10 มีนาคม 2552 16:46 น.
รวี นิชา
" แล้วจะแวะมาเยี่ยม "
" .............."
" อย่าเป็นแบบนี้สิ คุณทำให้ผมใจหาย "
" .............."
" ไม่ได้ไปไหนไกลนี่นา แล้วจะโทรมาคุยด้วยบ่อย ๆ "
" .............."
" เอ้า.. ร้องใหญ่เลย.. "
ฉันมองหน้าเขา แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
ทั้งที่ดวงตาพร่าพราย.. เต็มไปด้วยสายน้ำตา
" ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจชีวิต...
ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้กฎของการเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น "
แค่รู้สึก... (ฉันกลั้นสะอื้น...)
...
ใช่.. แค่รู้สึก.. เศร้า..
เหมือนกับว่า ที่สุดแล้ว.. ฉันไม่เหลือใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้าง
คนที่เข้าใจและยอมรับในตัวตน ในสิ่งที่ฉันเป็น..
คนเข้าใจยาก เงื่อนไขเยอะในทุกความสัมพันธ์
อ่อนไหวในรายละเอียด... และช่างคิดเล็กคิดน้อยอย่างฉัน
น้อยคนนักที่จะเข้าใจ และยอมรับได้
แต่ก็ยังบังเอิญมี..
ผู้ชายที่ชอบใช้สมองซีกซ้ายอันชาญฉลาด อุดมไปด้วยเหตุด้วยผล..
กับผู้หญิงที่ใช้แต่สมองซีกขวาเป็นหลักในการดำรงชีวิตอย่างฉัน
ระหว่างเราแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย...
ฉันรู้..
หลายครั้งเรารู้สึกเหนื่อยหนักกับความขัดแย้งทางความคิด
กับการกระทำที่ไม่ตรงใจ ซึ่งบางครั้งก็รุนแรงจนแทบจะทนกันไม่ได้..
แต่สุดท้าย.. เราก็ยังคงไม่ไปไหน
กว่าสิบปีเชียวนะ.. ที่เรารู้จักกัน
แม้บางช่วงเวลา เราอาจห่างหายกันไปบ้างตามธรรมชาติวิถี
แต่ที่สุดแล้ว.. เราก็ยังกลับมาเป็นเพื่อน
เป็นมิตรภาพ เป็นกำลังใจให้กันและกันจนถึงทุกวันนี้
ฉันเคยนึกขอบคุณฟ้า..
ที่เมตตาต่อชีวิตอันไร้หวังของฉัน
ขอบคุณ.. ที่มอบใครบางคนมาให้ฉันได้ "รัก"
ขอบคุณที่มอบความรู้สึกพิเศษกับช่วงเวลาอันแสนงดงามไว้ให้
ซึ่งเหล่านี้..
ทำให้ฉันมีกำลังใจ มีพลังต่อสู้กับเรื่องร้าย ๆ ที่ผ่านเข้ามา
อย่างไม่รู้สึกเดียวดาย...
เพียงแต่อีกไม่นาน...
สิ่งเหล่านั้น.. กำลังจะผ่านไป...
สิ่งที่สวยงามของชีวิตฉันกำลังจะจากไป...
ช่วงเวลาแห่งการร่ำลาต่อจากนี้.. ช่างน่าใจหายเสียจริง
ฉันไม่รู้ว่าเขาจะจำคำที่ฉันเคยบอกได้มั้ย..
แต่วันนี้.. ฉันอยากบอกเขาอีกสักครั้ง
"คุณเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ฉันรัก" " ไม่รู้ว่าชีวิตนี้มันสั้นยาวแค่ไหน..
แต่กับทุกวันที่ยังอยู่.. ฉันอยากบอกคุณอย่างนี้ทุกวัน"
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๒
เมื่อวันจากลาใกล้มาถึง..
10 สิงหาคม 2549 20:25 น.
รวี นิชา
ถ้าระยะทางที่ห่างกัน ทำให้ใกล้ชิดความเป็นคุณมากขึ้น..
พ รุ่ ง นี้... จะออกเดินทาง
แม้ไม่รู้ว่า...
ต้องพาตัวเองเดินทางไกลอีกสักเท่าไหร่.. จึงจะสัมผัสได้ถึงความชิดใกล้นั้น
หรืออาจเป็นไปได้ว่า.. ยิ่งเดินห่างจากคุณไปมากเท่าไหร่
ก็จะทำให้ห่างไกลคุณไปมากเท่านั้น
แต่อย่างน้อย.. การได้ออกไปยืนมองคุณอยู่ห่าง ๆ ด้วยความรัก
คิดถึงคุณไกล ๆ ด้วยความรู้สึก อาจทำให้หัวใจสุขกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้..
ย้อนความรู้สึกกลับไปในวันก่อน...
วันที่หัวใจเริ่มรู้สึก อ่ อ น โ ย น กับคุณ...
ไ ม่ เ ค ย มี ป ร า ร ถ น า ใ ด .. แอบซ่อนอยู่ในรู้สึกนั้น
เพียงได้คิดถึงคุณ.. พูดคุยกับคุณผ่านความคิดถึง หัวใจก็สุขนัก
แล้วไยวันนี้..
วันที่มีโอกาสได้สัมผัสและชิดใกล้ในความเป็นคุณ หัวใจกลับมีแต่ความว้าวุ่น แปลบปร่า..
หัวเราะก็เพราะคุณ.. ยิ้มได้ก็เพราะคุณ โศกก็เพราะคุณ ร้องไห้... ก็เพราะคุณ
สุดท้าย.. ต้องกลายเป็นคน ห ล อ ก ล ว ง.. ก็เพราะคุณ...
เพราะ ไ ม่ เ ค ย มี ค รั้ ง ไ ห น.. ที่จะกล้ายอมรับกับคุณ..
ว่าความอ่อนแอที่เข้ามาทับถมให้ต้องจมน้ำตาอยู่เสมอ ๆ
นั่น.. ก็เพราะคุณ ...
.. คุณนึกชิงชังมันบ้างไหม...
หั ว ใ จ ดวงที่คิดไม่ซื่อต่อคุณ..
.....
ใ จ ห า ย ...
แค่นึกถึงว่า.. ต่อไป.. ไ ม่ มี คุ ณ .. หัวใจก็แทบขาด เหมือนหมดแรง หมดใจ..
ที่ยังพอมี.. ก็เหลือติดอกอยู่เพียงน้อยนิด อึดอัด หายใจไม่ออก...
ท ร ม า น..
ทุกครั้งที่ขังตัวเองอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ ก็ได้แต่นึกทอดถอน... คนเราพบกันทำไมนะ..
* บางทีก็ไม่รู้ว่า ทำไมคนเราต้องเกิดมาพบกัน.. พบกันแล้วได้อะไร..
ถ้าไม่ สุ ข ใ จ ก็ เ สี ย ใ จ... ไม่มีอะไรที่ได้มากกว่านี้.. .. เหมือนการได้พบคุณ ...
สุ ข ใ จ เพราะได้พบคุณ.. เ สี ย ใ จ เพราะได้ แ ค่ พ บ คุ ณ เท่านั้น *
(หนังสือเล่มนั้น)
แต่คุณเคยบอก...
การที่เราได้รู้จักใครสักคน แล้วพบกับความรู้สึกดีดีระหว่างกัน
ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีอะไรให้ควรต้องเสียใจ..
จึงไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหนไหน หัวใจจะบอกกับตัวเองอย่างมั่นใจว่า..
การได้พบคุณ.. คือส่วนหนึ่งที่สวยงามที่สุดของชีวิต..
แม้คุณจะบอกว่า การที่คุณได้พบคนอื่น ๆ ถือเป็นวาสนา..
แต่การที่ เรา ได้มีโอกาสรู้จักกัน คุณกลับเรียกมันว่า ช ะ ต า ก ร ร ม..
(เขียนถึงตรงนี้.. หัวใจก็พอมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง)
...
.. ใจหาย ..
คงเสียดายอุ่นหวานของวานนี้
นั่น.. รอยยิ้มของคืนวันอันแสนดี
จะทอดทิ้งก็พิรี้พิไรครวญ
.. หนึ่งใจขมปร่า ..
อยากจะลาลาลับไม่กลับหวน
อีกใจซึ้งถ้อยฝันพารัญจวน
มันปั่นป่วนวุ่นว้าในอารมณ์
...
โลกคงไม่น่าอยู่เอาเสียเลย หากตื่นลืมตาขึ้นมาในวันพรุ่งนี้
แล้วพบว่าไม่มีคุณอยู่ในชีวิต..
แต่.. ไม่เป็นไร...
..ไม่เป็นไร ..
..คนดี..
29 มิถุนายน 2549 19:04 น.
รวี นิชา
เพราะรักเพียงเพราะอยากได้เป็น ผู้รับ
(รักแท้-ไม่มีข้อแม้)
ความรัก
สอนให้คนเรารู้จักกับการเป็น ผู้ให้ ทั้งให้อะไรหลาย ๆ อย่าง
เช่น ให้อภัย ให้ความเข้าใจ ให้กำลังใจที่จะสร้างความหวัง ให้สิ่งดีดี
ให้ทุกสิ่งที่จะทำให้คนที่ตัวเองรักมีความสุข ให้......
....
แต่เราก็มักจะลืมนึกไปว่าในฐานะของการให้ (โดยความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริงแล้ว)
มันก็ไม่น่าจะมีข้อแม้ว่าถ้าเราให้อะไรใครไป เรา (ควรจะ) ต้องได้อะไรกลับคืนมาบ้าง
เพราะถ้ามันเป็นเช่นนั้น จะคาดหวังให้ความรักของตัวเองยิ่งใหญ่
หรือบริสุทธิ์งดงามเหมือนอย่างที่คิดคงเป็นไปไม่ได้หรอก
อย่างดี.. มันก็เป็นได้เพียงแค่การซื้อขายแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่ไม่มีเงินทอนเท่านั้น
มีผู้ชายคนหนึ่งเคยตั้งคำถามกับฉันว่า
ในหนึ่งชีวิตนี้ ฉันรักเขามากแค่ไหน
เท่ามหาสมุทร เท่าผืนฟ้า เท่าจักรวาล หรือเท่ากับที่ฉันรักตัวฉันเอง
ฉันก็รักเขาเท่า ๆ กับที่เขารักฉันนั่นแหละ ฉันตอบ
ผู้ชายคนนั้นยักไหล่ก่อนส่งยิ้มอุ่น คงจะนึกปลาบปลื้มใจอยู่ในที
หากทว่าความหมายโดยนัยในหัวใจของคนที่เฝ้าโหยหาแต่ความเสมอภาค
และปราศจากความเชื่อมั่นกับคำว่า รักแท้ อย่างฉัน ได้แต่บอกตัวเองว่า
เพราะวันนี้เขารักฉัน ฉันจึงรักเขา แต่ถ้าหากวันพรุ่งนี้ไม่ใช่..
เขาไม่ได้รักฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันก็จะไม่มีความรักให้เขาเช่นกัน
มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ถ้าจะให้ฉันต้องงมงายหรือทุ่มเทใจให้ใครฝ่ายเดียว
ฉันไม่ แฟร์ ขนาดนั้น
บนโลกที่เต็มไปด้วยความสุขฉาบฉวยจอมปลอม
ค่านิยมที่ยึดติดอยู่กับวัตถุหรือความเชื่อผิด ๆ ถูก ๆ ที่มีต่ออะไรหลายสิ่งหลายอย่าง
อันมักมีอิทธิพลให้เกิดปฏิกิริยาทางความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่แรงกระตุ้นที่เกิดจากรูป รส กลิ่น เสียง ทำให้คนเราส่วนใหญ่
มักจะเอาอะไรแน่นอนกับตัวเองไม่ได้
ยิ่งสิ่งที่อธิบายยากและดูเป็นเรื่องของนามธรรมล้วน ๆ
เช่น ความรู้สึก ความผูกพัน คำมั่นสัญญา คำสาบาน
รวมไปถึง ค ว า ม รั ก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่ค่อยนึกอยากจะเชื่อถือหรืองมงายกับคำว่า รัก
ของใครมากมายนัก จนบางครั้งก็ดูเหมือนว่าฉันสร้างกำแพงแห่งกฎเกณฑ์ร้อยแปด
ขึ้นมาปกป้องตัวเองเอาไว้ ด้วยหวังว่าจะรักษาหัวใจให้ไม่ต้องเจอกับอะไร
ที่จะมาทำให้มันบอบช้ำจนเล่าให้เธอฟังไม่จบ
หากแต่เมื่อการไม่เชื่อ แปรเปลี่ยนเป็นการต้องพิสูจน์
จนเผลอคาดหวังว่าตัวเองจะต้องได้รับสิ่งนั้นสิ่งนี้จากใคร
มันก็ทำให้ฉันต้องเอื้อมมือคว้าลม จากคนที่คิดว่า น่าจะใช่
(แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่) อยู่เรื่อย
20 มิถุนายน 2549 18:34 น.
รวี นิชา
ซ่อนเอ๋ยซ่อนหา
กี่ทิวาราตรีที่ผันผ่าน
จึ่งจักพบความจริงนิ่งและนาน
ซึ่งจักไม่ถูกกาลผลาญทำลาย
หาอะไรพบอะไรในชีวิต
ถูกหรือผิดจริงหรือหลอกบอกความหมาย
แท้ทุกสิ่งล้วนสมมติดุจนิยาย
ดูคลับคล้ายความจริงทุกสิ่งเอยฯ (พิบูลศักดิ์ ละครพล)
ฉันก้าวผ่านคืนวันแห่งการเปลี่ยนแปลงมานานนัก นานจนแทบจะชาชิน..
ชินชากับการเฝ้ามองภาพเดิมเดิม ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
* คนเราบางทีก็ดูกันได้ง่าย หัวใจไม่ได้อยู่ตรงทรวงอกเสมอไป
บางทีก็อยู่ตรงรอยยิ้ม ดวงหน้า และแววตาที่สดใส *
แต่กับอีกบางที..
หั ว ใ จ ก็อยู่ลึกลงไปข้างใน เกินกว่าใครจะมองเห็น ว่าแท้จริงแล้ว..
เ ป็ น เ ช่ น ไ ร..
นึกย้อนกลับไป...
ในวันที่พาตัวเองเข้าไปชิดใกล้ใครสักคน หรืออะไรสักอย่าง เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองยังมีค่า
หลอกตัวเองว่า ไม่ได้ โ ด ด เ ดี่ ย ว และ ว่ า ง เ ป ล่ า เกินไป ในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้
แ ค่ พื้ น ที่ เ พี ย ง น้ อ ย.. ที่พอจะโอบอุ้มหัวใจให้อบอุ่น..
แ ค่ รั ก ล ะ มุ น ที่เติมดวงใจให้อิ่มเต็ม
แต่สุดท้าย..
เหล่านั้น.. ได้ย้อนกลับมาทำลายความยโส ที่ฉันเคยมีในตัวตนจนหมดสิ้น
วันนี้..
ฉันจึงชังตัวเองเกินไป เกินกว่าจะมาวิ่งไล่ความรู้สึกของตัวเอง
หรือเล่นซ่อนหากับความรู้สึกใครได้อีก..
ฉันเฝ้ามองท้องฟ้าไกลลิบ
ผ่านหน้าต่างแห่งความเปลี่ยวเหงา
เห็นเพียงสีเขียวคล้ำของขอบฟ้า
กับความปรารถนาอันห่างไกล
ฉันหมกมุ่นและครุ่นคิด
แต่ไม่อาจระบายสิ่งที่อัดแน่นเต็มอก
อ้างว้าง.. เหว่ว้า...
น้ำตาแห่งความโง่เขลา.. หลั่งริน
มายาของขอบฟ้า ลวงตาให้มองเห็นภาพอันสวยงามได้อย่างน่าอัศจรรย์เสมอ ๆ
แต่เพียงชั่วครู่.. ก็เลือนหายไปอย่างโหดร้าย ไม่เหลือสิ่งใดให้เราได้สัมผัส..
โอบกอดได้.. ก็เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น...
เมื่อทุกสิ่งล้วนคือ ม า ย า...
น้ำ ต า.. จึงยั่งยืน
25 พฤษภาคม 2549 16:42 น.
รวี นิชา
คุณคนดี...
คุณว่า.. คุณสุขใจ
ที่แม้กายธรรมชาติเราไม่อาจสัมผัสกัน
แหละแววตาก็ไม่อาจประสานได้ดั่งรักอื่นหมื่นพันล้านดวงใจ
แต่คุณก็สุขใจ..
ที่ส่วนสัมผัสเราได้โอบกอดกันอย่างบริสุทธิ์และยุติในทุกความยึดมั่นเสมอเสมอ..
ไม่ต่างกันเลยคนดี.. กับรู้สึกที่มีของหัวใจอีกดวง....
คุณคนดี..
แต่กลัวเหลือเกินว่าความสวยงามเหล่านี้ จะมีได้ในโลกแห่งฝันเท่านั้น
ค ว า ม ฝั น อั น ห อ ม ห ว า น ฤ ดี ก า ล แ ห่ ง ค ว า ม สุ ข
กลัวว่าเมื่อใดก็ตามที่เราก้าวผ่านล่วงล้ำเข้ามาในโลกแห่งความเป็นจริง...
ความงดงามเหล่านั้น.. จักแปรเปลี่ยนไป
แล้วเมื่อวันนั้นมาถึงจะยังเหลือสิ่งใดให้ชื่นหัวใจ..
หรือทำได้เพียง เ สี ย ด า ย กับทุกสิ่งที่ผ่านมา
จริงดั่งคำคุณ..
ไม่มีใครล่วงรู้ถึงกาลข้างหน้า
ไม่มีใครบอกใครได้..
ว่าเราจะยังได้โอบกอดความรู้สึกกันไปอีกนานแค่ไหน
* เหมือนค่ำคืนที่เราไม่รู้ว่า จะผ่านไปถึงพรุ่งนี้ได้หรือเปล่า
และรุ่งเช้าที่กำลังมาเยือน เราต้องประสบพบสิ่งใด...
แ ต่ ต ร า บ ที่ ส า ย ล ม ยั ง ค ง พ ลิ้ ว ผ่ า น
แ ส ง เ ที ย น ว อ ม แ ว ม เ ริ่ ม สั่ น ไ ห ว
หั ว ใ จ ย่ อ ม ไ ห ว พ ลิ้ ว ไ ป ต า ม ก ร ะ แ ส รู้ สึ ก
เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่.. คนดี
ตะแบกบาน
เธอเคยบอก...
จะเก็บให้.. สักวัน
ฉันรอคอย.. ชั่วชีวิต
แต่วันนั้น.. ไม่เคยมาถึง..
คุณคนดี...
คุณรู้หรือไม่ว่า..
วันนี้.. ดอกตะแบกบานสะพรั่งอยู่เต็มหัวใจแล้ว
ขอบคุณนะ ค ว า ม ห วั ง
ที่ทำให้มนุษย์คนหนึ่งมีพลังใจในการก้าวเดินต่อไป
แม้นั่น..จะเป็นได้เพียงแค่ ค ว า ม ห วั ง ...
ด้วยหัวใจ...