24 กันยายน 2550 01:26 น.
รอยทาง
เมื่อใครคนหนึ่งผ่านเข้ามาในชีวิต
เขาทำให้หัวใจต้องเปลี่ยนไป
หัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก
หัวใจที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร
หัวใจที่เต็มไปด้วยความเสน่หา
หัวใจที่เต็มไปด้วยพลังและกำลังใจ
เราต่างบอก.... ภาษาหัวใจซึ่งกันและกัน
เราจะรักกัน...
ตราปเท่าที่หัวใจยังมีชีวิตอยู่
ใครคนนั้น... คนที่หัวใจตามหา
มาตลอดชีวิต.. เขาคือใคร เขาอยู่ที่ใหน
เราไม่อาจที่จะเห็นตัวตนซึ่งกันและกัน
แต่เราต่างรักกันด้วยใจและจิตวิญญาณ
แม้เป็นไปได้เพียงความฝัน
แต่เราก็รักกันสุดหัวใจ...
2 กันยายน 2550 21:52 น.
รอยทาง
แฮ่กๆๆๆ .. อาการเหนื่อยหอบวิ่งไปยังช่องขายตั๋วรถปรับอากาศชั้น1 "ไม่ทราบมีตั๋วว่างไปร้อยเอ็ดมั๊ยคะ" ฉันถามพนักงานขายตั๋ว... "ตั๋วเต็มหมดแล้วคะ" พนักงานตอบ ตัดสินใจเดินไปถามซื้อตั๋วรถโดยสารอีกช่องก็หมดเช่นกัน ปรากฎว่าวันนั้นตั๋วรถปรับอากาศชั้น1 เต็มหมดเพราะเป็นช่วงเทศกาลคนเยอะเต็มสถานีขนส่งนครราชสีมา รถบัสแต่ละสายจากกรุงเทพวิ่งเข้าสู่ภาคอีสาน ต้องมาจอดพักรับผู้โดยสารจากสถานีขนส่งนี้ทุกระยะ "ว้าว.. ทำงัยดี.. แล้วมีรถสายไหนไปได้บ้าง" ถามต่อ.. "ลองไปติดต่อรถ ปอ.2 ด้านข้างนี่ดูนะคะ." พนักงานขายตั๋วอีกคนแนะนำบอก
"เมืองพล บ้านไผ่ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบล"
เสียงเด็กรถตะโกนเรียกผู้โดยสาร "ไป ไหนๆ" เด็กรถวิ่งมาถาม นี่คือภาพที่เห็นจนชินตาประจำกับความไร้มารยาทของเด็กรถในการวิ่งแย่งหาผู้โดยสารตามสถานีขนส่งต่างๆ และชอบเข้ามาแย่งกระเป๋าถือ "มีที่ว่างมั๊ยคะจะไปร้อยเอ็ด" เด็กรถบอก"มีๆ รีบซื้อตั๋วๆ" พูดด้วยความกระตือรือร้นแย่งกระเป๋าถือในมือไปถือต่อแล้วพาไปซื้อตั๋ว ฉันจ่ายเงินพนักงานฉีกตั๋วให้... แล้วก็รีบวิ่งไปที่รถทันที "ยังขึ้นไม่ได้" เด็กรถอีกคนพูดยืนกันประตู "อ้าวทำไมก็เห็นที่นั่งว่างอยู่นี่ทำไมถึงขึ้นไม่ได้" ฉันพูด "รอผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ ขึ้นหมดก่อน"เด็กรถคนเดิมบอก เอาละคราวนี้งงงวยหมายความว่ายังงัย ฉันยืนบ่นอารมณ์เริ่มหงุดหงิดจะมีที่นั่งมั๊ยนี่ "พี่นะยืนมาจากกรุงเทพจะไปยโสธร"ผู้โดยสารอีกคนยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น "ฮ๊ะ.. พี่ยืนมาจากกรุงเทพเลยหรือ... อ้าวแล้วไปต่อนีจะไม่ยืนอีกหรือคะ" ฉันหันไปคุยด้วยทำท่าเอะใจ "งั้นคงไม่ไปหรอกใครจะยอมยืน โดนถูกหลอกจนได้" ฉันพูด
เดินไปหาคนขายตั๋ว "คุณคะ.. จะขอคืนตั๋วโดยสารเนื่องจากไม่สะดวกไปเที่ยวนี่จริงๆ คะพอดีมีธุระสำคัญ" ฉันอ้างเหตุผลลองดู พนักงานขายตั๋วผู้หญิงมองหน้าฉันแบบไม่พอใจและไม่พูดอะไรต่อ เธอไม่ได้สนใจแล้วก็เดินหนีไปเรียกหลอกขายตั๋วให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ ฉันเดินไปหาคนขับรถเขาบอกให้ก ลับไปหาพนักงานขายตั๋วผู้หญิงคนเดิม ฉันเดินไปหาเธออีกครั้ง "ซื้อตั๋วแล้วไม่รับคืน"เธอพูดเสียงกระแทกแบบไม่พอใจใบหน้าบูดบึ้ง "ไม่รับคืนได้งัย.. รถแน่นอัดเป็นปลากระป๋องแบบนี้คุณจะยังขายตั๋วอีกหรือ ฉันพูดเสียงดังขึ้นบ้าง ท่าทางอาการเธอไม่พอใจมองฉันตาขวาง ตะโกนบอกคนขับรถให้ประกาศโทรโข่ง"ตั๋วขายแล้วไม่รับคืน" สองสามครั้ง
รู้สึกว่ามันไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย ฉันหันซ้ายแลขวามองหาใครพอจะเป็นที่พึ่งได้บ้าง เห็นยามพอดีจึงเดินเข้าไปหา... "จะขอพบหัวหน้าสถานีขนส่งได้ที่ไหนคะ" ฉันถามยาม ยามถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าดูท่าทางเขากระตือรือร้น ฉันบอกมีปัญหาเรื่องตั๋วโดยสาร.. ต้องการคืนตั๋วไม่ไปรถเที่ยวนี้เพราะรถคนเต็มยังให้ยืนอีก เขาไม่ยอมคืนเงินให้ อธิบายให้เขาฟังและพาเดินขึ้นไปบนอาคารพบเจ้าหน้าที่.. พวกเขากระตือรือร้นรับเรื่องและช่วยเหลือเป็นอย่างดี
เจ้าหน้าที่ชายสองคนพร้อมยามอีกสองคนพาฉันเดินมาที่ผู้หญิงที่กำลังขายตั๋วรถโดยสารอยู่ "ทำไมชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่" ผู้หญิงขายตั๋วคนเดิมตะโกนด่าดังๆ และชี้หน้ามาที่ฉันขณะที่กำลังเดินมากับเจ้าหน้าที่สถานีขนส่งนั้น "เขาไม่ไปก็คืนเงินให้เขาไปซิ" เจ้าหน้าที่พูดต่อ เธอโยนเงินค่าโดยสารคืนให้ฉันอย่างไร้มารยาท ฉันไม่ได้เสียดายเงินแต่การเอาเปรียบคนมันไม่ยุติธรรม ผู้โดยสารฮือฮามองมาที่ฉันเป็นตาเดียวกัน บางคนถึงกับลุกขึ้นมามุงดูกับเหตุการณ์กันมากมายฉันไม่ได้สนใจและแคร์สายตาใคร "ไม่ได้ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และไม่ได้เสียดายตังค์... แต่เอาเปรียบผู้โดยสารแบบนี้มันเกินไป" ฉันต่อว่าบ้าง ผู้โดยสารชาวบ้านตาดำๆ หลายคนยังคงนั่งรออยู่อีกมายมาย เธอยังคงบ่นด่าทอเช่นเดิม
ฉันรวบรวมสติทั้งที่ขณะนั้นทั้งใจและเนื้อตัวสั่นไปหมด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าบอกยามขอรบกวนช่วยจดทะเบียนรถให้ด้วยต่อหน้าเธอ.. ยามให้ความร่วมมือจัดการรีบจดให้ "ยังอยากที่จะวิ่งรถอยู่มั๊ยอย่าพูดมาก" เจ้าหน้าที่อีกคนช่วยขู่เธอหน้าซีดก้มลง... ไม่ตอบอะไร
เธอคงยิ่งใหญ่เหลือเกินถึงได้ตะโกนสั่งด่าคนได้มากมายเช่นนั้นและทราบจากยามและเจ้าหน้าที่ว่าเธอเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัทรถคันนั้น ฉันไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครเมื่อไม่ได้รับความยุติธรรมเราก็ต้องสู้ เจ้าหน้าที่ขนส่งพาฉันซื้อตั๋วรถโดยอีกบริษัทเพื่อเดินทางต่อ.. ทุกคนให้กำลังใจฉันบอกว่า "ดีแล้วที่ทำแบบนี้คนอื่นจะได้เอาอย่างบ้าง"
ปกติจะขับรถเอง... มันเป็นความโชคร้ายในวันนั้นแต่ก็ดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำและได้เรียนรู้บทเรียนอะไรบางอย่าง ว่าประชาชนทั่วไปยังโดนถูกเอารัดเอาเปรียบในแวดวงตรงนี้อีกมากมาย อย่าให้ชีวิตของเรามีค่าราคาต่ำเกินไป ในบางครั้งการยอมเสียเวลาดีกว่าที่จะยอมเสียเปรียบคน... ฉันขอบคุณเจ้าที่ขนส่งของจังหวัดและยาม
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ในแต่ละวัน ความเห็นแก่ตัวของรถโดยสารประจำทางผู้ประกอบการ การเอารัดเอาเปรียบ ตลอดจนความไม่มีระเบียบวินัย การแข่งขันวิ่งขวักไขว่แย่งผู้โดยสาร หวังกอบโกยผลประโยชน์โดยมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยแต่ประการใดทั้งสิ้น ใครจะเป็นผู้ดูแลควบคุมสิ่งเหล่านี้ ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปหวังพึ่งกฎหมายใดได้บ้าง? โปรดอย่าฝืนทนและมัวแต่นอนหลับทับสิทธิ์ให้คนอื่นมาเอาเปรียบ อย่ายอมตกป็นเหยื่อให้คนเหล่านี้ฉกฉวยโอกาส"โปรดเตรียมลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์กันดีกว่า"