8 กุมภาพันธ์ 2548 16:43 น.
ระเบียงดาว
ท่ามกลางความร้อนและแห้งแล้ง น้ำเพียงหยดก็มีความสำคัญ สายฝนที่โปรยปรายลงมาย่อมมีคุณค่า ชุ่มฉ่ำ ฟื้นชีวิตที่แห้งเหือดให้กลับสดใส เธอเคยคิดจะเดินออกไปบ้างไหม? ออกจากร่มที่บดบังความชุ่มฉ่ำ สู่สายฝนแห่งความสดชื่น ซึมซาบความสุขของหยดฝนที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า ฉันเคยหลงใหลวิ่งวนกลางสายฝน ฉันยื่นมือไปรับน้ำฝนหวังอยากเก็บความสุขสดชื่นไว้ตลอดไป แต่ยิ่งพยายามเก็บเท่าไหร่ หยดฝนก็ยิ่งไหลรั่วออกไปเท่านั้น และโดยที่ไม่รู้ตัวความฉ่ำเย็นของสายฝนกลับกลายเป็นความเหน็บหนาวที่วิ่งซึมลึก...ลึกลง...ลึกจนถึงหัวใจ ความสุขที่ได้รับเหลือเพียงความเยือกเย็นที่ทิ่มแทงให้ต้องปวดร้าว จนต้องวิ่งหลบเข้าร่มคันน้อยเพื่อรักษาความเจ็บนั้น แต่อีกนั่นแหละความสุขจากสายฝนยังคงไม่จางหาย ความสดชื่นจากหยดน้ำที่ตกจากฟ้ายังคงเรียกให้ฉันเดินไปกลางสายฝน ทั้งที่รู้ว่าต้องเหน็บหนาวปวดร้าว แต่ก็ไม่อาจตัดใจเดินออกมาจากเวียนวนแห่งสายฝน คงไม่ต่างกันที่ฉันไม่อาจจะตัดใจจากความสุขเล็กๆน้อยๆของความรักที่เคยให้ความชุ่มชื่นหัวใจ แม้รู้ว่าตัวฉันไม่อาจจะเก็บมันไว้เป็นของฉันตลอดไป ถึงต้องแลกกับความเจ็บช้ำเหน็บหนาวใจ แต่ฉันก็ยังคงวิ่งตรงเข้าไปหาเขาคนนั้นอย่างไม่สนใจสิ่งใด อาจจะเจ็บกลับมาสักกี่ครั้ง ร้องไห้กลับมาสักกี่หน ความหวังก็ไม่เคยจะลดน้อยลง ไม่ว่าใครจะมองฉันว่าเป็นคนไม่รู้จักหลาบจำ ได้แต่เดินไปให้เขาทิ่มแทงด้วยความเย็นชา แต่ฉันก็ยังจะเดินต่อไปโดยหวังเพียงความสุขที่เธอจะหันกลับมามองแม้จะไม่นาน ฉันเต็มใจจะเดินอยู่ในวังวนของสายฝนโดยไม่สนต่อความหนาวเย็น เพราะฉันรู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้ฉันมีความสุข และพร้อมจะเดินไปไขว่คว้าด้วยตัวของฉันเองบนเส้นทางแห่งสายฝนของเขาคนนั้น
เวลาแห่งความสุข อาจสั้นกว่าเวลาแห่งความเจ็บปวด แต่เวลาของความรักไม่มีวันเวลาสิ้นสุดไปจากใจ
3 กุมภาพันธ์ 2548 14:39 น.
ระเบียงดาว
ทุกวันที่ผ่านไปของความเศร้ามักเชื่องช้าเสมอ วันเวลาที่ผ่านไปดูจะว่างเปล่าไร้ความหมาย เพราะถึงนาฬิกาจะเดินผ่านไปเท่าไร แต่ความเจ็บช้ำก็ยังคงฝังแน่นในใจ มีคนเคยบอกเอาไว้...หากเมื่อใดต้องเจ็บปวด ทรมานใจ ให้ร้องไห้...ร้องซิ...ร้องไปให้ความทุกข์ไหลไปกับน้ำตา และเมื่อความเศร้าได้จางหายไป น้ำตาก็หยุดไหลเช่นกัน ฉันเชื่ออย่างนั้นเสมอมา ไม่ว่าจะมีความทุกข์ใดเข้ามาทำร้ายใจ ฉันก็จะใช้น้ำตาล้างความเศร้าออกไปในทุกครั้ง จนกระทั่งฉันต้องเจอกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจจางไป แม้จะต้องร้องไห้สักกี่วัน...กี่เดือน...กี่ปี แต่ความทรมานก็ยังคงบีบรัดหัวใจฉันไม่ยอมปล่อย ยิ่งนานวันรอยบีบนั้นก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น...แน่นขึ้น จนตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองจะหายใจไม่ออก อาจจะเป็นเพราะการสูญเสียมันยิ่งใหญ่เกินไป หัวใจที่ถูกทอดทิ้งอย่างไร้ค่าจึงไม่อาจทนต่อความช้ำใจที่ได้รับมาได้ ฉันเฝ้ารอ...รอเพียงวันน้ำตาจะหยุดไหล ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ หรือฉันต้องขาดอากาศหายใจ จมกองน้ำตาอยู่ตรงนี้เสียก่อน จึงจะลืมความเจ็บช้ำได้หมดใจ ฉันได้แต่นึกอิจฉาเทียนเล่มน้อยที่สุกสว่าง แม้น้ำตาเทียนจะไหลไม่ขาดสาย แต่ในสักวันก็ยังมีวันที่น้ำตาเทียนต้องสิ้นสุดเหือดแห้งในไม่ช้า ในขณะที่ฉันทำได้เพียงมองน้ำตาที่ไหลนอง ท่ามกลางอากาศที่ดูจะน้อยลงทุกที ฉันได้แต่หวังว่าน้ำตาจะพาความเจ็บปวดออกไปจากหัวใจได้หมดในสักวัน แม้ว่ามันอาจจะไม่มีวันนั้นสำหรับฉันเลยก็ได้ วันที่น้ำตาแห่งความเสียใจได้เหือดแห้งไป มีเพียงน้ำตาแห่งความสุขยินดี ความทรมานที่บีบรัดหัวใจจนแน่นเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นของความรักที่โอบกอดหัวใจอย่างอ่อนโยน วันที่ฉันจะไม่ต้องนับหยดน้ำตาอีกต่อไป
น้ำตาเทียนยังมีวันหยุดไหล แต่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเหือดแห้งไป
3 กุมภาพันธ์ 2548 14:30 น.
ระเบียงดาว
เคยอยู่ในทะเลทรายไหม? ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีสีน้ำตาลอ่อนของเม็ดทราย ความรู้สึกที่ร้อนรุ่มเข้าปกคลุม ทุกก้าวที่เดินไปดูไม่ต่างจากที่เดิมเหมือนเดินเวียนไม่ไปไหน ยิ่งนานวันยิ่งอ่อนล้าหมดแรง แต่พอใกล้จะถอดใจกลับมองเห็นโอเอซิสอยู่เบื้องหน้า ความหวังที่สุขสดชื่นเกิดขึ้นในใจ จากนั้นก็วิ่งสุดกำลัง วิ่งไป!... วิ่งไป!... วิ่งไป! วิ่งจนไม่เหลือเรี่ยวแรง ล้มนอนลงบนพื้นทรายที่แห้งแล้ง ตอนนั้นเองที่ฉันรู้ซึ้งถึงความเป็นจริง ไม่มีโอเอซิส ไม่มีน้ำ ไม่มีความสุขสดชื่น มีเพียงเม็ดทรายที่ร้อนรุ่มกับความหวังที่ยิ่งวิ่งตามกลับยิ่งไกลออกไป...ไกลออกไป ระยะทางที่ไม่อาจลดลงไป เหลือเพียงความทรมานกับความฝันที่เป็นไปไม่ได้ เธออาจไม่รู้ว่าฉันหลงอยู่ในทะเลทรายของเธอ หาทางออกไม่ได้ ที่เธอคอยให้ความหวังเล็กน้อย แต่ไม่มีความรักอยู่เลย ฉันทำได้แค่พยายามวิ่ง...วิ่งให้ถึงตัวเธอ แต่เธอกลับยิ่งถอยไปไกล ไม่มีวันได้เข้าใกล้ เมื่อฉันคิดจะตัดใจ เธอก็กลับมาให้ความหวัง ปล่อยให้ฉันไล่ตามเธอเสมอไป ตอนนี้ฉันหมดแรงแล้วนะเธอ ฉันลุกไม่ไหวแล้ว ทำได้เพียงรอ...รอให้ทะเลทรายกลืนฉันหายไป กลืนความหวัง เยื่อใยให้จมหาย หายไปจากโลกของเธอตลอดไป ฉันยอมตายไปจากเธอดีกว่า ฉันไล่ตามต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะสิ่งที่เหลือตอนนี้มีเพียงใจที่แห้งแล้ง กับความอ่อนล้าที่เฝ้าพยายามตลอดมา ฉันคงต้องจบความรักกลางทะเลทรายเสียที ก่อนหัวใจจะเจ็บช้ำจนตายเข้าไปจริงๆ
ทะเลทรายของเธอ คงไม่มีโอเอซิสสำหรับฉันจริงๆใช่ไหม
12 ธันวาคม 2547 01:50 น.
ระเบียงดาว
เธอรู้ไหม? ดาวบนฟ้ามีกี่ดวง ลองนับดูซิ 1 ดวง.. 2 ดวง.... 100 ดวง...... 1,999 ดวง นับเท่าไรก็ดูไม่น้อยลงเลย อาจเพราะท้องฟ้ามันกว้างใหญ่เกินไป หรืออาจเพราะดวงดาวเล็กเกินไปกันแน่ ดาวถึงนับไม่ถ้วนสักที การนับที่ดูจะไม่สิ้นสุดชวนสับสน ทำให้เธอท้อใจใช่ไหม? อยากเลิกนับแล้วใช่ไหม? แต่ทุกค่ำคืน...เมื่อใดก็ตามที่มองเห็นดาวส่งประกายเรืองรองบนฟากฟ้าก็อดไม่ได้ที่จะนับทีละดวง ทีละดวง คงเหมือนฉันที่ไม่อาจถอนสายตาจากท้องฟ้า แม้จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ถึงแม้จะถูกความเหงาโอบรัดไว้ ฉันก็ยังมีความสุขที่ได้เห็นแสงเล็กบนฟากฟ้า ได้นั่งนับดาวที่ทอแสงบนท้องฟ้า ใครบางคนที่รออยู่ตรงนี้ คือ ท้องฟ้าที่ฉันไม่อาจละสายตาไปได้ ทุกๆวันขอเพียงเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขก็เหมือนได้เห็นดาวบนท้องฟ้า ฉันเฝ้าคอยทำทุกอย่างเพื่อให้ดาวเหล่านั้นเพิ่มจำนวนทีละดวง คอยนับเพิ่มทีละดวง ให้ดาวส่องประกายสดใสเต็มท้องฟ้า ให้ใครคนนั้นมีความสุขในทุกๆวันจนไม่อาจนับได้ ถึงรู้ว่าทุกอย่างที่ทำไปอาจแลกกับความท้อแท้ มีเพียงความเหงาที่เวียนวนอยู่รอบตัว อาจเป็นการก้าวเดินบนความว่างเปล่า แต่ชั่วขณะหนึ่งไออุ่นของการที่เห็นรอยยิ้มใครคนนั้น ก็สามารถเติมความสุขเล็กๆในใจให้ส่องประกาย มีคนถามว่าไม่เสียดายเวลาบ้างเลยหรือ? ฉันไม่อาจตอบได้ สิ่งที่รู้มีเพียงฉันไม่เคยเสียใจที่ทำให้ใครคนนั้นมีความสุข หากจะมีสิ่งที่เสียดายอาจเป็นเวลาที่ไม่อาจสร้างดาวดวงน้อยให้ประดับบนฟ้าได้ ไม่อาจทำเพื่อคนที่รักได้ บนทางเดินอาจไร้คนร่วมทาง ได้แต่เดินไปเพียงลำพัง แต่เมื่อมองบนท้องฟ้าจะพบดวงดาวนับแสน นับล้านอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องหมายของความรักที่เรามีต่อใครคนหนึ่ง ความรักที่นับไม่ได้ ความรักที่ส่องประกายสดใส ให้คนเหงาๆได้มีรอยยิ้มก็พอแล้ว
ความเหงาของใครบางคน อาจสร้างความสุขให้ใครอีกคน หากเป็นเช่นนั้นได้ ความเหงาคงเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
12 ธันวาคม 2547 01:46 น.
ระเบียงดาว
เคยเอื้อมมือหยิบดาวไหม ถึงแม้รู้ว่าหยิบไม่ถึงก็ยังพยายามจะเอื้อมแต่ระยะทางก็ยังคงห่างไกล ทุกครั้งที่เอื้อมมือออกไปสิ่งที่ได้กลับคืนมามีเพียงความว่างเปล่า แม้จะพยายามไล่ตามแค่ไหนปีนเขาสูงเท่าไหร่ ความห่างก็ยังเท่าเดิม สิ่งที่ทำได้มีเพียงเฝ้ามองจุดเล็กๆบนพื้นดิน บอกเล่าความรู้สึกแม้ดาวน้อยจะไม่ได้รับรู้มัน ความรู้สึกที่ส่งไม่ถึงยิ่งผ่านเวลาก็จะยิ่งสะสมมากขึ้น....มากขึ้นทุกที ดาวน้อยแสนไกลไม่รับรู้เช่นใด เธอคนนั้นก็ไม่ซาบซึ้งเช่นนั้น อาจต่างตรงที่เธออยู่ใกล้....ใกล้จนเหน็บหนาวใจ ทั้งที่แค่ก้าวเดียวก็จะไปถึง แต่ทำไมกลับรู้สึกห่างไกลยิ่งกว่าดวงดาว เสียงของเธอฉันได้ยินทุกคำ แต่เสียงของฉันกลับจางหายไม่ถึงเธอ ความรู้สึกของฉันไม่เคยส่งถึงเลยใช่ไหม? ฉันถึงได้รู้สึกลอยคว้างอยู่ในความเงียบเหงาอย่างนี้ รู้ตัวว่าแค่น้อยใจยังไม่มีสิทธิ์ เพราะฉันไม่ใช่เจ้าของดาวดวงนี้ ไม่ใช่ความผิดเธอที่ไม่เข้าใจ ไม่ใช่ความผิดของใครที่เธอไม่แคร์ฉัน ฉันคงเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆสำหรับดาวดวงนั้น เป็นเพียงหนึ่งในหลายพันล้านสิ่งที่เธอพบเจอ มันไม่เจ็บที่ฉันเหมือนคนทั่วไป แต่มันเจ็บกับความห่วงใยที่เธอให้มา ไม่รู้สึกปวดร้าวที่ถูกมองข้าม แต่ทรมานกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน สายใยที่ตัดไม่ขาด แต่ไม่สามารถถักทอไปได้ ความรู้สึกที่ลบไม่ได้แต่ก็ไม่ถึง เหมือนจะก้าวต่อไปก็ไม่ได้จะถอยหลังก็ยากเกิน ได้แต่ค้างอยู่กับความสับสนที่จนหนทาง ความฝันที่อยากลืมแต่กลับยังฝันอยู่ทุกวัน เธอคงเป็นดาวที่แสนไกล คนที่มีเพียงความฝันไม่อาจสัมผัสได้
คนบางคนมีไว้แค่ให้รัก แต่ไม่ได้มีไว้ให้ครอบครอง คำบางคำมีเพื่อให้ได้ยินที่หู แต่เข้าไม่ถึงใจ สิ่งบางสิ่งมีได้แค่ในฝัน แต่ไร้ตัวตนในความจริง