
นี่ถ้าไม่ได้นายนุ้ยเป็นประธาน คงไม่ได้เงินมากขนาดนี้ แถมนายนุ้ยเองก็ใส่ซองผ้าป่าตั้งหมื่นหนึ่งด้วย
หลวงพ่อก็เลยพูดถึงความดีของนายนุ้ย ตั้งสองสามเดือนแล้วก็ยังไม่เห็นหลวงพ่อจะเบื่อเลย
ผู้ใหญ่เขียว ผู้ใหญ่บ้านเราก็ฝากขอบพระคุณมาด้วย
ที่นายนุ้ยสนับสนุนทั้งเสื้อทั้งกางเกงกีฬา ไหนจะอุปกรณ์กีฬาอย่างอื่นอีก
พวกเด็กๆวัยรุ่นที่บ้านดีใจใหญ่เลย
พวกมันดีใจขนาดที่ทุกปีมันเตะบอลเล่นกีฬาของตำบลได้ที่โหล่หมด
แต่ปีนี้ พวกมันชนะเลิศกีฬาตำบลหลายอย่างเลย
ไอ้ผมไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ตอนนี้ใครๆก็รักนายนุ้ยกันทั้งนั้น มันไม่ใช่แค่ที่หมู่บ้านของผมนะครับ ตอนนี้ชื่อเสียงของนายนุ้ยดังไปทั่วตำบลเลยครับ
ครูใหญ่และครูน้อย ที่สอนโรงเรียนบ้านผม ก็พากันชมนายนุ้ยมาเหมือนกันว่านายนุ้ยเป็นคนใจกว้าง แถมไม่ถือตัวไปร่วมงานส่งครูน้อยที่จะย้ายไปและเลี้ยงต้อนรับครูคนใหม่
ไอ้เดชลูกชายผมที่ไปช่วยครูเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟข้าว
มันเอาเงินใบห้าสิบ ก็ใบเพิ่งออกใหม่ไง ที่นายนุ้ยแจกทุกคนในงานน่ะ
มันเอามาให้ผมดู แต่มันไม่มันเอายักกะเอาไปใช้ เพราะปกติมันเห็นเงินไม่ได้หรอก มันใช้ตะบันเลยล่ะ
รอบนี้แปลก มันกลับเอาไปให้ร้านเขาเคลือบไว้บูชา
มันบอกว่า มันรับจากมือคนใหญ่คนโตทั้งที ชีวิตนี้คงไม่มีอีกแล้วละ
กำนันยะแกฝากมาถามว่า ถนนลาดยางของตำบลเราจะได้จริงๆหรือ
ผมว่าก็คงไม่ยากเกินไปแน่ใช่ไหมครับนายนุ้ย ถ้าได้ถนนลาดยางเส้นนี้ ผมว่านะ นายนุ้ยคงได้เป็นส.ส.อีกหลายสมัยเลยล่ะ
อ้อ..วันนั้นผมดูนายนุ้ยอภิปรายในสภา สุดยอดจริงๆครับนายนุ้ย นายนุ้ยพูดได้จับใจชาวบ้านอย่างผมจริงๆ มันต้องอย่างนี้ครับ ถึงจะเรียกว่า เข้าใจชาวบ้านจริงๆ ไม่ใช่ดีแต่พูดเหมือนคนก่อนๆ
สุดท้าย ผมและชาวบ้านขอให้กำลังใจนายนุ้ย ให้ทำงานโดยไม่มีอุปสรรคนะครับ ขอให้นายนุ้ยแข็งแรง เป็นตัวแทนของชาวบ้านต่อไปนะครับ
รักและเคารพและนับถือ
นายหนูแดง ชาวนา
........................................................................................................................
จดหมายถึงนายนุ้ย ฉบับสุดท้าย
สวัสดีครับนายนุ้ย ผมนายหนูแดงนะครับ
หลายปีมานี้ ผมไม่ได้เขียนจดหมายมาหานายนุ้ยซักที อาจเพราะนายนุ้ยได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ผมก็เลยไม่กล้ารบกวน
เมื่อวานไอ้เดชลูกชายผม ตอนนี้มันเป็นอบต.ของหมู่บ้านแล้ว
มันอยากได้อุปกรณ์กีฬาให้เด็กๆ ก็เลยแวะไปที่บ้านของนายนุ้ย
ปรากฎว่าคนที่บ้านของนายนุ้ย บอกว่านายนุ้ยไม่อยู่บ้าน
มันก็เลยต้องกลับมือเปล่า
มันบอกว่าบ้านของนายนุ้ยเก่าไปมาก
เดี๋ยวนี้ไม่มีใครไปหานายนุ้ยแล้วหรือครับ
ผมก็พอเข้าใจสภาพของนายนุ้ยนะครับ
เลือกตั้งแต่ละครั้ง นายนุ้ยต้องใช้เงินมากมาย
ไหนจะตอนได้เป็นส.ส.เป็นรัฐมนตรี
ชาวบ้านยังแวะเวียนไปขอเงินสนับสนุนต่างๆอีก เงินนายนุ้ยก็ต้องหมดเป็นธรรมดา
นายนุ้ยครับ ผมคงต้องบอกนายนุ้ยตรงๆว่า
ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มจะเปลี่ยนไป เพราะชอบความใจถึงของผู้สมัครพรรคฝ่ายตรงข้าม
เขาเข้าหาชาวบ้านได้เร็ว และจ่ายหนักว่าเดิมอีกหลายเท่า
ปีนี้ผมจะไม่เป็นหัวคะแนนแล้วนะครับ ไอ้เดชลูกชายผมจะเป็นแทน
เพราะตอนที่มันแวะไปหานายนุ้ยแล้วไม่ได้อะไรกลับมา
มันก็เลยแวะไปที่พรรคตรงข้าม
ฝั่งนั้นเขาให้มาเยอะมาก มันก็เลยเป็นหัวคะแนนให้เขา
ผมก็เลยต้องหลีกทางให้เด็กรุ่นใหม่อย่างมัน
นายนุ้ยไม่ว่านะครับ เราอยากได้คนสมัยใหม่ที่ใจถึง เราต้องการคนที่เป็นตัวแทนให้เราได้จริงๆ
เขาให้เรามากกว่า
นโยบายของเขาก็ถูกใจ
และที่สำคัญเขาน่าจะได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ที่สามารถทำให้เราได้งบลงหมู่บ้านเพิ่ม ในการเลือกตั้งครั้งนี้
นายนุ้ยครับ หลายปีมานี้นายนุ้ยได้ช่วยเหลือชาวบ้าน จนใครๆก็รู้จักว่านายนุ้ยเป็นคนดี
นายนุ้ยได้ทุ่มเทเงินทองให้พวกเรา
จนนายนุ้ยแถบจะหมดเนื้อหมดตัว
เราขอขอบพระคุณนายนุ้ยเป็นอย่างสูง ที่ดูแลเราอย่างดีตลอดมา
แต่วันนี้หลายอย่างเปลี่ยนไป และเราจำเป็นต้องปรับตัวตามความจริง และผมก็จำเป็นต้องปรับตัวตามชาวบ้าน
สุดท้ายจริงๆ
ผมนายหนูแดง ชาวนา
ขอให้นายนุ้ยและครอบครัว มีแต่ความสุขโรคภัยอย่าได้เบียดเบียน
ผมคงไม่ได้เขียนจดหมายมาหาแล้ว
และขอให้นายนุ้ยยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้
รักและปราถนาดี
นายหนูแดง ชาวนา
......................................................................................................................