12 กุมภาพันธ์ 2552 23:13 น.
รอยทาง
ทุกๆ ครั้งที่ขึ้นลงลิฟล์ในตึกอาคารสูงๆ ใจมักจะคิดเสมอๆ ว่า
หากวันหนึ่งที่เรากำลังอยู่ในลิฟล์ แล้วจู่ๆ ไฟฟ้าดับวูบลงจะทำอย่างไร?
ในที่สุดสิ่งที่เคยคิดเอาไว้วันนี้ก็เกิดขึ้นกับตัวเองจนได้
เดินเข้าตึกอาคารเพื่อไปเรียนหนังสือเป็นวันแรกก็โดนเสียแล้ว
พอประตูลิฟล์เปิดก็มีคนเข้าไปอยู่ในนั้นประมาณสี่คนรวมตัวเราด้วย
พอกดประตูปิดได้เท่านั้นแหละ ลิฟล์เลื่อนขึ้นไปได้นิดเดียว
ไฟฟ้าก็ดับวู๊บลง พื้นที่ลิฟล์ก็แคบ โอย ทำอย่างไรดีใจคิด
อากาศก็น้อยเริ่มหายใจไม่ออก คนข้างในเริ่มหงุดหงิด
ช่วยกันเคาะๆ ประตูเสียงดังลั่น ให้คนข้างนอกได้ยิน
เราเองก็หายใจฟื๊ด อ้าปากช่วยบ้าง ก็ได้ยินเสียงคนข้างนอก
ใช้เหล็กช่วยกันงัดแงะเปิดประตูออก โล่งใจไปทีเปิดได้
ปรากฎว่าลิฟล์ค้างอยู่ขั้นกลางตัวอาคารตึก ระหว่างชั้นบน
กับขั้นนล่างพอดี ต้องต่อบันใดมารับคนที่ติดค้างออก
พวกเราก็ต้องก้มลอดช่องเล็กๆ ออกมาที่ละคน
คนก็วิ่งมามุงดูให้กำลังใจกันเต็มกลัวว่าจะเป็นลมหมดสติ
หากเกินกว่าสิบนาทีมีหวังคงไม่รอด เกือบเอาชีวิตมาทิ้ง
ในต่างแดนไม่รู้ตัว
11 กุมภาพันธ์ 2552 02:39 น.
รอยทาง
เนื่องจากได้รับภาพจาก forward mail น้องคนนี้มา เลยนำมาเเปะให้ดูเพื่อเป็นกำลังใจคะ
หนูน้อยชาวจีน ที่ชื่อว่า Qian Hongyan คนนี้ ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ ส่งผลให้ขาทั้งสองข้างของเธอขาด ประกอบกับครอบครัวที่มีฐานะยากจนทำให้เธอมีเพียงลูกบาสเกตบอล และแปรงขัดพื้นที่พ่อแม่ของเธอทำให้เป็นอุปกรณ์ในการช่วยดำรงชีวิต
เธอใช้เวลาบนลูกบาสเกตบอลถึง 5 ปี และเปลี่ยนลูกบาสมาแล้ว 7 ลูก และได้เข้ารับการดูแลจากศูนย์พักฟื้นในกรุงปักกิ่งตอนใต้ของประเทศจีน โดยทีมแพทย์ได้ให้คำสัญญากับเธอว่าจะทำให้เธอสามารถเดินได้ภายใน 6 เดือน
และข่าวดีก็มาถึง เมื่อล่าสุดทีมแพทย์ได้สร้างขาเทียมแบบพิเศษสำหรับเธอ (จากเงินบริจาคถึง 5,600 ปอนด์) โดยจะติดขาเทียมไว้แน่นกับช่วงเอว ซึ่งช่วยให้เธอเดินและดำรงชีวิตได้อย่างปกติมากที่สุด เธอสามารถเดินไปมาระหว่างบ้าน และโรงเรียนได้สะดวกมากขึ้น
4 กุมภาพันธ์ 2552 00:33 น.
รอยทาง
แจ็ค ......... เด็กชายหน้าตาหล่อผิวดำคมเข้มผมหยิกหย๋องลูกครึ่งนิโกร หนึ่งในนักเรียนประจำชั้น ม1-3/9 แจ็คเป็นคนที่น่าสงสารเพราะผิวของเขา ทำให้เพื่อนๆ ในห้องไม่อยากเข้าใกล้เป็นมิตรพูดคุยด้วย มักจะถูกล้อเลียนว่า "ไอ้ลูกนิโกร"เพือนบางคนก็จะช่วยออกตัวว่าไม่ใช่แจ็คเขาเป็นฝรั่ง แจ็คมักจะถูกปิดโอกาสจากเพื่อนๆ แม้แต่อาจารย์บางท่าน ถ้าแจ็คทำอะไรผิดขึ้นมาอย่างหนึ่งอย่างใด แม้จะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนักก็มักจะโดนถูกลงโทษใส่ความอยู่บ่อยๆ แจ็คไม่กล้ามีปากมีเสียงเถียงเพื่อป้องกันตัวเองมีเเต่จะยอมทุกๆ เรื่อง แจ็คกลายเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และมักจะโดนถูกกลั่นแกล้ง ทำกิจกรรมอะไรก็ไม่มีใครอยากให้เข้าร่วมกลุ่มด้วยเก็บกดและกลัวเพื่อนผู้ชาย แม้แต่เพื่อนผู้หญิงบางคนบางกลุ่มด้วย มักจะเห็นแจ็คร้องให้เป็นประจำเพราะโดนเพื่อนๆ เอากระเป๋าหนังสือไปแอบซ่อนบ้าง
เทพทินกร เด็กผู้ชายผิวขาวหน้าตาดีรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร รักสวยรักงามเกินความเป็นชาย ใครๆ ก็มักจะพูดว่าเธอหน้าตาสะสวยเหมือนนางเอกภาพยนต์อย่างเช่น "จารุณี สุขสวัสดิ์" เทพทินกร ชอบการแสดงออกไม่ว่าจะเต้นรำ หรือการแสดงต่างๆ ของโรงเรียน งานกีฬาสีจึงมักจะเห็นเขาเป็นเชียร์ลีดเดอร์แต่งตัวเป็นผู้หญิงใส่วิคผมยาว นุ่งกระโปรงสั้นๆ เต้นโยกย้ายส่ายสะโพกสะบัดสุดแรงเหวี่ยง กระปงกระโปรงเปิดวั๊บๆ แวมๆ เป็นที่สนอกสนใจของคนดู เป็นอีกคนที่มักจะถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนผู้ชายเช่นเดียวกัน เธอจะร้องเสียงดังวี๊ดวาดกระตู้ฮู้ตกใจ พวกผู้ชายก็จะหัวเราะและมักจะถูกเรียกล้อด่าทอเป็นประจำว่า "อีกระเทย" เพื่อนบางคนก็จะช่วยออกตัวเช่นเคยว่าเขาไม่ใช่เขาเป็นผู้ชายลองให้เขาแต่งงานมีลูกดูซิ ทั้งสองคนไม่กล้าเข้าใกล้ร่วมกลุ่มกับผู้ชายนัก จึงอยู่แต่กับเพื่อนผู้หญิงเสียส่วนใหญ่
ยามทำกิจกรรมแบ่งกลุ่มต่างๆ แจ็คมักจะเป็นคนสุดท้ายที่เพื่อนๆ ไม่อยากให้อยู่ด้วย คนที่จะต้องรับภาระให้แจ็คเข้ากลุ่มด้วยคงหนีไม่พ้นหัวหน้าห้องอย่างฉัน ส่วนเทพทินกรไม่ค่อยมีปัญหากับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆ ฉันมักจะแบ่งงานหน้าที่ให้แจ็คช่วยรับผิดชอบ ให้ลอกการบ้านบ้างยามจำเป็น งานไม่เสร็จเพื่อนๆ ส่งการบ้านไม่ครบ คนที่จะรับผิดชอบและถูกลงโทษก็คงหนีไม่พ้นหัวหน้าห้องอีกเช่นเคย แจ็คค่อนข้างที่จะติดฉันบางครั้งก็โดนถูกล้อว่าแจ็คชอบฉัน ไปไหนก็จะไปด้วยในกลุ่มเหมือนมีคนคอยปกป้องเขา และจะเรียกฉันว่า "พี่" คำนำหน้าชื่อเสมอแทนที่จะเรียกชื่อหรือคำว่า "หัวหน้า" เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ในห้อง
หลังเรียนจบมัธยมต้น พวกเราต่างแยกย้ายไปเรียนต่อมัธยมปลายที่อื่น เทพทินกรกับแจ็คแยกย้ายไปเรียนต่อคนละโรงเรียน บางคนเรียนที่เดิมส่วนฉันได้โควต้าพิเศษเข้าเรียนวิทยาลัยแห่งหนึ่งประจำจังหวัด หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งฉันเรียนจบปริญญาตรีทำงานเดินทางไปยังที่ต่างๆ อยู่หลายปี
ได้ข่าวจากเพื่อนๆ บางคนว่าตอนนี้เทพทินกรเริ่มโด่งดังเป็นนักแสดงอยู่กับคณะตลกที่มีชื่อเสียงคณะหนึ่งของเมืองไทย ต่อมาไม่นานฉันก็เห็นเขาในหน้าจอทีวีโทรทัศน์เกือบทุกช่องทุกรายการ แสดงละครหลายเรื่อง แม้ปัจจุบันเราจะยังไม่เคยได้พบเจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบมัธยมต้นแต่เชื่อมั่นว่าเทพทินกรจะจำหัวหน้าห้อง ม. 1-3/9 ได้ ฉันรู้สึกภูมิใจกับเพื่อนด้วยที่เดินตามฝันจนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงจนคนรู้จักทั้งประเทศ ขอสงวนสิทธิ์ชื่อนามสกุลจริง เพื่อเกียรติของเพื่อน
นานๆ ครั้งจะได้กลับไปเยี่ยมจังหวัดบ้านเกิด เห็นผู้ชายผิวดำผมหยิกแต่งตัวเสื้อผ้าสกปรกมอมแมมท่าทางสติไม่ค่อยปกติ เดินเท้าเปล่าไม่สวมร้องเท้า ใจฉันคิดในใจต้องเป็นแจ็คแน่นอนเลยไม่มีใครนอกจากเขา พยายามตามดูและเดินไปใกล้ๆ บริเวณที่เขาอยู่ออกตัวไปซื้อของใช้ แจ็คเห็นฉันมีอาการตกใจแล้วรีบเดินหลบหน้าหนี ฉันเรียกชื่อ "แจ็ค" เสียงดัง แจ็คหยุดชะงักแล้วหันมาหายืนตัวตรงสุภาพเรียบร้อยเหมือนเมื่อครั้งที่เขายังเป็นนักเรียน "ใช่แจ็ค ....... มั๊ย" ฉันถาม "ใช่ครับพี่ ."
แจ็คตอบเสียงสุภาพและเรียกฉันว่าพี่ตามด้วยชื่อจริงอย่างแม่นยำชัดเจน แล้วรีบเดินหนีจากไปโดยเร็วไม่มีโอกาสได้พูดคุยถามข่าวคราวอะไรเลย แจ็คอายฉันหรือเขากลัวว่าฉันจะอายที่ยืนคุยกับคนบ้าเสียสติอย่างเขาต่อสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็ยากที่จะเดา แม้ระยะเวลาอันยาวนานหลายปีในวันนั้นแจ็คยังจำฉันได้ ฉันเห็นสภาพของแจ็คก็อดน้ำตาซึมเศร้าสะเทือนใจไม่หาย ทำไมเพื่อนถึงได้มีสภาพเป็นเช่นนี้ ท่าทางเขาเหมือนคนโดนถูกทำร้ายจนสมองสติผิดไปจากเดิม เดินไปทั่วเหมือนคนจรจัดไร้ที่พักพิง เนื้อตัวมอมแมม โดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของแจ็คจะเป็นเช่นไรต่อไป
*****************************
30 มกราคม 2552 15:14 น.
รอยทาง
ยามที่คุณต้องก้าวเดินฝ่าพายุ
จงเชิดหน้าของคุณเอาไว้
และอย่าได้เกรงกลัวความมืดมิด
ที่ตรงสุดขอบพายุ
ท้องฟ้าจะมีสีทองผ่องอำไพ
และนกสีเหลืองตัวน้อย
ส่งเสียงร้องไพเราะจับใจ
จงเดินฝ่าสายลมต่อไป
จงเดินฝ่าสายฝนต่อไป
จงดำรงความฝันเอาไว้ให้ได้
จงก้าวเดินต่อไป
ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมหัวใจ
และคุณก็จะไม่มีวันเดินอย่างเดียวดาย
23 มกราคม 2552 19:14 น.
รอยทาง
อากาศร้อนอบอ้าว เท้าที่ก้าวเดินด้วยความรีบเร่งผ่านตรอกซอกซอยเป็นระยะ เหงื่อเริ่มไหลซึมเพราะความร้อนระอุแทบแผดเผาในช่วงฤดูซัมเมอร์นี้
มูร้าทและเอดานุ๊ซ สองพี่น้องชายหญิงชาว turkish ที่นั่งอยู่มุมหนึ่งปากซอยตรงประตูหน้าบ้านของพวกเขา กำลังนั่งร้อยลูกปัดออกมาวางขายซึ่งดูแล้วมีไม่กี่ชิ้น ทั้งคู่หันมามองฉันด้วยความสนอกสนใจหรือประหลาดใจ คงคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติคนหนึ่งในสายตาที่พบ เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาผิวพรรณความเป็นเอเชียที่ไม่ค่อยมีมาเดินให้ได้เห็นบ่อยนัก เหมือนกับฝรั่งหัวแดงทั่วไปที่เคยคุ้นตา สายตาและความสนใจทำให้ต้องหันมองตอบยิ้มให้แล้วหวนเดินกลับมาหา พวกเขามองยิ้มตอบรับความรู้สึก ดูตื่นเต้นต่างลุกขึ้นยืน "แมร์ฮาบา" นั่นคือคำทักทาย "สวัสดี" แก่ผู้มาเยือน ฉันทักทายตอบกลับเป็นภาษาเดียวกัน
"บุ๋ยหรุน" ทั้งสองคนกล่าวเชิญชวนเพื่อเลือกชมสินค้าที่วางขายอยู่ สองพี่น้องพยายามอธิบายพูดจายิ้มแย้มแจ่มใสไม่มีเขินอาย ฉันพยายามทำความเข้าใจกับเสียงใสๆ เพื่อชักจูงให้ตัดสินใจซื้อสิ้นค้าเหล่านั้น แต่ละชิ้นทำเป็นเครื่องประดับ สร้อยคอ ต่างหู กำไล และอื่นๆ
ฉันหยิบต่างหูขึ้นมา "คูเป๊ะ" มูร้าทหนุ่มน้อยบอก เปลี่ยนไปจับที่รัดผม "โทก๊ะ" เอดานุ๊ชสาวน้อยหน้าหวานพูด ฉันคิดในใจทำให้ได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆ จากพวกเขา พร้อมหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาจดบันทึกและถามต่อ
สินค้าแต่ละชิ้นดูแล้วไม่ได้มีความละเอียดละออในฝีมือนักตามประสาเด็กทำ ทั้งสองชำเรืองแอบมองฉัน "ชิน จาโป้น" นั่นเป็นคำถามที่พยายามถามว่ามาจากที่ไหน "ชิน" เป็นคนจีนหรือ "จาโป้น" เป็นคนญี่ปุ่นหรือ ฉันบอกว่าเป็น "คนไทย"เขาทำเสียง "โอ่ออออ โฮ้ฮฮฮฮ"
ปากยื่นลากเสียงยาวออกมา ทำตาโต๊โต ด้วยความตื่นเต้นดีใจเหมือนได้พบสิ่งแปลกใหม่
เลือกดูสินค้าเเต่ละชิ้นฉันจึงถาม "ไม่ไปโรงเรียนกันหรือ"
เป็นภาษาเติร์กกรี๊ชเเบบพอเข้าใจ เพราะเห็นว่าเป็นวันธรรมดาปกติ พวกเขาบอกเป็นช่วงปิดภาคเรียนเลยมานั่งร้อยสร้อยคอกำไลขายจากลูกปัดยามว่างให้กับนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา ฉันรู้สึกเอ็นดูชื่นชมถึงความตั้งอกตั้งใจของพวกเขาที่ไม่ปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ เด็กตัวแค่นี้ยังรู้จักคิด รู้จักทำ สินค้านั้นไม่ใช่จุดสนใจอะไรนักแต่เพราะความน่ารักมิตรไมตรีและมีบางสิ่งที่น่าสนใจตรงนี้ ทำให้อยากเป็นเพื่อนพูดคุย ดูพวกเขาก็สนุกกับการที่ได้พบเพื่อนใหม่ ฉันเองก็ได้หยุดพักคลายร้อน
มูร้าทและเอดานุ๊ชพยายามโฆษณาสินค้าต่อ ทำมือท่าทางประกอบการพูด หยิบชิ้นนั้นชิ้นนี้ให้ทดลอง ทั้งหมดทำกันเองบ่งบอกความภาคภูมิใจในฝีมือ บอกราคาแต่ละชิ้น นำวัสดุอะไรเป็นส่วนประกอบในการทำ ฉันยืนดูและอดยิ้มภูมิใจแทนไม่ได้ถึงความไร้เดียงสาและกิริยา อธิบายจนจบโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้เรื่องหรือไม่ ซึ่งฉันเองก็อยากจะรู้ดูถึงความตั้งใจว่าเขาจะพูดอะไรต่อ