29 มิถุนายน 2549 19:04 น.
รวี นิชา
เพราะรักเพียงเพราะอยากได้เป็น ผู้รับ
(รักแท้-ไม่มีข้อแม้)
ความรัก
สอนให้คนเรารู้จักกับการเป็น ผู้ให้ ทั้งให้อะไรหลาย ๆ อย่าง
เช่น ให้อภัย ให้ความเข้าใจ ให้กำลังใจที่จะสร้างความหวัง ให้สิ่งดีดี
ให้ทุกสิ่งที่จะทำให้คนที่ตัวเองรักมีความสุข ให้......
....
แต่เราก็มักจะลืมนึกไปว่าในฐานะของการให้ (โดยความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริงแล้ว)
มันก็ไม่น่าจะมีข้อแม้ว่าถ้าเราให้อะไรใครไป เรา (ควรจะ) ต้องได้อะไรกลับคืนมาบ้าง
เพราะถ้ามันเป็นเช่นนั้น จะคาดหวังให้ความรักของตัวเองยิ่งใหญ่
หรือบริสุทธิ์งดงามเหมือนอย่างที่คิดคงเป็นไปไม่ได้หรอก
อย่างดี.. มันก็เป็นได้เพียงแค่การซื้อขายแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่ไม่มีเงินทอนเท่านั้น
มีผู้ชายคนหนึ่งเคยตั้งคำถามกับฉันว่า
ในหนึ่งชีวิตนี้ ฉันรักเขามากแค่ไหน
เท่ามหาสมุทร เท่าผืนฟ้า เท่าจักรวาล หรือเท่ากับที่ฉันรักตัวฉันเอง
ฉันก็รักเขาเท่า ๆ กับที่เขารักฉันนั่นแหละ ฉันตอบ
ผู้ชายคนนั้นยักไหล่ก่อนส่งยิ้มอุ่น คงจะนึกปลาบปลื้มใจอยู่ในที
หากทว่าความหมายโดยนัยในหัวใจของคนที่เฝ้าโหยหาแต่ความเสมอภาค
และปราศจากความเชื่อมั่นกับคำว่า รักแท้ อย่างฉัน ได้แต่บอกตัวเองว่า
เพราะวันนี้เขารักฉัน ฉันจึงรักเขา แต่ถ้าหากวันพรุ่งนี้ไม่ใช่..
เขาไม่ได้รักฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันก็จะไม่มีความรักให้เขาเช่นกัน
มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ถ้าจะให้ฉันต้องงมงายหรือทุ่มเทใจให้ใครฝ่ายเดียว
ฉันไม่ แฟร์ ขนาดนั้น
บนโลกที่เต็มไปด้วยความสุขฉาบฉวยจอมปลอม
ค่านิยมที่ยึดติดอยู่กับวัตถุหรือความเชื่อผิด ๆ ถูก ๆ ที่มีต่ออะไรหลายสิ่งหลายอย่าง
อันมักมีอิทธิพลให้เกิดปฏิกิริยาทางความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่แรงกระตุ้นที่เกิดจากรูป รส กลิ่น เสียง ทำให้คนเราส่วนใหญ่
มักจะเอาอะไรแน่นอนกับตัวเองไม่ได้
ยิ่งสิ่งที่อธิบายยากและดูเป็นเรื่องของนามธรรมล้วน ๆ
เช่น ความรู้สึก ความผูกพัน คำมั่นสัญญา คำสาบาน
รวมไปถึง ค ว า ม รั ก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่ค่อยนึกอยากจะเชื่อถือหรืองมงายกับคำว่า รัก
ของใครมากมายนัก จนบางครั้งก็ดูเหมือนว่าฉันสร้างกำแพงแห่งกฎเกณฑ์ร้อยแปด
ขึ้นมาปกป้องตัวเองเอาไว้ ด้วยหวังว่าจะรักษาหัวใจให้ไม่ต้องเจอกับอะไร
ที่จะมาทำให้มันบอบช้ำจนเล่าให้เธอฟังไม่จบ
หากแต่เมื่อการไม่เชื่อ แปรเปลี่ยนเป็นการต้องพิสูจน์
จนเผลอคาดหวังว่าตัวเองจะต้องได้รับสิ่งนั้นสิ่งนี้จากใคร
มันก็ทำให้ฉันต้องเอื้อมมือคว้าลม จากคนที่คิดว่า น่าจะใช่
(แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่) อยู่เรื่อย
20 มิถุนายน 2549 18:34 น.
รวี นิชา
ซ่อนเอ๋ยซ่อนหา
กี่ทิวาราตรีที่ผันผ่าน
จึ่งจักพบความจริงนิ่งและนาน
ซึ่งจักไม่ถูกกาลผลาญทำลาย
หาอะไรพบอะไรในชีวิต
ถูกหรือผิดจริงหรือหลอกบอกความหมาย
แท้ทุกสิ่งล้วนสมมติดุจนิยาย
ดูคลับคล้ายความจริงทุกสิ่งเอยฯ (พิบูลศักดิ์ ละครพล)
ฉันก้าวผ่านคืนวันแห่งการเปลี่ยนแปลงมานานนัก นานจนแทบจะชาชิน..
ชินชากับการเฝ้ามองภาพเดิมเดิม ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
* คนเราบางทีก็ดูกันได้ง่าย หัวใจไม่ได้อยู่ตรงทรวงอกเสมอไป
บางทีก็อยู่ตรงรอยยิ้ม ดวงหน้า และแววตาที่สดใส *
แต่กับอีกบางที..
หั ว ใ จ ก็อยู่ลึกลงไปข้างใน เกินกว่าใครจะมองเห็น ว่าแท้จริงแล้ว..
เ ป็ น เ ช่ น ไ ร..
นึกย้อนกลับไป...
ในวันที่พาตัวเองเข้าไปชิดใกล้ใครสักคน หรืออะไรสักอย่าง เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองยังมีค่า
หลอกตัวเองว่า ไม่ได้ โ ด ด เ ดี่ ย ว และ ว่ า ง เ ป ล่ า เกินไป ในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้
แ ค่ พื้ น ที่ เ พี ย ง น้ อ ย.. ที่พอจะโอบอุ้มหัวใจให้อบอุ่น..
แ ค่ รั ก ล ะ มุ น ที่เติมดวงใจให้อิ่มเต็ม
แต่สุดท้าย..
เหล่านั้น.. ได้ย้อนกลับมาทำลายความยโส ที่ฉันเคยมีในตัวตนจนหมดสิ้น
วันนี้..
ฉันจึงชังตัวเองเกินไป เกินกว่าจะมาวิ่งไล่ความรู้สึกของตัวเอง
หรือเล่นซ่อนหากับความรู้สึกใครได้อีก..
ฉันเฝ้ามองท้องฟ้าไกลลิบ
ผ่านหน้าต่างแห่งความเปลี่ยวเหงา
เห็นเพียงสีเขียวคล้ำของขอบฟ้า
กับความปรารถนาอันห่างไกล
ฉันหมกมุ่นและครุ่นคิด
แต่ไม่อาจระบายสิ่งที่อัดแน่นเต็มอก
อ้างว้าง.. เหว่ว้า...
น้ำตาแห่งความโง่เขลา.. หลั่งริน
มายาของขอบฟ้า ลวงตาให้มองเห็นภาพอันสวยงามได้อย่างน่าอัศจรรย์เสมอ ๆ
แต่เพียงชั่วครู่.. ก็เลือนหายไปอย่างโหดร้าย ไม่เหลือสิ่งใดให้เราได้สัมผัส..
โอบกอดได้.. ก็เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น...
เมื่อทุกสิ่งล้วนคือ ม า ย า...
น้ำ ต า.. จึงยั่งยืน