11 กันยายน 2547 11:58 น.
ร. อินทนิล
ตอนที่2
วันต่อมาขณะที่รักเดียว โดมและชมพูกำลังตั้งอกตั้งใจเรียนกันอยู่นั้น บอมก็เดินเข้าห้องมาโดมจึงยกมือเรียก บอมนั่งเรียนได้พักหนึ่งอาจารย์ก็ให้งานนักศึกษา ทุกคนในห้องจึงตั้งหน้าตั้งตาทำไม่นานนักอาจารย์ก็ปล่อย ทุกคนจึงค่อยๆทยอยกันเดินออกจากห้อง
เมื่อวานเรียนอะไรไปมั่งวะบอมหันมาถามโดม ขณะกำลังเดินไปโรงอาหาร
ขาดตั้งแต่วันแรกเลยนะบอม ชมพูทักเขา
มีธุระน่ะ ด่วนจริงๆ
พาแฟนไปเที่ยวรึไง รักเดียวแซว
เปล่าเมื่อวานรู้สึกจะมีการตลาดใช่ไหมที่เป็นวิชาหลักๆ เป็นไงบ้างอาจารย์ดีป่ะ สั่งงานรึยังบอมว่า
ถามรักนั่น ตั้งใจเรียนอยู่คนเดียว โดมบอกเขา
อะไรโดมรักเดียวทำตาขวาง
หรือไม่จริง
ทำไมอ่ะ บอมทำหน้างงๆ
ก็คนสอนน่ะสิ หล่อมากชมพูว่า
หล่อกว่าเราอีกเหรอ
หล่อกว่ามาก รักเดียวพูดใส่บอม
ละครมึงเล่นคืนนี้แล้วนี่ สงสัยจะดังเป็นพรุแตก หล่อๆอย่างมึงบอมหันมาหาโดม
อะไรกัน โดมเขินๆ
ไปกินข้าวเถอะ ฉันหิวชมพูพูดห้วนๆ ก่อนจะเดินตัวปลิวไป
พูเป็นอะไร บอมว่า
อะไรของเขา โดมงง
ชลธีกำลังจะออกไปทานข้าวเที่ยงกับปณิตาซึ่งก็เป็นเพื่อนอาจารย์อีกคน บังเอิญเจอชีวินซึ่งกำลังจะไปสอน ชลธีจึงพูดขึ้น วิน เมื่อเช้าไอ้ภาคมันโทรมาชวนกินเบียร์สด สะพานพุทธคืนนี้ ไปไหม
แกไปหรอ
ไปให้มันหน่อยเหอะว่ะเรายังได้ทำงานอยู่ด้วยกัน แต่มันแยกออกไปทำงานบริษัทคนเดียว คงจะเหงา นะนะ หมู่นี้ไม่ค่อยได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ด้วย
ไปก็ไป ไปไหมครับอาจารย์ปณิตา ชีวินหันมาเย้าปณิตา
เรียกซะเต็มยศเชียวนะวิน ฉันไม่ไปขัดคอภาษาเพื่อนของพวกคุณหรอก
มีนัดกับภาณุแล้วล่ะซี่ชีวินยังยั่วเธอไม่เลิก
หยุดนะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับภาณุซะหน่อย
ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย
ปณิตาค้อนขวับไปทีนึงก่อนจะเดินงอนๆออกไป
ชีวินยิ้มชอบใจ เขามักจะชอบแหย่ปณิตาเล่นเสมอ แม้ว่าอายุจะไล่ๆกัน แต่ปณิตาจะดูเหมือนเด็กๆ เธอน่าเอ็นดู เหมือนกับผู้ใหญ่แกล้งให้เด็กโกรธ
ขณะที่รักเดียว โดม บอมและชมพูกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ในโรงอาหาร รักเดียวก็พลันได้ยินเสียงจากทางด้านหลังเล่นเอาหัวใจเธอเต้นระรัว
ที ที นั่งตรงนี้ดีกว่าลมเย็นดี ปณิตาบอกกับชลธี
รักเดียวค่อยๆหันหลังมา ก็ดันสบตากับชลธีเข้าพอดีจึงยกมือสวัสดีเขา บอมเห็นโดมกับชมพูยกมือไหว้จึงหันไปไหว้ตาม
ครับหวัดดีครับเรียนอะไรมากัน ชลธีเดินมาทักทายลูกศิษย์
โฆษณาครับโดมตอบ
ว่าไงครับ คุณรักเดียว ไม่ทักผมเลยนะ
ก็หวัดดีเมื่อกี๊แล้วไงคะ
ชลธียิ้มๆก่อนจะเดินไป พอโดมแน่ใจว่าเขาจะไม่ได้ยินจึงพูดขึ้น สงสัยแฟนอาจารย์
รักเดียวสำรักน้ำขึ้นมาชมพูจึงรีบถาม เป็นอะไรรัก
เปล่าๆ
อ๋อนี่หรออาจารย์ที่สอนการตลาด บอมว่า
ทำไมรู้ล่ะยังไม่ได้บอกอะไรเลย ชมพูถาม
มันอยู่ในกึ๋น บอมพูดพลางมองรักเดียวอย่างมีเลศนัย
ฝ่ายชลธีพอซื้อข้าวเสร็จก็มานั่งทานกับปณิตาจู่ๆเขาก็ถามหล่อนขึ้นมา
ภาณุเป็นไงบ้าง
ที!นี่ทีก็เป็นไปกับวินด้วยหรอ
ชลธีหัวเราะหึหึ ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมวินมันถึงชอบแกล้งคุณนักภาณุเป็นคนดีนะคุณ
แล้วไงล่ะ ก็ฉันไม่ได้ชอบเขานี่
แล้วคุณชอบใครล่ะ
ไม่มี
วิน!
ฉันไม่แย่งแฟนเพื่อนหรอก แล้วฉันก็ไม่มีทางชอบหมอนั่นด้วย ไม่รู้พิมพ์ชอบไปได้ยังไง
ชลธีนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ปณิตาไม่ได้สังเกตเห็น หมู่นี้คุณไม่ค่อยได้ไปไหนกับพิมพ์เลยนี่
ก็นายนั่นแย่งเพื่อนฉันไปแล้วนี่ปณิตาทำหน้าน้อยใจ
พิมพ์วนากลับมาจากการสอนกำลังรอลิฟต์อยู่ ชลธีกับปณิตาก็มาพอดีหลังจากทานข้าวเสร็จ
พิมพ์ ปณิตาทักหล่อน เพิ่งสอนเสร็จเหรอ ขยันจังนะ นี่มันเกินเวลานี่ เดี๋ยวนักศึกษาหมันใส้น้าไปกินเวลาเค้าน่ะ
พิมพ์วนายิ้มๆ แล้วนี่ ไปทานข้าวกันมาหรอ
ครับ ชลธีตอบ ทั้งคู่สบตากันไม่ถึงสามวินาที ลิฟต์ก็มาถึง
พอเข้าไปในลิฟต์ ชลธียืนไกล้กับพิมพ์วนาชนิดหายใจรดต้นคอทั้งคู่ดูมีสีหน้าไม่สู้จะดีเท่าไรและดูเหมือนว่าปณิตาจะเห็น
* * * * * * * *
ตกกลางคืนวันนี้รักเดียวมาเดินหาซื้อเครื่องประดับเท่ๆใส่เล่นที่สะพานพุทธซึ่งผู้คนกำลังพรุกพล่านได้ที่ เสียงโทรศัพท์มือถือเธอดังขึ้นเธอจึงรีบรับสาย
ว่าไงพู
อยู่ไหนเนี่ย โทรเข้าหอไม่เห็นมีคนรับ
อ๋ออยู่สะพานพุทธ พอเลิกเรียนก็กลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกมาเลย
อ้าวไม่เห็นชวนล่ะ
ชวนแล้วจะมาหรอ วันนี้ละครที่โดมเล่น ตอนแรกนะ
บ้า
ฉันรู้ว่าทุกคนอยากดูผลงานเพื่อน ฉันไม่กวนดีกว่า
แล้วเธอล่ะ ไม่ดูโดมหรอ
ดูสิ ที่นี่สะพานพุทธนะฉันแวะดูตามร้านค่ก็ได้
งั้นก็ระวังๆแล้วกัน
อื้มขอบใจ
หลังจากวางสายชมพู เธอก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านผู้คนมากหน้าหลายตา ที่นี่ยามค่ำคืนดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
ชลธีกับชีวินนั่งคอยเพื่อนอยู่ที่ลานเบียร์แถวนั้น ดูท่าจะนานพอควร
อะไรของมันนะ เป็นคนนัดแท้ๆ ชีวินบ่นๆ
เค้านักธุรกิจใหญ่น่า
ภาคภูมิจอดรถคันหรูหลังจากลงรถได้พักหนึ่ง ทันใดนั้นเองผู้หญิงคราวป้าคนหนี่งก็หวีดร้องขอความช่วยเหลือโดนโจรวิ่งราวกระเป๋า วิญญาณลูกผู้ชายตัวจริงเข้าสิงภาคภูมิใส่ตีนหมาวิ่งกวดโจรนั่นกระทั่งอยู่ในระยะประชิดตัว เขาเตะขาโจรจนล้มลงแลกหมัดกันไปมาจนโจรชั่วรู้สึกว่าจนมุมก็ควักมีดออกมาจากกระเป๋ากางเกงทำเอาภาคภูมิชะงักแต่ก็ไม่ถอย มันพุ่งตรงเข้ามาจะเสียบภาคภูมิเต็มที่แต่เขาหลบได้ทันอย่างเฉียดฉิว และอัดโจรชั่วจากด้านหลังจนกองลงไปกับพื้นอย่างทุลักทุเล เขาเดินมาหยิบกระเป๋าจะเอาไปคืนป้าคนนั้น โจรนั่นลุกขึ้นมาหยิบมีดและเงื้อมือขึ้นจะแทงภาคภูมิ โชตดีที่รักเดียวมาประจัญหน้ากับภาคภูมิเห็นเข้าจึงยกเท้าขึ้นถอดรองเท้าแล้วขว้างผ่านหน้าเขาไปเข้าหน้าโจรจนหงายหลังลงไป ตำรวจก็มาพอดี
รักเดียวกำลังก้มหน้าผูกเชือกรองเท้าอยู่ ภาคภูมิจึงเดินเข้ามาหาหล่อน ขอบคุณนะครับ
รักเดียวเงยหน้าขึ้นมามองเขา ตีงู ต้องตีให้ตายนะคุณ หล่อนว่า
ภาคภูมิถึงกับยืนนิ่ง สายตาของรักเดียวที่ประสานกับเขามันคมบาดลึกเข้าไปจนถึงขั้งหัวใจบวกกับความประทับใจที่เธอช่วยเขาไว้อยู่แล้วด้วยยิ่งทำเขาปลื้มรักเดียวไปใหญ่ มัวแต่พร่ำเพ้อหันมาอีกทีรักเดียวก็หายไปไหนแล้ว นึกเจ็บใจกับตัวเองที่ไม่ได้ถามชื่อและขอเบอร์โทรของเธอไว้
ภาคภูมิเดินเข้ามาหาชลธีกับชีวินยังที่ที่นัดกันไว้ ชลธีหันไปเห็นจึงแซวเขา
ว่าไงครับ นักธุรกิจใหญ่ เป็นคนนัดแท้ๆ มาซะป่านนี้
เป็นอะไรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชีวินเห็นเพื่อนดูเคลิ้มๆ
ฉันตกหลุมรักผู้หญิงคนนึงว่ะภาคภูมิ
อะไรนะ ชลธีกับชีวินมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
เฮ้ยคราวนี้ฉันเอาจริงนาเว้ย เธอช่วยชีวิตฉันไว้ อาจจะไม่สวยเลิศเลอแต่เธอโคตรเท่เลยว่ะ เป็นสาวในฝันของฉันเชียวนา
เพ้อเจ้อชีวินว่า
* * * * * * * *
พิมพ์วนากับปณิตาเองเวลานี้ก็กำลังนั่งทานอาหารอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
วินเป็นไงบ้าง ปณิตาถามเพื่อนสนิท
ทำไมอยู่ดีดีถึงถามแบบนั้นล่ะ
สงสารวิน
!? พิมพ์วนามองหน้าเพื่อนแปลกๆ ฉัน
วินเขารักเธอมากนะพิมพ์ ฉันรู้ว่าเธอยังลืมไม่ได้ ต้องเจอกันทุกวันแบบนี้
เขาก็ยังไม่มีใครนี่
เธอก็เลยคิดว่ายังมีหวังงั้นหรอ ทำอะไรนึกถึงวินซะบ้าง
* * * * * * * *
อะไรนะนี่แกไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย แล้วจะมาบอกว่าจริงจังเนี่ยนะ ไอ้ภาคเอ๊ย ชื่อก็ไม่ถาม เบอร์โทรก็ไม่มี อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วชาตินี้แกจะได้เจอเค้าอีกไหมวะชีวินระอาเพื่อน
ไม่ให้กำลังใจ แล้วยังจะมาตอกย้ำซ้ำเติมอีกภาคภูมิน้อยใจ
รุ่นเดียวกับเราหรอชลธีถาม
น่าจะใช่ ฉันว่าเธอต้องมาที่นี่อีกแน่ๆ แกสองคนมากับฉันทุกวันได้ไหมวะ
จะบ้าเหรอ ฉันเป็นอาจารย์นะ ชีวินชักยั้ว
แล้วไงวะ
ต้องทำตัวให้ลูกศิษย์นับถือ เที่ยวสะเปะสะปะได้ไง งานก็มีตั้งเยอะ ชลธีว่า
ภาคภูมิถอนหายใจอย่างน่าสงสาร ชลธีจึงว่า จะช่วยมองหาอีกแรงละกัน ไหนบอกมาซิ ท่าทางหน้าตาเป็นไง
ขอบใจเพื่อนรักไม่ขาวมากนะแต่ก็ไม่เข้มเกินไป หน้าคมๆดุดุ ตาสวยมาก คิ้วเข้ม หุ่นพอดีๆ ไม่อึ๋มเหมือนเสป้กแก ที่สำคัญเสียงเธอเท่มากๆ ฟังดูนิ่งๆ แล้วก็
รักเดียวเดินๆอยู่เห็นโดมบนจอโทรทัศน์ในร้านค้าริมถนนร้านหนึ่งจึงหยุดชะงักดู เธอทึ่งในความสามรถของเพื่อนคนนี้มาก เค้าไม่ได้มีดีแค่หน้าตาแต่ความสามารถยังถึงอีกด้วย
นี่สินะ พรสวรรค์ ทั้งหน้าตา ทั้งความสามารถ แกแน่จริงๆโดม หล่อนรำพึงรำพันชื่นชมเพื่อนอยู่ ทันไดนั้นเองเสียงแตรรถก็เรียกให้เธอหันไปมอง
อาจารย์ ! หล่อนอุทานด้วยความเหลือเชื่อที่ได้เจอชลธีที่นี่เวลาแบบนี้และที่แบบนี้
มาคนเดียวหรอครับ
ค่ะ
คึกแล้วนะ จะกลับหรือยัง ผมไปส่ง มาคนเดียวอันตราย
ไม่เป็นไรค่ะ
ขึ้นมาเหอะเร็ว ถือว่าเป็นการตอบแทนเรื่องกระเป๋าตัง
ไม่เหมาะมังคะ
คุณไม่ได้แต่งชุดนักศึกษานี่ ขึ้นมาเร็วผมจอดรถขวางทางเขาอยู่
รักเดียวจวนตัวตัดสินใจขึ้นรถ ชลธีจึงค่อยๆออกตัวไป
บ้านคุณอยู่ไหนครับ
อยู่หอพักค่ะ ห่างจากมหาลัยประมาณกิโลนึง แล้วบ้านอาจารย์ล่ะคะ
ไม่สบอกได้ไหมครับ เดี๋ยวคุณเกิดหลงรักผมขึ้นมา อดใจไม่ไหวจะไปหาผมถึงบ้าน
รักเดียวจอดสนิท หันไปมองเขานิ่งๆ
ผมล้อเล่นน่า
หนูแค่อยากรู้ว่าอาจารย์ขับรถย้อนรึเปล่า
ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณนี่ใจถึงนะมาเดินคนเดียว
แล้วอาจารย์มากับใครล่ะคะ
ผมมาสังสรรค์กับเพื่อน
ท่าทางเจ้าชู้นะอาจารย์เนี่ย สงสัยนักศึกษาสาวๆจะหลงกันเยอะ
ผมไม่คิดอะไรกับนักศึกษาหรอกนะ ผมเป็นอาจารย์ จรรยาบรรณเป็นเรื่องสำคัญ
หรอคะ ก็เลยจีบ อาจารย์ด้วยกัน
ชลธียิ้มๆก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่คิดอะไร อาจารย์ปณิตาที่คุณเห็นเมื่อกลางวันน่ะหรอ เราเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ อาจารย์เค้ายังโสด สวยก็สวย
รักเดียวนิ่งเงียบไปพูดอะไรไม่ออก จนใกล้ๆถึงเค้าจึงถามหล่อนขึ้นมา
เป็นอะไรไปคุณ เงียบๆไป
เปล่าค่ะ
ผมชอบชื่อคุณจริงๆนะ
ชอบแค่ชื่อหรอคะ
อะไรนะ
รักเดียวหัวเราะหึหึ จอดตรงนี้แหละค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง รักเดียวลงจากรถมา
ไม่เป็นไรครับ เจอกันพรุ่งนี้ อ้อ!คุณ พรุ่งนี้ก่อนเข้าเรียนคุณขึ้นไปเอาชีสต์ที่โต๊ะผมไปให้เพื่อนๆซีรอกส์กันด้วยนะ ตอนเรียนจะได้ไม่เสียเวลาเลคเชอ
ค่ะ
รักเดียวยืนมองจนรถชลธีลับตาไป
* * * * * * *
10 กันยายน 2547 11:35 น.
ร. อินทนิล
เสียงล้อรถเสียดทานกับพื้นถนนดังแสบแก้วหูก่อนเสียงโครมสนั่น รถของรักเดียวตกลงข้างทาง แรงกระแทกทำให้ตัวเธอกระเด็นออกมาจากรถชะลูดเกือบถึงชายคูน้ำ เลือดสีแดงสดไหลอาบท่วมตัว ร่างกายเธอไม่ขยับเขยื้อน ความเจ็บปวดไม่มีให้ได้รู้สึกเมื่อร่างทั้งร่างชาช้ำ ดวงตาเปิดกว้างแต่ภาพเบื้องหน้ามืดสนิท นิ้วมือข้างซ้ายพยายามจะขยับหล่อนรู้สึกได้ถึงความเหนอะหนะของเลือด กลิ่นคาวมันคละคลุ้งอยู่ปลายจมูก ภาพเหตุการณ์วันแรกที่เจอกับชลธีถูกปลุกขึ้นมาในความทรงจำ
ตอนที่ 1
เปิดเทอมวันแรกของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เวลานี้ที่ห้องเรียนของนักศึกษาปีสองคณะนิเทศศาสตร์ยังไม่มีอาจารย์มาเข้าสอน นักศึกษาทั้งชายและหญิงต่างพูดคุยเล่าเรื่องในช่วงปิดเทอมให้เพื่อนของตนฟังเสียงดังระงมสมกับที่ไม่เจอกันมานาน
ชมพูกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียน
พู! เสียงชายหนุ่มเรียกหล่อนขณะที่ตัวเขากำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอ
อ้าว โดม หล่อนเรียกชื่อเขาและเดินเข้าห้องไปพร้อมกัน ทั้งคู่เหมือนกำลังมองหาใครสักคนก่อนที่ชมพูจะพูดขึ้นมา
รักยังไม่มาหรอเนี่ย
ไม่น่าเชื่อ อย่างรักเนี่ยนะจะเข้าสาย วันนี้สงสัยฝนตกใหญ่เรามาก่อนรักโดมว่า
ไปไหนของเขานะ หอก็อยู่แค่ตรงนี้ จะไม่โทรตามหน่อยหรอ บอมก็อีกคน
ไอ้บอมมันสายปกติอยู่แล้วนี่
รถเมล์สายหนึ่งจอดตรงป้ายหน้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาก็กรูกันลงมา ทันทีที่รักเดียวก้าวลงจากบันไดรถได้ หล่อนก็ใส่ฝีเท้านักวิ่งวิ่งขึ้นสะพานลอยตรงเข้าสู่ประตูมหาวิทยาลัย หล่อนวิ่งผ่านตึกหลายตึกอย่างไม่หยุดพักกระทั่งถึงตึกที่เธอเรียน เห็นไกลๆว่าประตูลิฟต์กำลังจะปิดจึงรีบตะโกนบอกคนในลิฟต์ให้รอเธอ
เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว!!
ชายหนุ่มคนเดียวในลิฟต์เอามือมากันให้ลิฟต์หนีบประตูลิฟต์จึงเปิดออก รักเดียวมาถึงพอดีสบตากับเขาครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์
ขอบคุณค่ะ หล่อนพูดหอบตัวโยน
ชั้นอะไรครับ
ชั้นเดียวกันค่ะ หล่อนเห็นสวิตไฟในลิฟต์กดอยู่ชั้นเดียวกับเธอ
สายหรอครับ เขาถามหล่อนท่าทางเป็นมิตร
ค่ะ คาบแรกด้วยไม่อยากสายเลย การตลาดอีกต่างหาก อาจารย์คงเฮี๊ยบๆ หน้าโหดๆ มีอายุหน่อยสงสัยจะเจ้าระเบียบจู้จี้ขี้บ่นหน้าดู
หรอครับ เขาพูดยิ้มๆ
พอถึงชั้นแปดรักเดียวเดินออกจากลิฟต์ตรงมายังห้องเรียนโดยที่ไม่ได้สนใจผู้ชายคนนั้นชมพูกับโดมเห็นหล่อนกำลังมองหาจึงร้องทัก
รัก รัก
รักเดียวเดินมานั่งข้างๆเพื่อน ว่าไงพ่อพระเอก ละครจะออนแอร์คืนพรุ่งนี้แล้วนี่ ตื่นเต้นล่ะสิ หล่อนกระเซ้าโดม
ก็นิดหน่อย กลัวออกมาไม่ดีจัง เรื่องแรกด้วย โดมออกตัว
น่าภูมิใจจริงจี๊ง มีเพื่อนเป็นถึงพระเอก จริงไหมพู
ชมพูยิ้มแบบไม่ค่อยภูมิใจนักก่อนจะเปลี่ยนเรื่องหันมาถามรักเดียว ทำไมวันนี้มาสายได้ล่ะ
ไปทำธุระมา รอรถเมล์ตั้งนาน เออนี่ เมื่อกี๊เจอนักศึกษาปริญญาโทหล่อมาก เค้าเอามือกันลิฟต์ไว้ให้ฉันอย่างกับในละครเลย น่ารักที่สุดหล่อนเล่าอย่างปลื้มอกปลื้มใจ
รู้ได้ไงว่าเค้าเป็นนักศึกษาปริญญาโท ชมพูถาม
ยังหนุ่มอยู่เลยนะ รักเดียวพูดพลางก็ก้มหน้าหาปากกาในกระเป๋า ทันใดนั้นเองนักศึกษาปริญญาโทที่หล่อนพูดถึงก็เดินเข้ามาในห้อง จากที่ทุกคนกำลังคุยเสียงดังก็แยกย้ายกันนั่งที่ของตนเองอย่างสงบ
อาจารย์หล่อแฮะ
รักเดียวได้ยินที่โดมพูดจึงค่อยๆช้อนตาขึ้นมอง ก็ถึงกับสะดุ้งตาโตเป็นไข่ห่านก่อนจะค่อยๆหลบหน้าหลบตาทำเป็นหาปากกาไม่เจอทั้งที่ปากกาก็อยู่ในมือ หล่อนบ่นอุบอิบกับตัวเองว่าพูดอะไรออกไปบ้างตอนอยู่ในลิฟต์
หลังจากวางของบนโต๊ะแล้ว อาจารย์หนุ่มก็เดินมาตรงกลางห้อง
สวัสดีครับ ผมชื่อชลธีนะ เรียกอาจารย์ทีก็ได้ อยู่ตึกเจ็ดชั้นเก้ามีปัญหาอะไรไม่เข้าใจบทเรียนตรงไหนก็ขึ้นไปหาได้นะ
ปัญหาหัวใจ ปรึกษาได้รึเปล่าคะ นักศึกษาสาวคนหนึ่งแซวขึ้นมา
อาจารย์หนุ่มยิ้มแล้วพูดต่อ วิชานี้ สามหน่วยกิตนะครับมีผลต่อเกรดสะสมของพวกคุณมาก ยังไงก็ตั้งใจหน่อยนะวิชานี้สำคัญมากในเชิงธุรกิจ เรียนกับผมผมช่วยเรื่องคะแนนเก็บเต็มที่นะไม่ต้องห่วง คุณตั้งใจทำคะแนนสอบกลางภาคกับปลายภาคให้ดีดีแล้วกัน
นักศึกษาทุกคนโดยเฉพาะสาวๆนั่งมองเขาตาไม่กระพริบ ยกเว้นรักเดียวที่ยังนั่งก้มหน้ามองหนังสือทำไม่สนใจเขา ชลธีกำลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะแต่ก็หันมาทิ้งท้าย อ้อ ผมลืมบอกไปว่า อาจารย์การตลาดไม่ได้เจ้าระเบียบจู้จี้ขี้บ่นไปซะทุกคนหรอกนะ อย่างน้อยก็มีผมคนนึงล่ะที่ไม่ใช่
รักเดียวอมยิ้มเหลืบตามองเขาเป็นพักๆ ชลธีเองก็แอบๆอมยิ้มอยู่เหมือนกัน จากนั้นชลธีก็เริ่มสอน รักเดียวก็ตั้งใจเรียนเป็นเรื่องปกติของเธอ
ที่ห้องพักอาจารย์ภาควิชาการตลาดซึ่งถูกฉากกั้นซอยแบ่งเป็นห้องเล็กๆมีโต๊ะทำงานให้พอสะดวกสบายสำหรับอาจารย์หนึ่งคน พิมพ์วนานั่งเตรียมเอกสารการสอนอยู่ที่โต๊ะของเธอได้ครู่หนึ่งก็เบนสายตาไปมองรูปถ่ายเธอและเพื่อนอาจารย์อีกสี่คนที่วางอยู่ตรงหน้าและหยิบมันขึ้นมาดูใกล้ๆ ตอนนั้นเองชีวินเดินเข้ามา เธอจึงรีบวางรูปลง
มีอะไรคะวินเสียงหล่อนฟังดูตื่นๆ
เที่ยงแล้วนะครับไปทานข้าวกันเถอะ
อ๋อค่ะค่ะ หล่อนเก็บของหยิบกระเป๋าและเดินออกไป ชีวินมองรูปถ่ายนั่นอย่างมีเลศนัยก่อนจะตามหล่อนออกมา
รูปบนโต๊ะคุณ ช่างภาพเขาถ่ายชลธีออกมาดูดีนะครับ หมอนี่ถ่ายรูปขึ้นแบบนี้น่าไปเล่นละครน้ำเสียงของชีวินแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้พิมพ์วนาทำได้แค่หันมายิ้มอ่อนๆอย่างไม่มีความเห็น หล่อนเป็นผู้หญิงที่สวยมาก อ่อนหวานเรียบร้อย นัยตาดูเศร้าๆ ไม่มีพิษมีภัยกับใคร จึงไม่น่าแปลกใจที่ชีวินจะรักเธอมากและคบกันเธอชนิดไม่เคยทำให้เธอร้องไห้มาเป็นปีๆ ยกเว้นแต่ว่าเธอจะร้องไห้ด้วยสาเหตุอื่น
รักเดียวและเพื่อนๆเดินออกมาจากห้องเรียนหลังจากหมดชั่วโมง ชมพูกับโดมหัวเราะชอบอกชอบใจกันใหญ่ รักเดียวจึงพูดแก้ตัวเขินๆ
ก็ใครจะไปรู้เล่า ละอ่อนขนาดนั้นใครจะไปคิดว่าเป็นอาจารย์ ฉันก็ใส่ซะเต็มที่เลย
อาจารย์เค้าคงนึกขำอยู่ในใจแหละนะตอนอยู่ในลิฟต์น่ะ ชมพูพูดไปขำไป
ไม่ได้นึกขำในใจหรอก เค้าขำออกมาโจ่งแจ้งเลย แต่ฉันคิดว่าเค้าขำเพราะท่าทางฉันเร่งรีบที่มาสาย แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรเลยนะ ปล่อยให้ฉันพร่ำอะไรออกไปมั่งก็ไม่รู้ รักเดียวตัดพ้อ
เค้าคงอยากเซอไพรส์เธอ โดมว่า ทั้งสองคนยังหัวเราะไม่เลิก
พอได้แล้วไอ้สองคนนี้นี่ แล้วนี่บอมไปใหนเนี่ย ยังไม่เห็นเลย จะโดดตั้งแต่คาบแรกเลยรึไงนะ หล่อนถามถึงเพื่อนอีกคน
มัวจี๋จ๋าอยู่กับแฟนล่ะมั้ง แฟนสวยซะด้วย ใครจะอยากคราดสายตา โดมว่า
ขณะนั้นเองอยู่ดีๆรักเดียวก็หยุดเดิน ชมพูกับโดมจึงหันมาถาม มีอะไร
ฉันลืมหนังสือกับเลคเชอไว้บนห้อง พอพูดจบหล่อนก็โกยแน่บกลัวว่าแม่บ้านจะเก็บไปซะก่อน พอมาถึง หล่อนเปิดประตูเข้าไปยังโชคดีที่มันยังอยู่ หล่อนเดินเข้าไปหยิบและเดินออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรดำๆตกอยู่ตรงแถวๆโต๊ะอาจารย์ จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ มันคือกระเป๋าเงินซึ่งในนั้นมีบัตรสารพัดชนิดเสียบไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของคืออาจารย์สุดหล่อที่สอนเธอเมื่อครู่เธอจึงถือวิสาสะเปิดดู และเธอก็ยิ้มออก เห็นนามบัตรอยู่ไรไรมีเบอร์โทรหล่อนจึงแอบจัดเก็บเบอร์โทรศัพท์ของเขาลงเครื่องของตัวเอง และวิ่งเอากระเป๋าเงินไปคืนเขาหน้าบานฉ่ำ
ด้านโดมกับชมพูเห็นเพื่อนหายเงียบไปนานก็ชะเง้อคอรอจนเมื่อแล้วเมื่อยอีก
ทำไมไปซะนาน ห้องก็อยู่ตรงนี้ ชมพูพูดขึ้น
นั่นน่ะสิ หาเจอรึเปล่าก็ไม่รู้
ชมพูสังเกตเห็นผู้คนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นเหลียวสายตาหันมามองโดมพระเอกไหม่ที่ละครกำลังจะออนแอร์ในคืนพรุ่งนี้จึงพูดขึ้น เป็นดาราแล้วนะโดม ทำตัวดีดีล่ะ ทุกคนเค้าจับจ้องมองโดมอยู่ เดี๋ยวมีข่าวไม่ดีขึ้นมา จะไม่รุ่ง
เคยเป็นไงก็เป็นอย่างนั้นแหละพูพูดเหมือนว่าเราจะเปลี่ยนไปเสียงโดมเรียบนิ่ง
ชมพูมองเขาอย่างชื่นชม
เวลานี้ที่ห้องพักอาจารย์ภาควิชาการตลาด ชลธีกำลังหัวเสียกับการหากระเป๋าเงิน ชีวินกับพิมพ์วนากลับเข้ามาเห็นเข้าจึงถาม หาอะไร ที
กระเป๋าตังหายว่ะ
แกเอาไปทำตกที่ไหนรึเปล่า
หาดีรึยังคะ
คิดดีๆซิ ชีวินว่า
เดี๋ยวพิมพ์ขอตัวก่อนนะคะ พิมพ์มีสอนค่ะ พิมพ์วนาทิ้งสายตาเป็นห่วงชลธีก่อนจะเดินออกไป
เดี๋ยวฉันกลับไปดูห้องที่ฉันสอนเมื่อกี๊หน่อยดีกว่า ชลธีพูดจบก็เดินออกไปเปิดประตูก็ประจัญหน้ากับรักเดียวที่กำลังจะเข้ามาพอดี
อ้าวคุณ!
สะสะหวัดดีค่ะ หล่อนตื่นเต้น
มาหาผมหรอ
อาจารย์ทำมันตกที่ห้อง รักเดียวยื่นกระเป๋าเงินให้เขา
ผมกำลังหามันอยู่เลย ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากจริงๆ เขาดีใจ ไอ้เงินน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่บัตรสำคัญๆนี่สิ เอว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ คุณที่บังอาจว่าอาจารย์การตลาดจู้จี้ขี้บ่นเนี่ย
โหจำแม่นนะคะ แล้วอาจารย์ก็ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกว่าเป็นอาจารย์
คุณจะให้ผมพูดตอนไหน ยังไม่บอกผมเลยคุณชื่ออะไร
รักเดียวค่ะ
ชื่อดีนี่ เท่นะเท่ อยู่ปีสองใช่ไหม ยังไงก็ขอบคุณจริงๆสำหรับกระเป๋าเงินไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงเลย
ขอ เอ ก็พอค่ะ
อะไรนะ
รักเดียวหัวเราะหึหึ หนูล้อเล่นน่ะค่ะ ไปก่อนนะคะเพื่อนหนูรออยู่
ครับขอบคุณมากชลธีพูดพร้อมๆกับที่ชีวินเดินออกมาพอดี
อ้าวได้คืนแล้วหรอ ชีวินเห็นกระเป๋าเงินในมือเพื่อน
อื้ม ลูกศิษย์เอามาคืน
รักเดียวมองเขาอยู่ครู่หนึ่งจึงยกมือไหว้อาาจารย์การตลาดนี่หล่อทุกคนเลยรึเปล่าคะเนี่ย
แน่นอนครับ ชีวินเล่นด้วย ชลธีจึงเอาแขนกระแทกตัวเขาเบาๆแล้วเก๊กเข้มทำเสียงขรึม เฮ้ยคุณ คุณเป็นนักศึกษามาชมอาจารย์แบบนี้มันไม่เหมาะสมนะ แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
รักเดียวยิ้มอย่างปลื้มใจก่อนจะหันหลังกลับ ไปนะคะ
ดูท่าทางเป็นคนดีนะ สวยกว่านี้ซะหน่อยหนุ่มๆคงติดตรึม ฉันอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นชีวินพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเพื่อนยังไม่ละสายตาจากลูกศิษย์
ไอ้บ้า นั่นนิสิตนะ
ฉันล้อเล่นน่า
ล้อเล่นแบบนี้ อยากให้พิมพ์มาได้ยินจัง
คนเขารักกัน เขาเชื่อใจกัน
คำพูดของชีวิน ทำเอาสีหน้าชลธีเปลี่ยนไปทันที
จะไปกินข้าวใช่ไหมเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน ชีวินออกปาก
ไม่เป็นไรแกกินกับพิมพ์แล้วไม่ใช่หรอ เขากลับมาฝืนยิ้ม
เออน่าฉันไม่มีสอนไปเป็นเพื่อนได้ ไม่งั้นแกจะมีเพื่อนอย่างฉันไว้ทำไม
ลำบากเปล่าๆ เดินไปเดินมา
มากว่านี้แกก็เคยทำเพื่อฉันมาแล้วนี่
ชลธีหันขวับไปมองหน้าชีวินที่เขาพูดแบบนั้นด้วยสีหน้าเหมือนกลัวว่าชีวินจะรู้อะไรบางอย่าง แกพูดอะไรเขาถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
เปล่านี่ ทำไม ก็เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแกก็ทำอะไรเพื่อฉันมามาก แปลกตรงไหนหรือแกมีอะไร
!?
รักเดียวมาถึงที่โดมกับชมพูรออยู่ ชมพูเห็นเข้าจึงถามด้วยความเป็นห่วง
เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมช้าจัง
ขอโทษๆ ฉันเจอกระเป๋าเงินของอาจารย์ชลธี เลยเอาไปคืนเค้ามา รักเดียวพูดพลางเดินนำหน้าไปยังโรงอาหาร ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนทั้งสองคนหยุดนิ่งอึ้ง ชมพูหันมาถามโดมช้าๆ
นี่คงไม่ใช่พรหมลิขิตนะ
บ้าน่าลูกศิษย์กับอาจารย์ พรหมคงไม่ใจร้ายแกล้งรักหรอกมันเป็นไปไม่ได้
เรื่องในลิฟต์ก็ทีแล้ว ชมพูมองรักเดียวอย่างห่วงๆ
* * * * * * * *
สายชลได้ยินเสียงรถลูกชายขับเข้ามาในบ้านจึงรีบล้างมือ เดินออกจากครัวเตรียมน้ำเย็นชื่นใจไว้ให้ลูกชายสุดหล่อ
กลับเร็วนะวันนี้ ตาที
ไม่ดีหรอครับชลธีเข้ากอดแม่ของเขา
มีอะไรรึเปล่าลูก
ผมไม่อยากเห็นอะไรก็เท่านั้นเอง
อะไรของเรา นี่ ไม่เบื่อรึไง เมื่อไหร่จะแต่งงาน ยี่สิบแปดย่างยีบเก้าแล้วนะเราน่ะ
ก็ยังไม่มากซักหน่อยอีกอย่างอยู่กับแม่สองคนแบบนี้ผมก็มีความสุขดีแล้วนี่ครับ
แม่อยากอุ้มหลาน หนูพิมพ์เขาน่ารักดีนะ
เขาเป็นแฟนของวินครับแม่
ลูกไม่ชอบเขาหรอ
ชลธีนิ่งไปไม่ยอมตอบ
* * * * * * * *
6 กันยายน 2547 14:15 น.
ร. อินทนิล
ใครสักคน
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึกที่เงียบสงัดพร้อมกับหัวใจที่เจ็บปวด ใบหน้าของฉันยังชาเย็น ดวงตายังฉ่ำไปด้วยน้ำใสๆที่ออกมาจากระบบการทำงานของต่อมต่อมหนึ่งในร่างกายฉัน ครั้นเมื่อยกมือขึ้นมาจะเช็ดขอบตาก็รู้สึกได้ถึงความสั่นสะท้านของมือข้างนี้ ฉันลุกจากเตียงนอนอันเป็นที่รองรับความเจ็บปวดของฉันมาตั้งแต่ตอนเย็น ค่อยๆยื่นมือบิดลูกบิดประตูและก้าวขาออกมาจากห้อง ย่างเท้าเดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย
ถนนกลางดึกคืนนี้มีรถน้อยคันวิ่งผ่าน ค่ำคืนแม้จะมืดดำแต่ก็ยังมีแสงสว่างจากไฟสลัวข้างทาง สายตาฉันมองเห็นแสงสว่างนั่นชัดเจน แต่หัวใจไม่เห็นอะไรเลย มันมืดสนิท
ก้าวแต่ละก้าวของฉันมีแต่ภาพเขากับเธอเดินอยู่ข้างๆกันในส่วนของความจำ ทั้งๆที่ฉันไม่อยากจะจำมันเท่าไหร่ แต่ดูมันจะชัดเจนซะเหลือเกินน้ำตาก็ค่อยๆทิ้งตัวลงมาเป็นสาย ฉันยกมือปาดน้ำตาและเดินต่อไป อีกครั้งที่ความรักทำให้ฉันเจ็บปวด และครั้งนี้ดูจะสาหัสสากรรจ์กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะฉันพูดไปเต็มปากว่ารัก
ความรักของฉัน มักวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆไม่เคยเปลี่ยน เคยมีบางคน กุมมือไปด้วยกันให้ฉันอบอุ่น แต่แล้วเขาก็ไป เคยมีบางแววตา ที่ฉันมองแล้วสุขใจ แต่ก็แค่นั้น เคยมีใครที่ฉันรักเขามาก รักเป็นชีวิต แต่เขาก็ไม่รักกัน แล้วจะมีไหม ใครสักคน ที่เป็นคนของฉันจริงๆ
ตั๊ก!
ฉันหันขวับไปมองเจ้าของเสียงซึ่งจอดรถขนาบอยู่ข้างๆฉัน
ขึ้นรถเร็ว เพื่อนเอียงตัวจากฝั่งคนขับให้เห็นหน้าฉัน
ฉันยืนนิ่งอยู่ครู่ จนได้ยินเสียงแตรรถด้านหลังตวาดใส่ กลัวเพื่อนจะเดือดร้อนจึงก้าวขาเข้าไปในรถ
เพื่อนไม่ถาม ไม่พูดอะไรสักคำ ไม่เลย ฉันนั่งเงียบ เพื่อนนั่งเงียบ
สะพานพระรามแปดดูจะโรแมนติกสำหรับคู่รักที่มาจูงมือเดินเคียงกันไปบนนี้ แต่สำหรับฉันตอนนี้ล่ะ?
เพื่อนมายืนอยู่ข้างๆฉัน เพื่อนที่หายไปจากชีวิตฉันเกือบปี วันนี้ เขามายืนอยู่ใกล้ๆ
รู้ไหม ทำไมพามาที่นี่เพื่อนพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าฉัน แต่ฉันหันไปมองหน้าเพื่อน ยังหล่อเหมือนเดิม แต่ดูหน้าซีดกว่าแต่ก่อนมาก คงขาวขึ้น ฉันหันกลับไปมองตรงหน้า เห็นเจ้าพระยาทอดยาว และระรอกคลื่นกระทบกับแสงไฟแวบวับ
ทิ้งมันลงไปในนี้เถอะนะ อย่าถือมันไว้อีกเลย เจ็บเปล่าๆ เพื่อนว่า
ขาฉันอ่อนทรุดกองลงกับพื้นและหันหลังพิงราวสะพาน เพื่อนนั่งลงข้างๆเช็ดน้ำตาให้
หายไปไหนมาฉันถามเพื่อน
ถ้าคิดว่าเราหายไปไม่ช้า เราก็อาจจะหายไปอีก
ฉันนิ่งเงียบคิดตามที่เพื่อนพูด แต่ก็คิดไม่ออกว่าเพื่อนหมายถึงอะไรและไม่พยายามจะคิดต่อ รู้ไหมเราเจอกับอะไรบ้าง ฉันพูดประโยคนี้จบ น้ำตาก็พรูพร่างพรายจากใบหน้า ฉันก้มหน้าลงกับแขนที่พาดอยู่บนเข่าซึ่งฉันชันเข้าหาตัว เพื่อนไม่พูดอะไรต่อ เสียงรถคันหนึ่งแล่นผ่านไปกลบเสียงสะอื้นที่หลุดรอดออกมา ฉันพยายามกลั้นมันเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะกลั้นได้ แค่น้ำตาไหลมาอย่างไม่ขาดสายก็น่าอายพอแล้ว ถ้าต้องมีใครเห็น
เพื่อนจับข้อมือฉุดรั้งให้ฉันยืนขึ้น
มองไปข้างหน้านั่น อย่าก้มหน้าลงพื้นเพื่อนพยายามปลอบฉัน พยายามทำให้ฉันหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ ฉันกลับยิ่งร้องไห้ น้ำตาไม่รู้หลากมาจากไหนนักหนา แก้มทั้งสองข้างยังไม่มีโอกาสได้แห้งสนิท เสียงสะอื้นค่อยๆชัดขึ้น ชัดขึ้น เมื่อฉันกลั้นมันไม่อยู่ ฉันอยากพูดคร่ำครวญระบายอะไรออกไปบ้างแต่มันก็พูดไม่ออก ไอร้อนที่จุกอยู่กลางลำคอ มันทำให้ฉันพูดไม่ได้ ฉันอยากจะทรุดตัวกองลงกับพื้นเพราะขาฉันมันไม่อาจจะยืนต่อไปไหว ไม่เหลือแล้วเรี่ยวแรง ไม่เหลือแล้วกำลัง ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไป ฉันไม่อยากเดินสู้ ไม่อยากแม้แต่จะยืน ฉันอยากนั่ง อยากนอนไปนิรันดร์เสียเลยด้วยซ้ำ
เพื่อนพยายามจับแขนฉันไม่ให้ฉันนั่ง เมื่อเห็นท่าทีฉันกำลังจะโรยตัวลง เพื่อนโน้มหัวฉันให้ซบอยู่ที่กลางหน้าอกของเพื่อน เสื้อของเพื่อนซับน้ำตาฉันจนเปียกแฉะ เรายืนนิ่งกันอยู่อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่
ฉันยืนจับราวสะพาน มองไปข้างหน้าโดยมีเพื่อนยืนอยู่ข้างๆ
หายไปไหนมายังไม่ยอมบอก ไม่มีคนรับฟัง ไม่มีคนปลอบใจฉันพูดขึ้น เสียงยังขาดๆหายๆ
เขาว่า ทำไมถึงคิดว่าเราหายไป ก็ยังอยู่ข้างๆนี่ไง นึกถึงเมื่อไหร่ ก็มา
เมื่อไหร่เราจะไม่ต้องเจ็บ เมื่อไหร่จะมีใครที่รักกันจริงๆ จะมีไหม ใครสักคน คนนั้น
ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้
ฉันหันไปมองหน้าเพื่อน ขณะที่สายตาเพื่อนมองไปไกลแสนไกล
เพื่อนขับรถพาฉันกลับที่พัก เรานั่งเงียบกันไปตลอดทาง ฉันมองทะลุกระจกไปยังข้างทางที่มืดสนิท แต่หัวใจเริ่มมีแสงสว่างรำไรเล็กๆ ตาฉันยังบวมแดงกล่ำ หูฉันอื้อไปหมด
รู้ได้ไง ฉันเอะใจถามเมื่อผ่านจุดที่เพื่อนจอดรถรับฉัน
รู้อะไร?
เราเป็นแบบนี้ เราอยู่ตรงนั้น
จะไปหา แต่บังเอิญเจอเดินอยู่ข้างทางเข้าซะก่อน
นึกยังไงมาหา หายไปเกือบปี
นึกถึงเราไม่ไช่หรอ บอกแล้วไงว่าไม่ได้หายไปไหน นึกถึงก็มา
แล้วทำไมหายไปเลย ไม่โทรหาเราเลย
โกรธเราไม่ใช่หรอ บอกใครต่อใครว่าเราทำให้โกรธไม่ใช่หรอ
ก็เลยไม่โทรหาเลย ไม่ง้อ งั้นสินะจริงๆก็ไม่ได้โกรธแค่น้อยใจที่ตอนนั้นเพื่อนกัน แต่ทำเหมือนเราเป็นคนอื่น
เพื่อนเลี้ยวรถเข้าไปแล้วจอดตรงหน้าที่พักที่ฉันพักอยู่
ถึงแล้ว เพื่อนพูดขึ้นหลังจากจอดรถ
ฉันก้าวขาลงมาและถามเพื่อนแล้วจะหายไปอีกไหม
เพื่อนไม่ตอบคำถามนั้นแต่พูดอย่างอื่นขึ้นมา
บางทีเราอาจจะเจอใครสักคนที่เราตามหาแล้ว เพียงแต่เรา ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครสักคนคนนั้นของเราก็ได้ มันต้องมีสิใครสักคนที่ว่า สักวันจะเจอถ้าไม่ช้าไปซะก่อน
ฉันยิ้มรับ แล้วจะหายไปอีกไหม ฉันถามซ้ำ
เพื่อนยังคงไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้และขับรถออกไป ฉันยืนมองจนรถเพื่อนหายลับไปในถนนใหญ่
ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืนก่อนจะลุกจากเตียง เห็นลูกบิดประตูดูเหมือนเมื่อคืนฉันจะลืมล็อกห้อง ฉันเดินไปส่องกระจกเห็นสภาพตัวเองในนั้นแล้วแทบจะไม่อยากออกไปไหน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนฉันสะดุ้งเฮือกก่อนจะเดินไปรับสาย
ว่าไง
จะไปวัดกี่โมง
วัด! วัดอะไร? ไปทำไม?
เผาศพเพื่อนไง นั่นลืมหรือว่าไม่รู้ อย่าบอกนะว่าจะไม่ไป โกรธอะไรมันนักหนา สวดศพสามคืน แกก็ไม่มาสักคืนฮัลโหล ตั๊ก ยังฟังอยู่ไหม ฮัลโหล ตั๊ก ตั๊ก
บางทีเราอาจจะเจอใครสักคนที่เราตามหาแล้ว เพียงแต่เรา ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครสักคนคนนั้นของเราก็ได้ มันต้องมีสิใครสักคนที่ว่า สักวันจะเจอถ้าไม่ช้าไปซะก่อน
ฉันยิ้มรับ แล้วจะหายไปอีกไหม ฉันถามซ้ำ
เพื่อนยังคงไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้และขับรถออกไป ฉันยืนมองจนรถเพื่อนหายลับไปในถนนใหญ่
ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ คิดทบทวนเรื่องเมื่อคืนก่อนจะลุกจากเตียง เห็นลูกบิดประตูดูเหมือนเมื่อคืนฉันจะลืมล็อกห้อง ฉันเดินไปส่องกระจกเห็นสภาพตัวเองในนั้นแล้วแทบจะไม่อยากออกไปไหน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนฉันสะดุ้งเฮือกก่อนจะเดินไปรับสาย
ว่าไง
จะไปวัดกี่โมง
วัด! วัดอะไร? ไปทำไม?
เผาศพเพื่อนไง นั่นลืมหรือว่าไม่รู้ อย่าบอกนะว่าจะไม่ไป โกรธอะไรมันนักหนา สวดศพสามคืน แกก็ไม่มาสักคืนฮัลโหล ตั๊ก ยังฟังอยู่ไหม ฮัลโหล ตั๊ก ตั๊ก
THE END
6 กันยายน 2547 14:12 น.
ร. อินทนิล
ชะตาฤาลิขิต
ถนนเส้นนี้ ทอดยาวกั้นระหว่างตัวมหาวิทยาลัยกับตึกคณะนิเทศศาตร์และลานจอดรถ
อ้าวเก่ง ไม่ข้ามมาล่ะเสียงอาวุธตะโกนเรียกเพื่อนยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าอาวุธแสดงความสงสัย เหตุใดเหตุใดหล่อนจึงไม่ข้ามถนนตามเขามาทั้งที่รถยังจอดให้เธอข้ามอยู่ เขาค่อยๆสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยในแววตาเธอที่จ้องไปยังภายในรถคันที่จอดให้เธอข้าม เขามองตามสายตาเธอไป
ผู้ชายในรถคันดังกล่าวพยายามฝืนมองตรงไปข้างหน้า ไม่สนใจข้างทางทั้งสองฝั่ง
เป็นอะไรไปคะรพีภัทร เสียงแฟนสาวทำให้รพีภัทรสะดุ้ง
เปล่าครับ
ไม่ออกรถล่ะคะ ดูเหมือนเด็กคนนี้เค้าจะไม่ข้าม รีบเถอะค่ะ เดี๋ยวได้ที่จอดรถไม่ดีอีก
รพีภัทรเคลื่อนรถออกไปโดยที่ไม่ทิ้งสายตามองใครข้างทางเลย นั่นทำให้คนข้างทางคนหนึ่งใจตกไปถึงตะตุ่ม
อาวุธเห็นเพื่อนสาวมองรถของรพีภัทรเคลื่อนออกไปจนลับตา เธอจึงหันกลับมามองหน้าเขาและข้ามถนนไปโดยไม่มองซ้ายมองขวา
ข้ามถนนไม่ดูรถเลยนะ อยากตายรึไงเก่งเสียงอาวุธฟังเรียบคล้ายจะโกรธ
เธอยังคงเงียบ ก้มหน้าเศร้าๆ เข้าหาพื้นทางเดินเบื้องล่าง
ยังไม่เลิกชอบเขาอีกรึไง มันนานแล้วนะอาวุธถามขึ้นเสียงเย็นเฉียบ
ไม่ได้ชอบเรารักเขาเลยแหละเก่งพูดพลางเดินเข้าไปในตัวอาคาร เพื่อขึ้นเรียนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า อาวุธตามไปเดินข้างๆและพูดขึ้นเสียงนิ่งๆ
ยังมีหวังว่าเขาจะเลิกกันล่ะสิ
เก่งเงียบ
คนทำงาน เขาคบกันเพื่อเรียนรู้แล้วก็ยอมรับส่วนที่ดีและไม่ดีของกันและกัน เขาไม่ได้คบกันไปวันๆเหมือนเด็กมหาลัยอย่างพวกเราหรอกนะ อย่าหวังอย่ารอว่าเค้าจะเลิกกันหน่อยเลย
เก่งยังคงเงียบ ดูเหมือนหล่อนจะพยายามไม่ฟังเขา อาวุธก็ดูจะไม่แคร์กับความสนใจของเธอนัก เขายังคงพูดแทงใจดำเธอต่อไป
เห็นไอ้นาบอกว่า เก่งได้เบอร์ใหม่เขามาจากมันแล้ว
เธอเหลือบตามองเขาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่พูดอะไร
คงไม่คิดจะโทรไปหาเค้าอีกใช่ไหม บทเรียนมีแล้วนะเก่ง จะทำอะไร คิดให้ดีดี แล้วไอ้ที่เขาเปลี่ยนเบอร์ก็ไม่ใช่เพราะ
เก่งหยุดเดินและหันไปบอกเพื่อนเราไม่โทรไปหาเขาหรอก ไม่โทรอีกแล้วไม่มีอีกครั้งเสียงหล่อนเอื่อยลงในตอนท้ายและฟังมีความหลัง แม้สายตาจะมองอยู่ที่ใบหน้าของอาวุธ แต่ไม่รู้เธอเห็นภาพใครในนั้น เธอก้าวเข้าห้องเรียนไป อาวุธถึงกับถอนหายใจเหนื่อยใจกับเพื่อนคนนี้เหลือเกิน
ขณะที่อาจารย์กำลังอธิบายแผ่นใสอยู่หน้าห้อง สายตาเธอจับนิ่งอยู่ที่อาจารย์ แต่ภาพที่ปรากฏขึ้นในสมอง กลับเป็นภาพของเธอเมื่อครั้งอยู่ปีสอง ซักหกถึงเจ็ดเดือนที่ผ่านมา
..เธอกองอยู่กับพื้นห้องสี่เหลี่ยมมืดสนิท เห็นประกายน้ำตาสะท้อนแวบวับอยู่ในกระจกตรงหน้า มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกข้างหนึ่งเสยผมขึ้นไปและค้างมันอยู่อย่างนั้น ใบหน้าเธอไม่เคยแห้ง จมูกไม่เคยหายใจโล่งเสียงที่คร่ำครวญคุยกับอาวุธทางโทรศัพท์ฟังปนเสียงสะอื้นจนจับใจความลำบาก แต่อาวุธดูจะฟังมันเข้าใจได้โดยง่ายคล้ายได้ฟังมันบ่อย
แค่รักเค้าแล้วรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ นั่นก็เจ็บเจียนตายแล้ว แล้วนี่ ตอนนี้ .เค้ายังมามีใครแบบนี้อีก..โอ๊ยเราจะตายอยู่แล้ววุธ. เราไม่เคยเจ็บกับความรักมากมายขนาดนี้ เราไม่ไหวแล้ว.ไม่อยากเจ็บแบบนี้
เก่ง!!
เรารักเค้ามาก มากเกินไปแล้วเราเหนื่อยจังเลยวุธเสียงของเก่งแทบจะขาดหายกลืนไปกับอากาศ
เหนื่อยอะไร ไม่เห็นเก่งต้องเหนื่อยอะไรเลย
เหนื่อยกับการหาทางระบายออกของรักครั้งนี้ แต่หาไม่ได้ รักที่ทำได้แค่เก็บมันเอาไว้เราอยากให้เค้ารู้ ว่าเรารักเค้ามากแค่ไหนเก่งร่ำไห้ พยายามเอามือเช็ดน้ำตา แต่เช็ดเท่าไร มันก็ไม่แห้งเสียที
เค้าไม่มีวันรู้หรอก เก่งไม่เคยทำอะไรเพื่อเค้า เพราะเก่งทำเพื่อเค้าไม่ได้ เค้าไม่อยู่ในสถานะที่จะให้เก่งทำอะไรเพื่อเค้าได้ เก่ง เก่งทำตัวเองมาทั้งหมดนะรู้ไหม เขาเป็นใคร ไปรักเขา
เก่ง! เก่ง! อาจารย์เช็คชื่อ เสียงของอาวุธ ณ เวลานี้ทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากภาพความหลังเก่าๆ
มาค่ะ
เป็นอะไร เหม่อเรื่องมาเช้าเรอะ
เปล่าจะว่าไปเขาไม่สนใจเราเลยนะเมื่อเช้าน่ะ เหมือนเราไม่มีตัวตน เรานี่ไม่มีความหมายเลยจริงๆ
อาวุธมองหน้าเก่งแปลกๆพร้อมกับถอนใจระอาก่อนจะหันไปมองอาจารย์หน้าห้อง
เกลียดโชคชะตา เกลียดความบังเอิญ
อาวุธหันขวับมาที่หล่อน หล่อนหันมามองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าหยิบอุปกรณ์การเรียนในกระเป๋าและพูดขึ้น ลิขิตให้เราเจอเขา ทำให้เรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ไม่ทำให้เรารักกัน
โทษโชคชะตา ทุกอย่างมันเกิดเพราะใคร
ปวดหัวใจจัง
ก็เลิกซะสิ
เราผูกเขาติดกับใจจนแน่นไปแล้ว แกะไม่ออกแล้ว
ตอนผูกไม่คิด
แล้ววุธล่ะ ที่ยังคอยมอง บีมอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่ใช่เพราะผูกไม่คิดหรอ
มันไม่เหมือนกันเรารักใคร เก่งรักใคร
ขณะที่เก่งยืนส่งงานให้อาจารย์ตรวจอยู่หน้าห้อง อาวุธยังคงนั่งลอกเพราะทำไม่เสร็จ ตอนนั้นเองที่ธนา เพื่อนต่างคณะของเขา เดินเข้ามาหาในห้อง
อ้าว ไอ้นา ไม่มีเรียนแล้วหรอวะ
เออ เดี๋ยวไปกินข้าวกับมึงด้วยแล้วนี่ ซี้มึงไปไหนล่ะ
ใคร? เก่งน่ะหรอ ส่งงานอยู่นั่น
ธนาหันไปและหันกลับมาก่อนจะเหลียวกลับไปมองอีกครั้งให้ชัดๆ ดูซึมๆนะ
อาวุธหันไปมองตาม เมื่อเช้าน่ะสิ ตอนข้ามถนนมานี่ รถมีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่รถที่จอดให้ข้ามดันเป็นรถของ
อย่าบอกนะว่า
อืม
โห โครตบังเอิญเลย คงเอารถจอด หน้าตึกอ่ะดิ่
คงงั้นมากับแฟนด้วย
ธนาหน้านิ่งๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
มึงไม่น่าให้เบอร์เขา กับเก่งเลย อาวุธหันไปมองหน้าธนา เก่งก็เดินกลับมาพอดี
อ้าวนา ไม่มีเรียนแล้วหรอ
ธนายักคิ้วและยิ้มทักทายหล่อน
เก่งนั่งลงและพูดขึ้น ก่อนไปกินข้าวแวะหอสมุด เอาซีดีไปคืนก่อนดิ่ หนักกระเป๋า ยืมมาหลายวันแล้ว
มณัญญา
เก่ง อาจารย์เรียก อาวุธบอกหล่อน
พอเก่งเดินไปหาอาจารย์ เขาจึงหันไปบอกธนา หรือว่า เพราะความบังเอิญ เก่งถึงยังไม่ยอมเลิกชอบเค้า
บังเอิญ!?
บังเอิญที่ทำให้เก่งเจอเค้า ผูกพันกับเค้ามาเทอมนึงเต็มๆ บังเอิญที่ทำให้เก่งเจอเค้า ในเวลาที่ไม่น่าจะเจอ บังเอิญที่กูรู้จักมึงทั้งๆที่อยู่คนละคณะแล้วมึงก็เป็นเด็กในสังกัดเค้า ทำให้เก่งได้เบอร์ใหม่เค้าจากมึงไง
แล้วไง
เนื้อคู่ไง เก่งต้องคิดอย่างนั้นแน่ๆ
เพ้อเจ้อแล้ว ของมันเป็นไปไม่ได้ก็เห็นๆกันอยู่ ไม่งั้นมึงไม่น่าจะใช่กว่าหรอวะ อยู่ด้วยกันตลอดเวลา
แต่มันบังเอิญเกินไปจริงๆนะ หลายอย่างที่มันทำให้เก่งเจอเค้าในเวลาที่มันไม่น่า 6ปีฉันรู้จักเก่งมาตั้งแต่มัธยม คนนี้แหละที่ดูจะเอาใจมันมาได้หมด สาหัสสากรรจ์สุดๆแล้ว
เวลาผ่านไป อาวุธ เก่งและธนากำลังยืนรอลิฟต์อยู่ภายในหอสมุด เพื่อขึ้นไปยังชั้นเจ็ด เอาซีดีที่เก่งยืมมาไปคืน ตัวเลขหน้าประตูลิฟต์ค่อยๆไล่ลงมาทีละชั้น ทีละชั้น 6, 5, 4, 3, 2, 1 ติ๊งประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นคนข้างในช้าๆทีละคน
เก่ง อาวุธและธนายืนนิ่งเมื่อด้านหน้าของพวกเขา คืออีกหนึ่งความบังเอิญ
รพีภัทรเองก็ยืนอึ้งพอๆกัน ไม่ยอมเดินออกมาจากลิฟต์จนแฟนสาวสะกิด
รพีภัทร ไม่ออกหรอคะ
ครับๆรพีภัทรเดินสวนทั้งสามคนออกไป ดูเหมือนเขาจะมองเก่งซึ่งหล่อนเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมมองเขา
ทั้งสามคนมัวแต่ยืนคาดไม่ถึง จนลืมทำในสิ่งที่ควรทำเมื่อเจอ รพีภัทร
เก่ง! อาวุธเรียกเธอ
ไม่เป็นไรหรอกหล่อนเดินเข้าลิฟต์ไปขณะที่สองหนุ่มจ้องเธอไม่กระพริบ อ้าวไม่ขึ้นหรอ งั้นรออยู่นี่ก็ได้ ไปคืนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ลงมา เก่งกดสวิตปิดประตูลิฟต์ต่อหน้าสองหนุ่ม ประตูค่อยๆปิดภาพใบหน้าของเก่งช้าๆ
ร้องไห้แน่อาวุธพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
ธนาเองก็ถอนใจสงสารบังเอิญ อีกแล้วใช่ไหม
ไม่นานนัก ตัวเลขหน้าลิฟต์ค่อยๆไล่ลงมาอีกครั้ง จนประตูลิฟต์เปิด เก่งเดินออกมาตาแดงกล่ำ อาวุธและธนาไม่ถามอะไรหล่อนแม้แต่คำเดียว
กลางดึกคืนนี้ ขณะที่อาวุธกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาเอื้อมมือหยิบมันมารับสาย
ว่าไงนา
เฮ้ย ! เก่งมันพักอยู่หอไหนวะ เมาเละเลยเนี่ย เดี๋ยวกูจะไปส่ง
มึงพาเก่งไปกินเหล้า
ไม่ใช่เว้ยปากน่าชกจริงมึง บังเอิญเจอกันที่นี่
กูขอโทษ
ยิ่งกว่านั้น บังเอิญเจอคนๆนั้นของเก่งด้วยเสียงธนาสงบลง
อะไรนะ! งั้นมึงรออยู่นั่นก่อนนะ เดี๋ยวกูไปส่งเอง
อาวุธมาถึงก็เดินดิ่งเข้าไปในผับมองหากลุ่มธนาจนเจอและเห็นเก่งนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ ห่างไปสามสี่ที่นั่งเป็นโต๊ะของรพีภัทรกับเพื่อนๆของเขาซึ่งดูเหมือนอาวุธจะคุ้นหน้าดีว่าเคยเดินๆอยู่ในมหาวิทยาลัย
ฉันชักจะเกลียดโชคชะตาพอๆกับเก่งซะแล้วสิอาวุธพึมพำกับตัวเอง
ไอ้วุธ เสียงธนาตะโกนเรียกเขา
อาวุธเดินตรงมา ดึงให้เก่งลุกขึ้นและพยุงลากตัวเข้าไปในห้องน้ำเสียงดังเอ็ดตะโร
เฮ้ยวุธ เบาๆสิวะ ผู้หญิงนะเว้ยเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
รพีภัทรเหลือบตาหันมามองด้วยแววตาเศร้าๆเชิงเป็นห่วง ก่อนจะหันกลับไปยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เพื่อนของเขาเห็นเขาหน้าเครียดๆจึงเอ่ยถาม
เป็นอะไรครับ รพีภัทร ดูเครียดนะ
เซ็งนิดหน่อย
กลับมาในห้องน้ำ
อาวุธมองหน้าเพื่อน แต่ก็ดูไม่ค่อยจะฟังเท่าไรนัก เขาเปิดน้ำจนเต็มอ่างล้างหน้า กดหัวของเก่งลงไปในนั้น เพื่อนคนหนึ่งจะเข้ามาห้ามด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ธนาจึงรั้งเพื่อนคนนั้นไว้
มันรู้จักกันมาตั้งแต่มอปลายแล้ว ปล่อยเหอะ มันเข้าใจกันดีกว่าพวกเรา
แต่เก่งเป็นผู้หญิง
เก่งสำลักน้ำทะลึ่งขึ้นมาไอแค่กๆแทบจะสร่าง
เก่งทำอะไรของเก่ง
ยุ่งอะไรด้วย
จะคิดซะว่าเมานะถึงพูดแบบนั้นออกมา ผู้ชายคนเดียวเก่งเป็นไปได้ขนาดนี้
แต่ผู้ชายคนเดียวที่วุธว่า คือผู้ชายที่เรารักนะสายตาของเก่งมองอาวุธอย่างหยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้า พูดจาก็แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
แต่ก่อน เพื่อนๆเคยชื่นชม ว่าเก่งเก่งสมชื่อ แต่ตอนนี้ เก่งไม่ควรจะใช้ชื่อนี้ด้วยซ้ำ
ก็ไม่อยากใช้นักหรอกเบื่อจัง .เบื่อจะต้องมานั่งเจ็บปวด เจ็บเท่าๆกับที่รัก รักมากแค่ไหน ก็เจ็บมากเท่านั้นเก่งถอนหายใจยาว
ความรักมากๆของเก่ง เค้ารู้ได้แค่ปลื้ม เก่งพอใจหรอ
ไม่พอใจแล้วจะทำอะไรได้
ก็เลิกซะสิ
เราเลิกไม่ได้ เก่งเงียบพูดต่อไม่ได้เพราะไอร้อนผ่าวมันมาจุกแน่นอยู่ตรงลำคอ หัวใจราวกับโดนอะไรกระแทกแรงๆ ทั้งจุกทั้งปวด ทรมาน เก่งกองตัวเองลงกับพื้น มือสองข้างปิดใบหน้า มิดชิด ไม่ช้ามือสองมือก็เปียกชุ่ม
อาวุธ ธนาและเพื่อนๆได้แต่ยืนมองนิ่ง อ้ำอึ้งไปกันหมด
เช้าวันต่อมา อาวุธเดินเข้ามาในห้องเรียนเห็นเก่งนั่งหน้านิ่ง สายตามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง จึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆแล้วเก่งก็พูดขึ้นมาไม่มีปีไม่มีขลุ่ย
วันนึงไม่ช้าเราจะทำให้วุธเห็น ให้เขารู้ เราให้เขาได้ กระทั่งชีวิต
อาวุธหันขวับมามองหน้าเพื่อนสาว คิดจะทำอะไร
เก่งเห็นหน้าอาวุธเหวอๆก็สำลักหัวเราะร่วน ทำไมทำหน้าแบบนั้นคิดว่าเราจะฆ่าตัวตายหรอ
เก่ง!อาวุธเสียงอ่อน
เราไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ รู้จักกันมาตั้งหกปี รู้จักเราแบบนั้นหรอวุธ
ตกบ่ายเก่งกับอาวุธกำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อไปเข้าห้องเรียน บังเอิญรพีภัทรเดินลงมาเห็นพวกเขาเข้าพอดี รพีภัทรมองหน้าเก่ง เก่งเองก็เผลอจ้องตาเขาอย่างลืมตัว พอตั้งสติได้จึงหลบสายตาเขาลงมา
ธนาเดินตามหลังรพีภัทรลงมาพอดี เห็นเข้า ก็ทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะเดินเข้าไปหาอาวุธและพูดขึ้นเบาๆ โชคชะตา เล่นตลกกับเก่งอีกแล้ว
ว่าไงครับ เดี๋ยวนี้เจอกันไม่ทักกันเลยนะ รพีภัทรพยายามทักทายให้เป็นปกติ
ใครไม่ทักใครกันแน่ครับอาวุธพูดเชิงแซว
รพีภัทรหัวเราะหึหึ ต่างฝ่ายก็ต่างอึดอัด ทุกคนก็มองกันออกว่าต่างฝ่ายก็ต่างฝืน
ว่าไงครับเก่ง ไม่ได้คุยกับเก่งนาน ผมกินข้างไม่ลงเลยนะ ทำไมคุณไม่ค่อยพูดกับผมเลยรพีภัทรพูดทีเล่น พยายามทำกับเธอเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆ
หรอคะเธอพูดแค่นั้น
คุณเปลี่ยนไปเยอะนะ
เก่งเงียบไปครู่ก่อนจะพูดพร้อมกับจ้องหน้าเขา ไม่หรอกค่ะ หนูไม่เคยเปลี่ยน
รพีภัทรจ้องตาเก่งอึ้งๆ จอดสนิทที่เก่งกล้าพูดแบบนั้น เขารู้ดีว่าเก่งหมายถึงอะไร
รพีภัทรเสียงหวานๆนี้ทำให้เก่งก้มหน้าถอนใจ เมื่อแฟนสาวของรพีภัทรกำลังเดินขึ้นมาหาเขา
อาวุธเห็นท่าไม่ดีเลยตัดบทลาทุกคนอ้างว่าเลยเวลาเรียนแล้ว ก่อนจะดึงเก่งขึ้นไป พอพ้นสายตารพีภัทรไม่ทันไร น้ำตาเก่งก็ไหลพราก หล่อนดึงแขนออกจากมืออาวุธแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับน้ำตา
ธนาเดินเข้ามาใกล้ๆรพีภัทรและถามขึ้น รู้ใช่ไหมครับ คนที่โทรไปหา กับเจ้าของข้อความฝันดีนะคะ ทุกคืนทุกคืน
รพีภัทรเบนหน้าหลบ
ผมถือว่ารู้นะครับ ทำหน้าแบบนี้ เฉยๆไปดีกว่าครับ ทำอะไรไปมากก็ให้ความหวังเขาเปล่าๆ เพื่อนผม เค้าเป็นคนคิดอะไรง่ายๆ
ดูเหมือนเก่งจะไม่ยอมเข้าห้องเรียนเป็นแน่แล้ว หล่อนยืนร้องไห้อยู่หน้าประตูห้อง เพียงแค่มีใครเปิดออกมาก็เห็นเต็มๆ
เก่ง
เราอยากเจอเขานะ อยากเห็นหน้า แต่ถ้าต้องเจอแบบนี้ เราขอไม่เจอดีกว่า
อาวุธยืนมองเก่งสะอื้นไห้ คล้ายจะชินชาเสียแล้วกับภาพแบบนี้ แต่ความสงสารไม่เคยชาชินหัวใจเขา เก่งดูจะหนักขึ้นทุกวัน ทุกวัน เขาหมดคำปลอบโยนที่จะใช้กับเก่ง ได้แต่ยืนเป็นเพื่อนอยู่ตรงนั้น เก่งเจ็บเท่าๆกับที่รักอย่าสงที่เธอเคยพูดเอง ความรัก ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้รักให้ตายก็เป็นไปไม่ได้
ตกเย็นหลังจากส่งงานอาจารย์เรียบร้อย เก่งกับอาวุธเดินลงมาจากตึกคณะนิเทศศาสตร์ก็เจอรพีภัทรกับแฟนสาวเดินข้ามถนนมาเอารถที่จอดอยู่หน้าตึก
ทั้งคู่มองตากันปริบๆในระยะไกลๆ
อาวุธถอนใจกับโชคชะตาที่เกิดขึ้นกับเก่งอีกครั้ง ขณะที่เก่งจ้องภาพเบื้องหน้าอย่างเจ็บปวด
พี่วุธ พี่วุธเสียงรุ่นน้องเรียกอาวุธ ทำให้อาวุธต้องยืนคุยกับพวกน้องๆที่เข้ามาปรึกษาเรื่องงานของคณะโดยที่เก่งยังคงเดินเรื่อยมา
หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและกดโทรออก
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงรพีภัทรดังขึ้น นั่นไม่ต้องสงสัยว่าใครโทรเข้ามา เพราะเขาเห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาถอนใจก่อนจะรับสาย
ครับ
ที่ทำไม่หวังอะไรทั้งนั้นเสียงเก่งโรยอ่อน
แฟนสาวของรพีภัทรดูจะไม่รู้ว่าเขาคุยอยู่กับ คนที่กำลังจะเดินสวนกันในอีกไม่กี่ก้าวข้างหน้า
คุณ!รพีภัทรพูดไม่ออก
เก่งไม่มองหน้าเขา ปากกพูดแต่ตามองตรงไปข้างหน้าไร้จุดหมายแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจ้องหน้าเธออย่างไม่ละสายตา ทั้งคู่ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา และสวนกันในที่สุด
แค่อยากพูดมันสักที อยากพูดว่ารัก รักคนชื่อรพีภัทร ชำนาญพงษ์
รพีภัทร หยุดชะงักทันทีจนแฟนสาวหยุดตาม ขณะที่เก่งยังคงเดินตรงไปยังถนน
เก่ง อาวุธอุทานขึ้นเบาๆเมื่อเห็นเก่งเดินไป กลัวว่าห่อนจะข้ามถนนไม่ดูรถอีก และเขาก็ฉุดคิดถึงคำพูดของเก่งขึ้นมาเมื่อตอนลงลิฟต์มาสิบนาทีที่แล้ว
ทำยังไงถึงจะหยุดโชคชะตาได้
อาวุธหันมองแววตาหม่นๆของเก่งในตอนนั้น เธอพูดต่อ
เพื่อที่โชคชะตา จะไม่ต้องเล่นตลกกับเราอีกต่อไป
รพีภัทรยังค้างโทรศัพท์ไว้หู ขณะที่อาวุธตะโกนเรียกชื่อเก่งสุดเสียง
ขอพูดมันเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว ครั้งสุดท้าย
สิ้นเสียงเก่งรพีภัทรหันหลังขวับไปมองหล่อน
เอี๊ยด.โครม
เสียงนั่นชัดเจนอยู่ที่หูข้างซ้ายของรพีภัทร ก่อนจะกลายเป็นเสียง ตื๊ด.. ตื๊ด.. ตื๊ด.. ตื๊ด.. ตื๊ด..
THE END