14 มิถุนายน 2548 11:18 น.
ร. อินทนิล
ผมนั่งมองหน้าชาลีอยู่นานจนเธอเงยหน้าขึ้นมาผมก็ต้องหลบเฉไฉแกล้งมองไปทางอื่น เธอคงรู้ตัวและนึกแปลกใจถึงได้ถามผมขึ้นมา
มองอะไร เสียงเอาเรื่องนี่คุ้นหูผมมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนจะจบปีสี่ เสียงนี้ก็ไม่เคยหายไปจากชีวิตผม แต่ก็ไม่แน่ ในไม่ช้า เสียงใกล้ตัวเสียงนี้อาจจะอยู่ไกลตัวผมออกไป
มองบ้าอะไร ฉันยังไม่ได้มองแกเลย ผมพูดจบพลางกลบเกลื่อนด้วยการลุกออกไปซื้อน้ำดื่ม
ชาลีกับผมเป็นเพื่อนสนิทกันมานี่ก็เข้าปีที่สี่แล้ว ผมเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แม้ว่าชาลีจะเป็นเพื่อนที่ผมรู้สึกว่ารักมากที่สุดแต่ผมก็ทำกับเธอเหมือนกับที่ทำกับเพื่อนคนอื่นๆ จนวันที่ผมรู้สึกว่ากำลังจะเสียเธอไป ช่วงนี้ผมดูเงียบไปถนัดตาจนหลายคนถาม ผมก็อ้างนู่นอ้างนี่ไปเรื่อย
แล้วไอ้เด็กวิศวะหวานใจแก ไม่มานั่งกับแกหรอวันนี้ ผมถามกวนๆเมื่อกลับมานั่งที่พร้อมขวดน้ำในมือ
ทำไม ร้อยวันพันปีไม่เห็นถามถึง
ร้อยวันพันปีอะไร มันเพิ่งจีบแกได้ไม่ถึงเดือน นี่แหละเหตุผลที่ทำให้ผมซึมลงในช่วงหลังๆ นี่ขนาดชาลีบอกว่ายังไม่ได้คบกันก็ยังมานั่งคุย รอกันไปรอกันมาทุกวัน แล้วคิดดูเถอะวันที่ทั้งคู่คบกันขึ้นมา อะไรมันจะเกิด ผมจะเหลือใคร
เทนไม่ใช่หวานใจฉันซะหน่อย
อย่ามาพูดเลย
แกว่าฉันจะคบกับเค้าดีไหมวะ
มันก็เรื่องของแก
แกว่าเทนเป็นไง
นี่ไอ้ยิ้ม ไอ้เนม จอย เปรมไปไหนกันหมดวะ จะถึงเวลาเข้าเรียนอยู่แล้วยังไม่มากันอีก
เฮ้ย วีย์แกอย่าเปลี่ยนเรื่องสิวะ
ผมนิ่งไปครู่ มันก็อยู่ที่แก ถามฉันได้ไง แกชอบมันรึเปล่าล่ะ
ก็หล่อดีนะเว้ย นิสัยก็ดี ถึงจะกวนๆไปนิดก็เหอะ
ก็ชอบมันใช่มั๊ย ผมมองหน้าชาลีซึ่งเงียบไป ผมเลยตัดสินใจพูด ก็คบไปสิ
ชาลียังคงเงียบ
แกจะลังเลอะไร ก็ไม่ได้ชอบใครอยู่ไม่ใช่เรอะ สิ้นคำถามนี้ผมได้ยินเสียงชาลีถอนหายใจออกมาเบาๆ
งั้น ฉันจะคบกับเทนนะ
นั่นทำผมหัวใจเต้นรัว รู้สึกเลยว่าหน้าซีดเผือด ไปขึ้นเรียนเหอะ ป่านนี้ไอ้พวกนั้นคงอยู่บนห้องกันแล้ว
วันต่อมาผมเดินเข้าห้องเรียนด้วยเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยแผลและรอยฟกช้ำ
ชาลีหันมาเห็นผมจึงร้องทัก ไปโดนใครกระทืบมาวะ
กระทืบบ้าอะไร รถล้ม
ขับอีท่าไหน
ก็ขับดีดีนี่แหละ มันเฉี่ยวฉัน ผมตอบยั้วะๆ น้ำเสียงชาลีดูไม่ห่วงผมเลยซักนิด
เจ็บมากอะดิ่ ไปหาหมอมายัง เสียงชาลีดูอ่อนลง เมื่อหน้าผมนิ่งไป
เออ หาแล้ว วันนี้ฉันรีบกลับนะ
ฉันก็ว่าจะไปเดินเล่นกับเทนอยู่เหมือนกัน
ผมชะงักไป ใจเต้นแรงอีกครั้ง จะไม่ถามฉันสักคำหรอว่าฉันจะไปไหน
ชาลีหันมามองหน้าผม
ช่างเถอะ ผมพูดปัดๆไปเมื่อเห็นเธอทำหน้าแปลกๆ
พอเลิกเรียนก่อนที่เราจะแยกย้ายไปกันคนละทาง ชาลีเดินเข้ามาหาผม
แล้วแกจะไปไหน หน้าของชาลีดูนิ่งลงกว่าเมื่อเช้า
ไม่ได้ไปไหนหรอก กลับบ้าน
ชาลีสบตาผมหน้าซึมๆ แกไม่พอใจอะไรรึเปล่า
ไม่นี่อะไรกัน ทำหน้าให้เหมือนคนกำลังจะไปเที่ยวกับแฟนหน่อยดิวะ
ชาลียิ้มๆ
ไปแล้วไปแล้ว แม่ฉันรออยู่ ผมพูดพลางเดินออกมา
ป่านนี้ชาลีคงเดินเล่นกับเด็กวิศวะที่ชื่อเทนอย่างมีความสุขตามประสาคนเพิ่งคบกัน ผมไม่ได้กลับบ้านหรอก ที่ที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้เป็นที่ที่ผมใช้ระบายความรู้สึกไม่ดีมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โกรธ เครียด ผิดหวัง เสียใจ เจ็บ เหงา เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เวลาที่หงายหลังนอนลงไปกับพื้นหญ้านุ่มๆก็จะเห็นท้องฟ้าสีสดใส เมฆขาวๆที่ทำให้ผมคลายความรู้สึกเหล่านั้นลงจนกระทั่งมันหายไปแล้วถึงลุกขึ้นยืนรอตั้งรับกับมันไหม่อีกครั้ง
ผมยังไม่เข้าใจตัวเองเสียด้วยซ้ำนี่ผมหวงเพื่อนหรือคิดกับมันเกินเลยมากกว่านั้น เมื่อไหร่กันที่ผมรู้สึก กว่าจะรู้ว่าใครสักคนมีค่าแค่ไหนในชีวิตเรา ทำไมต้องเสียเขาไปซะก่อน นี่ผมเรียกว่ามันมีค่าในชีวิตผมเลยหรือนี่หรือ ที่เรียกว่า สาย
หรือผมไม่ยอมรับความจริง แต่ความจริงบางอย่างก็พูดไม่ได้ไม่ใช่หรือ หากความจริงบางประการต้องทำให้คำว่าเพื่อนทลายลง ผมเลือกที่จะหนีความจริงข้อนั้น
ผมสะดุ้งตื่นจากพะวงขณะกำลังทบทวนทุกๆอย่าง จากเสียงเรียกที่ไม่คุ้นหูผมเลย
พี่วีย์
ผมหันหลังไปตามเจ้าของเสียง เห็นเด็กสาวรุ่นๆวิ่งตรงลงมา ผมเห็นหน้าเธอชัดขึ้นเมื่อเธอเข้ามาใกล้ แก้ม
พี่วีย์จำได้ด้วยเรอะ แม่พี่ยังจำแก้มไม่ได้เลย แก้มบุกเข้าไปในบ้านมา แม่พี่คิดว่าแก้มเป็นขโมยซะอีกแหนะ
ขโมยอะไรน่ารักขนาดนี้
แน่ปากหวานไม่เปลี่ยนเลย แก้มกลับมาอยู่กรุงเทพแล้วนะ กลับมาอยู่เป็นเพื่อนบ้านพี่เหมือนเมื่อสิบปีที่แล้วไง หล่อนส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
แก้มเคยเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆซึ่งอยู่บ้านติดกับผมเมื่อสิบปีที่แล้ว เป็นคู่ซ้อมฟุตบอลให้ผม มานั่งรอผมกลับมาจากโรงเรียนจนมืดค่ำ แอบไปดูผมเตะบอลที่โรงเรียนจนผมต้องเอาเธฮแบกหลังกลับมาทุกครั้ง เธอย้ายไปอยู่เชียงรายในวันที่ผมรู้ตัวว่าความประทับใจได้กลายเป็นความรัก รักจากเด็กชายแรกชั้นมัธยมกับเด็กหญิงอายุเก้าขวบ ผมไม่เจอเธอเลยนับแต่วันที่เธอจากไป ตอนนี้ แก้มเป็นสาวเต็มตัว พกพาดวงตาคมกลมโตเป็นเสน่ห์ดึงใจใครที่พบเห็นได้อยู่หมัด
ไม่เจอกันนาน แก้มเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ตัวสูงขึ้นมากเลย
สวยด้วยใช่ม้า แก้มจิกตาจ้อง จนผมต้องหลบ นี่ผมลืมเรื่องชาลีไปเลย พอนึกขึ้นได้ก็ซึมลงไปจนแก้มเอ่ยทัก
เป็นอะไร มีเรื่องไม่สบายใจแน่เลย หน้าหมองๆ
ผมมองหน้าใสใสนั่นอย่างเอ็นดู
วันนี้อาจารย์นัดสอบเก็บคะแนน เพื่อนๆเลยมากันเต็มห้องไม่มีใครกล้าโดด ผมนั่งสอบโต๊ะติดกับชาลี ทำไม่ได้อะไรยังไง มีชาลีอยู่ใกล้ปลอดภัยจากศูนย์เสมอ แต่แปลกอยู่อย่าง วันนี้ชาลีไม่นั่งอมยิ้มทำข้อสอบเหมือนเคย จะว่าทำไม่ได้ก็ไม่ใช่ เขียนเอาเขียนเอาอย่างกับเปิดหนังสือลอก แล้วเกิดอะไรขึ้น
เป็นอะไรหน้ายุ่งๆ ผมถามเธอหลังจากสอบเสร็จ
เปล่า วันนี้ดูแกอารมณ์ดีจังนะ
มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนมี
ฉันบอกเลิกเทนไปแล้ว
อ้าวทะ ทะไมซะล่ะ ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจังหวะเวลาและสิ่งที่กำหนดโชคชะตาของมนุษย์
ขณะที่ตัวฉันอยู่กับเทน แต่ใจฉันคิดถึงแก
ผมจ้องหน้าชาลีอึ้งๆ ทำไมน่าจะเร็วกว่านี้สักนิด สักนิดเท่านั้น
พี่วีย์เสียงใสใสแผดดังมาจากข้างหลัง
ชาลีเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อมองเจ้าของเสียง แล้วแก้มก็มายืนข้างๆผม
เพื่อนพี่วีย์หรอ
อืมชาลีนี่แก้มเด็กหญิงในความทรงจำที่เราเคยเล่าให้ชาลีฟัง
ชาลีถอนใจออกมาเบาๆ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เพียงแต่ยิ้มให้อ่อนๆ
วันนี้ เด็กหญิงคนนั้นกลับมาแล้ว ผมสำทับชาลี
เออ ดีใจด้วยนะ ชาลียิ้มยินดีให้ผมก่อนจะเดินไปกับกลุ่มเพื่อนๆ ผมหรือจะดูไม่ออก สามปีที่อยู่ด้วยกันมา รอยยิ้มของชาลีทำให้เพื่อนสบายใจเสมอ มีรอยยิ้มนี้นี่แหละ ที่ทำให้ผมลำบากใจและเป็นห่วง สุดท้าย ผมเชื่อว่า ชาลีจะกลับไปนอนหงายหลังบนหญ้านุ่มๆ มองท้องฟ้าสีสดใสและก้อนเมฆสีขาว ที่ที่เธอใช้ระบายความรู้สึกไม่ดีมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โกรธ เครียด ผิดหวัง เสียใจ เจ็บ เหงา เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เพื่อคลายความรู้สึกเหล่านั้นลงจนกระทั่งมันหายไปแล้วถึงลุกขึ้นยืนรอตั้งรับกับมันไหม่อีกครั้ง พร้อมกับทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
16 พฤศจิกายน 2547 18:36 น.
ร. อินทนิล
น้อยคนที่รู้ว่าเพื่อนมีค่ามากแค่ไหน
ฉันไม่แน่ใจว่า ฉันรู้แล้วหรือยัง
รู้แต่ว่าชีวิตนี้
ขอเพียงมีเพื่อนแล้ว
ฉันยิ้มได้
น่าจะเพียงพอ
หลายครั้งที่เพื่อนทำให้เสียใจ
แต่ก็เป็นเพียงคำว่าเสียใจเท่านั้น
ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนรู้สึกและลึกซึ้งกับคำนี้แค่ไหน
ไม่รู้ว่าต้องเจ็บเพราะคำๆนี้ไปจนเมื่อไหร่
ใครอาจไม่แคร์
ฉัน...อาจไม่เข้าใจใคร
เพื่อนคือคนที่อยู่กับฉันในช่วงหนึ่งของชีวิต
วันนี้ถึงฉันต้องตาย
ก็ไม่เสียใจ...
11 กันยายน 2547 16:12 น.
ร. อินทนิล
ตอนที่ 5
ขณะที่ชลธีกำลังสอนอยูนั้น ปรากฏว่าวันนี้นักศึกษาคุยกัน ไม่มีสมาธิจะเรียนกันเลยแม้แต่น้อย กระทั่งรักเดียวก็เป็นไปกับเขาด้วย หล่อนนั่งจ้ออยู่กับชมพูไม่เป็นอันเรียน และทุกคนก็พลอยทำให้เขาไม่มีสมาธิสอนไปด้วย
สนใจผมหน่อยได้ไหม ครับผมน้อยใจนะคุณ นี่คือวิธีเรียกความสนใจจากนักศึกษาตามแบบฉบับของเขา
สามสาวพราวเสน่ห์เห็นอาจารย์เล่นจึงเล่นกลับ
อาจารย์อายุเท่าไหร่แล้วคะ ทำไมขี้น้อยใจจังน้ำเสียงของ
หยา ทำให้รักเดียวช้อนตาขึ้นมองเขา จังหวะเดียวกับที่ชลธีหันมาทางหล่อนก็สบตากันพอดี แต่รักเดียวพยายามหลบตาเขาด้วยการเปลี่ยทิศทางการมองไปมองจอสไลด์ที่ชลธีใช้สอน
ผมแก่แล้ว คุณไม่ควรจะถามอายุผมเลยนะ เขาพูดอมยิ้ม
ถามจริงๆอาจารย์หนูอยากรู้ว่าเราห่างกันกี่ปีปุ๊กเสริม
ชลธีหัวเราะหึหึ ถ้าผมบอกไปคุณช่วยตั้งใจเรียนกันหน่อยได้ไหม
ไม่มีปัญหาค่ะไผ่ยืนยัน
ยีบแปด ชลธีพูดเสียงเบาๆทำท่าเขินๆ จนทุกคนหัวเราะที่เห็นเขาอายๆไม่อยากจะตอบ รักเดียวแอบอมยิ้มมองหน้าเขาเขาเห็นเข้าคราวนี้จึงเป็นฝ่ายหลบหน้ารักเดียวซะเอง ชมพูเห็นอาจารย์หันหลังไปจึงกระซิบบอกเพื่อน
ห่างกันแปดปีเชียวนะรัก
ไม่เกี่ยวกับฉันนี่
ชมพูมองรักเดียวด้วยความหมันไส้เธอซะเต็มประดา
อาจารย์มีแฟนรึยังคะไผ่ยิงคำถามต่อเห็นว่ามีโอกาส
ยังครับยัง นี่คุณ มันจะมีในข้อสอบไหมเนี่ยที่คุณถามผมมาแต่ละอย่างน่ะ
พวกนี้นี่ใจกล้ากันจริง ชมพูหันมากระซิบบอกรักเดียว
ผมเห็นอาจารย์ควงใครที่เซลทรัลเมื่อวันก่อนอยู่นี่นาบอมอำ
เฮ้ยจริงหรอ คุณเห็นผิดคนแล้ว ไม่มีนะผมไม่มีแฟนจริงๆ คุณอย่ามาอำผมเลย
รักเดียวช้อนตาขึ้นมองเขาเป็นพักๆ
ปณิตามายืนดักรอพิมพ์วนาอยู่หน้าห้องพัก กระทั่งหล่อนเดินมา เธอจึงคว้าแขนเพื่อนและเดินออกมาจากตรงนั้น
คุยกันหย่อยสิพิมพ์ ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ วินอยู่ข้างใน ฉันกลัวเขาจะได้ยิน
มีอะไรณิตา ทำไมต้องกลัววินจะได้ยินด้วยล่ะ
วินเขาปณิตาถอนหายใจมาเฮือกใหญ่ ช่างเถอะมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันซักหน่อย ไปก่อนนะอีกสิบห้านาทีฉันมีสอนหล่อนบอกพิมพ์วนาเสียงอ่อนๆและเดินออกไป ปล่อยให้พิมพ์วนายืนงงอยู่อย่างนั้น อะไรของเขา
ปณิตาเดินไปก็พลางนึกถึงคำพูดของชีวินที่เขาบอกหล่อนเมื่อวานนี้ ผมไม่คิดว่าจะมีใครกล้าปฏิเสธพิมพ์เพราะไม่รักหรอก ไม่มีแน่นอน. อะไรของเขานะชอบพูดอะไรที่มันเข้าใจยากซะจริงหล่อนรำพึงรำพันอย่างใจลอย เดินก้มหน้าก้มตาไปสอนอย่างไม่สนใจใครกระทั่งชนกับผู้ชายคนนึงเข้า
ขอโทษค่ะอ้าวคุณภาค
ใจลอยไปถึงไหนครับณิตา ภาคภูมิแซวหล่อน
ชลธีเดินมาหาชีวินที่โต๊ะทำงาน เห็นหน้าตาเพื่อนดูบอกบุญไม่รับจึงทักเขา
เป็นอะไรดูเครียดๆ
เปล่า แกมีอะไร
แกคุ้นเบอร์นี้รึเปล่า ชลธียื่นโทรศัพท์มือถือให้เขา
ไม่นี่ทำไมหรอ
เขาส่งข้อความมาให้ฉันเมื่อคืน เปิดดูดิ่
ฝันดีนะคะ ใครวะ
ไม่รู้เหมือนกัน
ไม่โทรกลับไปล่ะ
โทรไปก็ปิดเครื่อง เมื่อเช้าลองโทรไปอีกทีก็ไม่ยอมรับสาย
ใครคงแอบชอบนายล่ะมั้ง
อยากรู้ว่าเอาเบอร์ฉันมาจากไหน
หววังว่าคงไม่ใช่นักศึกษานะ มีทุกปีเลยนี่แกน่ะ
แต่ไม่เคยมาเป็นแมจเสจแบบนี้นะ ฉันไม่เคยให้เบอร์นักศึกษาด้วยถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น
พิมพ์วนาแอบได้ยินอยู่หลังฉากกั้นก็เดินซึมกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ด้านภาคภูมิกับปณิตายังคงนั่งคุยกันอยู่ข้างๆตึกที่ปณิตามีสอน
วินมันบอกเธอว่าอย่างนั้นหรอ ภาคภูมิถามหลังจากฟังหล่อนเล่าเรื่องที่เธอรู้มา
อืมฉันไม่เข้าใจเลย ไม่มีใครปฏิเสธพิมพ์เพราะไม่รัก ถ้ารักแล้วจะปฏิเสธทำไม
ณิตาเคยรักใครที่รักไม่ได้รึเปล่าล่ะ นั่นแหละคือเหตุผล ถึงรักมากแค่ไหนก็ต้องบอกว่าไม่รัก
ที่วินพูด ฉันก็งงพอแล้วนะ ฟังคุณพูดยิ่งงงไปใหญ่
คุณมีสอนไม่ใช่หรอภาคภูมิพูดตัดบท
จริงสิ เลยมาห้านาทีแล้ว ฉันนี่แย่จัง งั้นฉันไปก่อนนะ
เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังวันหลัง
ปณิตาจ้องหน้าภาคภูมิแปลกๆก่อนจะพูดขึ้น
ฉันนึกอยู่แล้วว่าคุณต้องรู้ สัญญาแล้วนะหล่อนทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป
โดมนั่งเขียนรายงานอยู่ จู่ๆปากกาก็ดันหมึกหมดเขาจึงหันไปถามรักเดียว
มีปากกาไหมรัก
ในกระเป๋าน่ะ หาเองนะ เดี๋ยวเอางานไปส่งอาจารย์ก่อนรักเดียวเดินออกไป โดมหยิบกระเป๋ารักเดียวมาหาปากกาแต่สิ่งที่เขาเห็นก่อนปากกาก็คือลูกอมที่ชลธีให้มา มันทำให้เขามีสีหน้าแปลกๆไป
ภาคภูมิขึ้นมาหาชลธีกับชีวิน พอทั้งสองเห็นเขาจึงทักทาย
ยังอยู่อีกหรอชีวินแซว
ไหนบอกจะช่วยหาไง
ยังไม่เจออีกหรอชลธีถาม
ยัง นี่ฉันไปมาทุกคืนเลยนะ รู้สึกมันริบหรี่ยังไงไม่รู้สีหน้าภาคภูมิดูผิดหวัง
ชลธีหันไปมองหน้าชีวินรู้สึกเห็นใจภาคภูมิด้วยกันทั้งคู่ ชีวินจึงเดินมาตบไหล่เขาเบาๆ
อย่าเพิ่งท้อดิ่ ฉันเอาใจช่วย
ใครบอกฉันท้อ ภาคภูมิหันมายิ้มกริ่ม เขาไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง ฉันไม่เลิกตามหาเขาหรอก
ชิ เห็นทำหน้าเศร้าๆไอ่เราก็หลงเป็นห่วง ฉันไม่น่า
ขอบใจนะ
ชีวินนิ่งไปที่จู่ๆภาคภูมิก็พูดคำนี้ขึ้นมา
ฉันดีใจนะถ้าแกจะจริงจังกับใครซักคนขึ้นมาจริงๆซะที ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน ชื่ออะไรก็ตามชลธีพูดซึ้งๆแต่มันก็ฟังดุแปลกๆชอบกล
ตอนนั้นเองรักเดียวเอางานขึ้นมาส่งชลธีแต่ทั้งสามคนอยู่ที่โต๊ะของชีวินภาคภูมิจึงคลาดกับเธออีกครั้ง
อ้าวอาจารย์ไม่อยู่หรอเนี่ย หล่อนวางชีสท์แบบฝึกหัดของตัวเองและเพื่อนลงก่อนจะเดินออกมา สามหนุ่มก็เดินออกมาเช่นกันแต่รักเดียวเดินออกจากประตูไปแล้ว ชลธีแวะเข้ามาเก็บของในห้องของตัวเองก่อนจะออกไป เห็นกองเอกสารจึงพูดขึ้นมา อ้าวเด็กเอางานมาส่งตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ลืมไปเลย
ภาคภูมิกับชีวินยืนรอเขาอยู่ ชีวินจึงบอกเขาตอนแกอยู่ห่องฉันล่ะมั้ง
* * * * * * * *
ชลธีเดินเตร็ดเตร่อยู่ในห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก บังเอิญเจอกับพิมพ์วนาเข้า ทั้งสองหยุดชะงักมองหน้ากันไกลๆก่อนจะเดินเข้ามาหากัน
วินไปไหนล่ะ ทำไมมาเดินคนเดียว
ก็เห็นบอกจะไปตามหาใครกับภาคภูมิ ทีไม่ได้ไปกับพวกเค้าหรอคะ
ผมต้องเขียนแผนการประชุมสำหรับพรุ่งนี้ เลยมาหาซื้อหมึกปริ๊นส์ที่นี่ รู้สึกคืนนี้ต้องพิมพ์เอกสารเยอะ แล้วพิมพ์มายังไงครับ
มากับณิตาค่ะ
อ้าวแล้วนี่ ณิตาไปไหน
น้องเขาโทรมาตามเห็นบอกว่าแม่เป็นลม พิมพ์ก็เลยบอกให้เค้ารีบไปเดี๋ยวพิมพ์กลับรถเมล์เอง
เดี๋ยวผมไปส่งแล้วกัน
งั้น ให้พิมพ์ไปช่วยคุณพิมพ์เอกสารที่บ้านคุณก่อนได้ไหมคะ พิมพ์อยากเจอแม่คุณด้วย ไม่ได้เจอนานแล้ว
ชลธีตัดสินใจอยู่นาน ไม่กล้าตัดสินใจอะไรออกไป
นะคะ
ครับ
* * * * * * * *
พอถึงบ้านชลธี สายชลก็ต้อนรับขับสู้พิมพ์วนาอย่างเป็นกันเอง ชลธีมองเห็นก็ยิ้มพอใจ แม่ของเขาพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบเธออย่างสนิทปาก
แล้วนี่ทานข้าวเย็นกันมารึยัง สายชลถาม
ก็กะว่าจะมาฝากท้องกับฝีมือคุณแม่นี่แหละค่ะ
อื้มไม่มีปัญหาจะ น่าจะชวนวินเค้ามาด้วยนะที แม่ไม่ได้เจอเค้านานแล้ว
ชลธีกับพิมพ์วนามองตากันปริบๆ เมื่อได้ยินสายชลพูดเช่นนั้น
ตกดึกขณะที่ชลธีกำลังขับรถไปส่งพิมพ์วนาอยู่นั้น เสียงเตือนข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาอ่านและยิ้มเล็กๆ พิมพ์วนาหันไปเห็นเข้าก็หน้านิ่งๆไป นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่เห็นชลธียิ้มแบบนี้
* * * * * * * *
รักเดียวนั่งยิ้มมองโทรศัพท์มือถือของเธออยู่ในห้องอย่างสุขใจ
* * * * * * * *
ชีวินนั่งอยู่ในรถขณะที่ภาคภูมิกำลังขับอยู่
แวะไปบ้านพิมพ์แป๊บนึงได้ไหม ไหนๆก็ทางผ่าน
อะไรกันคิดถึงจนทนไม่ไหวเลยรึไง
เปล่า ฉันลืมเอกสารไว้ในแฟ้มของพิมพ์ลืมเอาออกมา
ได้ได้
รู้งี้เอารถมาเองดีกว่าจะได้ไม่ต้องกวานแก
กวนอะไรกัน ฉันเป็นคนชวนแกให้ออกมาเป็นเพื่อนตามหาเธอคนนั้น ฉันต่างหากที่กวนแก อย่าพูดเหมือนฉันไม่ใช่เพื่อนแกหน่อยเลย
* * * * * * * *
ชลธีจอดรถหน้าบ้านพิมพ์วนา เวลาเดียวกับที่ภาคภูมิก็ขับรถมาในทางตรงกันข้าม ชีวินเห็นไกลๆจึงบอกให้ภาคภูมิจอดรถ ซึ่งอยู่ห่างไกลพอที่ชลธีจะไม่สังเกตเห็น
ดับไฟหน้ารถซะ ชีวินบอกเพื่อน
ไม่มีอะไรหรอกภาคภูมิพยายามจะทำให้ชีวินมองในทางที่ดี
ชลธีเดินออกมาเปิดประตูรถให้ พิมพ์วนาก็เดินลงมา เท่านั้นเองชีวินจึงบอกกับภาคภูมิ
กลับเถอะ ขับสวนไปเลย
ฉันว่าแกอย่าเพิ่งคิดมากดีกว่านะวิน แกน่าจะเชื่อใจทั้งพิมพ์แล้วก็ไอ้ที คนนึงก็เพื่อน คนนึงก็แฟน
แกน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดดีนะภาค
ภาคภูมิเปิดไฟสูงเพื่อกลบตาชลธีไม่ให้เห็นรถเขาขณะที่ขับสวนไป และมันก็เป็นผลชลธีรู้สึกแสงนั่นเข้าตาจนแสบจึงหลบตาไม่มอง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาคนที่ส่งข้อความให้หลังจากที่พิมพ์วนาเข้าบ้านไปแล้ว และค่อยๆเคลื่อนรถขับกลับบ้าน
* * * * * * * *
รักเดียวนั่งมองโทรศัพท์ขึ้นชื่อชลธีเมื่อเขาโทรเข้ามาโดยไม่ยอมรับสาย ยิ้มปลื้มอกปลื้มใจอย่างกับว่าเขาจงใจจะโทรหาเธอ ทั้งๆที่เขาโทรมาเพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร
* * * * * * * *
11 กันยายน 2547 15:53 น.
ร. อินทนิล
ตอนที่ 4
จะได้เจอไหมน้าวันนี้ไม่มีเรียนการตลาด โดมมาถึงมหาวิทยาลัยก็แซวรักเดียวเป็นอันดับแรก
หล่อนหันมาทำตาค้อนๆก่อนจะทักพวกเขา ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะสองคนนี้
เมื่อคืนเราไปค้างบ้านไอ้โดมมา แม่โดมยังถามถึงเธออยู่เลย เราก็เลยบอกว่ารักสบายดี
แล้วเมื่อกี๊อะรโดม เจอใคร อะไรการตลาด
คิดเอาเอง
นี่ยังคิดว่าฉันชอบอาจารย์อยู่อีกหรอ
ดูง่ายจะตายของแบบนี้ แล้วนี่พูยังไมามาหรอ
จะว่าไป น่าหมันไส้เหมือนกันนะ อาจารย์ชลธีน่ะบอมพูดให้รัก
นี่นี่ เค้าเป็นอาจารย์ ดูพูดเข้า
ว่าไม่ได้เลยนะโดมหยอก
อะไรกันพวกนี้นี่ เค้าเป็นอาจารย์นะ ฉันจะคิดอะไรได้
ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แต่ว่าทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน
ปณิตาเดินมาหาพิมพ์วนาที่โต๊ะทำงาน วางขนมที่แวะซื้อมาเมื่อเช้าให้หล่อน
เมื่อเช้าขับรถผ่านร้านเบเกอรี่ มองเข้าไปมันน่ากินดีเลยซื้อมาฝากเธอ ทีแล้วก็วินด้วย
ขอบใจ
แล้วเมื่อเช้าวินไปรับเธอมาหรือเปล่า
ไปนี่ณิตา ฉันถามอะไรหน่อยสิ
ปณิตามองเพื่อนอย่างกล้าๆกลัวๆ อะไรหรอ
เธอคิดจะทำอะไรอยู่หรือเปล่า
ฮื๊อ
ไม่ต้องมาทำใสซื่อน่า
ก็แค่อยากให้เธอลืมทีบ้างก็เท่านั้น
เพื่ออะไร เพื่อใครหรอ
ปณิตานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ ก็เพื่อเธอไง จะจมอยู่ทำไมกับอดีต กับรักที่ชลธีเค้ามองไม่เห็น
พิมพ์วนาเงียบไป หล่อนถอนหายใจก่อนจะเอ่ยบอกปณิตาอย่างเศร้าๆ ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ ออกจะดูเป็นตัวร้ายในสายตาคนบางคนด้วยซ้ำ
ปณิตาเดินออกมาเห็นชีวินยืนพิงฉากกั้นโต๊ะทำงานของพิมพ์วนาอยู่ หล่อนทำหน้าตกใจ ชีวินรู้ว่าเธอเดินออกมาแต่ก็ยังไม่ยอมหันมองหน้าหล่อน ปณิตารู้ดีว่าเขาได้ยินหมดทุกอย่าง
ก็รู้อยู่แก้ใจใช่ไหมล่ะหล่อนพูดขึ้น
ฉันอายุ ยี่สิบแปดแล้วนี่
ฉันล่ะชื่นชมความอดทนของคุณจริงๆ
ณิตาก็ลองรักใครสักคนดูสิ รักมากๆน่ะ
ปณิตาเงียบอย่างมีความในใจก่อนจะเฉไฉพูดเรื่องอื่น ทีเขาชอบผู้หญิงแบบไหนกันนะ ขนาดสวยๆ มีดี มีพร้อมหมดทุกอย่างอย่างพิมพ์ เขายังปฏิเสธได้ลงคอ
ผมไม่คิดว่าจะมีใครกล้าปฏิเสธพิมพ์เพราะไม่รักหรอก ไม่มีแน่นอน ชีวินมองเหม่อไปยัง บล็อกโต๊ะทำงานของชลธี
พิมพ์วนากำลังเดินไปสอนใกล้ๆจะถึงอาคารเธอก็รู้สึกเวียนศรีษะขึ้นมาท่าจะเป็นลม บอมผ่านมาเห็นเข้าพอดีจึงรีบไปพยุงหล่อน
เป็นอะไรครับ อาจารย์รึเปล่าครับเนี่ย
ขออาจารย์นั่งพักแป๊บนึง
บอมพาหล่อนไปนั่งตรงโต๊ะหินข้างๆอาคารเรียน
ขอบคุณมากนะ
อาจารย์เป็นโรคอะไรรึเปล่าครับ ผมไปเอายาห้องพยาบาลให้เอาไหม
ไม่เป็นไร อกหักน่ะคิดมากไปหน่อย พิมพ์วนาพูดทีเล่นทีจริงจนบอมอึ้งๆไป
โหผมไม่เชื่ออาจารย์หรอก อยากรู้จังใครช่างกล้าหักอกอาจารยบ์ได้ลงคอ
มีก็แล้วกัน หล่อนพูดอย่างมีความหวัง สายตามองเหม่อไปไกล อาจารย์ต้องไปล่ะนะ อาจารย์มีสอน ขอบใจมาก หล่อนตัดบทขึ้นมาดื้อๆเมื่อหันไปเห็นหน้านักศึกษาคนนี้เริ่มสะกิดใจในสิ่งที่หล่อนพูด
ไม่เป็นไรครับ
พิมพ์วนาเดินจากไปอย่างไม่มีอะไรสำหรับเธอ แต่สำหรับบอมนั้น ยังข้องใจว่าหล่อนพูดจริงหรือพูดเล่น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขา
รักเดียวออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะเดินไปหาเพื่อนๆ บังเอิญหันไปเห็นชลธีเดินมากับชีวินไกลๆ และกำลังเดินมาทางหล่อน และก็ดูเหมือนว่าชลธีจะเห็นหล่อนอยู่ไกลๆเช่นกัน รักเดียวตัดสินใจเลี่ยงชลธีเดินไปทางอื่น นั่นทำให้ชลธีรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยังคงมองโลกในแง่ดี หล่อนคงมีธุระทางนั้น
ตกเย็นวันนี้ รักเดียว ชมพูโดมและบอม ยังนั่งเล่นอยู่ใกล้ๆกับอาคารจอดรถในมหาวิทยาลัย ทบทวนบทเรียนที่ไม่เข้าใจในวันนี้ ตอนนั้นเองที่ไผ่ หยา ปุ๊ก สามสาวพราวเสน่ห์ซึ่งเรียนอยู่ห้องเดียวกับพวกเขาเดินเข้ามาหารักเดียว
รัก ขอยืมเลคเชอ วิชาโฆษณาหน่อยสิ วันนี้เข้าสายจดไม่ทัน ไผ่พูดเสียงเป็นมิตร
ได้ได้ รักเดียวพูดพลางหาสมุดเลคเชอบนโต๊ะและยื่นให้หล่อน
ขอบใจนะ ไปล่ะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะท่านรอง ไผ่แซว
แล้วสามสาวก็เดินออกไป
บอมจึงหันมานินทา
มั่นใจกันจริงๆแม่พวกนี้ เห็นทีไรก็สดชื่นสายตา
สเป้กบอมนี่ ขาวสวย
หมวย อึ่มน่ะ ชมพูหยอก
บอมมีแฟนแล้ว ไม่มีแล้ว สเป้กอะไรกัน
น่าหมันไส้ชะมัด โดมว่า
น่าอิจฉามากกว่า อยู่ไกลกันแท้ๆ แต่ดูยังรักกันได้รักกันดีชมพูพูดขึ้น
โดมหันไปเห็นรักเดียวดูเงียบๆจึงเอ่ยถาม เป็นอะไรเงียบจัง
เปล่า
ชลธีกับชีวินเดินมาเอารถกำลังจะกลับพอดี เห็นลูกศิษย์นั่งกันอยู่จึงเข้ามาทักทาย
ทำอะไรกันครับ เขาส่งลูกอมที่เขาเดินแกะถุงมาให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนคนละเม็ด
รักเดียวหันขวับไปมองด้วยความตื่นเต้นจนลืมยกมือไหว้
บอม โดมและชมพูยกมือไหว้เขา รักเดียวถึงได้ไหว้ตาม
มาเอารถหรอครับโดมถาม รักเดียวทำเป็นไม่มองหน้าเขาแต่หูก็คอยฟัง
ครับ แล้วนี่ยังไม่กลับกันหรอชลธีมองทุกคน
ยังค่ะ ให้รัก ทบทวนที่ไม่เข้าใจให้ คนนี้เขาตั้งใจเรียน ชมพูว่า
ว่าไงครับคุณรักเดียวเฮ้ยนี่คุณหมู่นี้ไม่ค่อยคุยกับผมเลยนะ เป็นอะไรเขินผมหรอชลธีพูดติดเล่น
เปล่า ก็ไม่รู้จะคุยอะไรหล่อนยิ้มเขินๆ เพื่อนอาจารย์รอแย่แล้วหล่อนหันไปที่ชีวิน
ตามสบายครับ นี่คุณชื่อรักเดียวหรอ ชื่อดีนะ สงสัยจะสมชื่อ ชีวินได้ยินที่ชลธีเรียกหล่อน
ค่ะ หนูน่ะ รักเดียวใจเดียวหล่อนมองชลธี อาจารย์หนุ่มผงะเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมาก นักศึกษาเล่นแบบนี้กับเขาบ่อยอาจจะเหลือเชื่อนิดๆที่เด็กเรียนอย่างรักเดียวก็เป็นไปกับเขาด้วย
ชลธีและชีวินยืนพิงรถคุยกันอยู่บนอาคารจอดรถ
ดูเขาสนใจแกนะ เด็กที่ชื่อรักเดียวนั่น ชีวินเปิดเรื่อง
บ้า เด็กเรียน เขาคงไม่คิดอะไรหรอก ก็เล่นๆไป
เมื่อกี๊เห็นแกบอกพักหลังๆเขาไม่ค่อยคุยกับแกไม่ใช่หรอ ระวังให้ดีก็แล้วกัน
อย่าบ้าน่า
ไม่รู้ว่าอะไร ทำให่เขาเจอกระเป๋าตังแก
ชลธีหยุดชะงักไปก่อนจะพูดขึ้นมา เพ้อเจ้อ ฉันเป็นอาจารย์เขา ฉันว่าเด็กเรียนๆอย่างเขาน่าจะรู้ดี ฉันไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะคิดอะไรแบบนั้นหรอก
รักเดียวยังคงนั่งอยู่ที่เดิมกับกลุ่มเพื่อน หล่อนมองลูกอมที่ชลธีให้มาอย่างชอบใจ
ขึ้นหิ้งเลยล่ะสิเม็ดนี้น่ะ โดมแซว
เป็นอะไรรัก หมู่นี้ถึงได้ทำเย็นชากับอาจารย์ทีนักชมพูถามขึ้นมา
ฉันไม่ไว้ใจตัวเอง
นั่นอาจารย์นะรักบอมทัก
ฉันรู้ ฉันเข้าใจดี ฉันถึงทำแบบนี้ไง พยายามจะไม่ถลำลึกไปกว่านี้สายตารักเดียวมองต่ำลง
* * * * * * * *
อีกคืนแล้วที่ภาคภูมิออกตามหารักเดียว ณ ที่ที่เขาได้เจอกับหล่อน แม้จะมีความหวังอยู่เต็มเปี่ยม แต่ในความหวังนั้นก็เริ่มสั่นสะท้านและริบหรี่ลงทุกวันๆ สายตาภาคภูมิยังคงมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้
* * * * * * * *
ค่ำคืนนี้มีดาววางเรียงรายอยู่เต็มท้องฟ้า เห็นจันทร์ทอแสงสีทองอ่อนๆดูสวยงามจนอยากจะได้ชื่นชมเพียงคนเดียว แต่ใครเลยจะทำได้อย่างนั้น รักเดียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์ของชลธีที่หล่อนแอบได้มาเมื่อครั้งเก็บกระเป๋าเงินเขาได้ อยากโทรไปหาใจจะขาด แต่สถานภาพระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์มันไม่อำนวยให้เธอทำได้แบบนั้น
ทำไมฉันถึงไม่ดูตัวเองเอาซะเลยนะ พอรู้ว่าตัวเองเพ้อเจ้อบ้าบอในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ เจ็บบอกไม่ถูกจริงๆ หล่อนพร่ำกับตัวเองก่อนจะวางมือถือกับโต๊ะ ทำท่าจะนอน ไม่นานก็หันมาคว้าโทรศัพท์ ส่งข้อความให้ชลธี
* * * * * * * *
เสียงเตือนข้อความเข้ายังโทรศัพท์มือถือของชลธีดังขึ้น เขาจึงหยิบมาอ่าน ฝันดีนะคะ คิ้วชลธีชนกันด้วยความสงสัย ใครวะ ว่าแล้วชลธีก็โทรเข้าไปตามเบอร์เจ้าของเครื่องที่ส่งข้อความมาปรากฏว่าปลายสายปิดเครื่องไปแล้ว ยิ่งเพิ่มความอยากรู้ให้กับชลธีเข้าไปอีก ใครเนี่ย นอนไม่หลับแน่ๆคืนนี้ของเขา
* * * * * * * *
11 กันยายน 2547 12:02 น.
ร. อินทนิล
ตอนที่ 3
เช้าวันนี้อากาศร้อนอบอ้าวแต่ดูหน้าตารักเดียวจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับอากาศเลยแม้แต่น้อย
คงไม่มีอะไรเล่นตลกกับเธอนะ ชมพูพูดขึ้น
หมายถึงอะไรรักเดียวสงสัย
ก็ดูสิ คนมีตั้งเยอะตั้งแยะให้เจอ ทำไมเป็นอาจารย์ แถมนั่งรถกลับมาด้วยกันอีก
ฉันชักจะใจแกว่งๆซะแล้วสิพูเสียงรักเดียวฟังดูหวั่นๆ
อย่าบ้าน่า นั่นอาจารย์นะ
ฉันรู้รักเดียวถอนหายใจเซ็งๆก่อนจะพูดเรื่องอื่น โดมเก่งนะ เล่นถึงบทบาทดี หล่อด้วย ไม่พลาดซักตอนเลยสิพูน่ะ
ฉันไม่ปลื้มหรอก ไม่อยากให้เขาเป็นด้วยซ้ำ ทุกวันแค่คำว่าเพื่อนมันก็เป็นกำแพงหนาพอแล้ว แบบนี้ยิ่งไกลเข้าไปใหญ่
ทำไมไม่ลองบอกไปเลยล่ะ ให้รู้กันไปเลย สุขเป็นสุข เจ็บเป็นเจ็บ
ฉันไม่กล้าหรอก แล้วก็ไม่อยากเสียเพื่อนด้วย
มานู่นแล้วรักเดียวเห็นโดมกำลังเดินมาผ่านสายตาผู้คนที่จ้องมองเขาอย่างชื่นชม
มาเร็วจริงนะสองคนนี้
แสดงดีนี่ ฉันล่ะทึ่ง อย่างกับมืออาชีพ รักเดียวชม
หรอ เขินจัง แม่ฉันว่าว่าพูดติดๆยังไงชอบกล
ว่าแล้วบอมก็ส่งเสียงมาแต่ไกล วันนี้มีเรียนการตลาด หน้าบานเชียวนะ
นี่แกคิดว่าฉันชอบอาจารย์หรอ รักเดียวฉุน
ไม่จริงหรอจ๊ะ คุณรักสุดสวย ว่าไงครับคุณรักเดียว ไม่ทักผมเลยนะ บอมยั่ว
หุบปากเดี๋ยวนี้เลย
นึกว่าวันนี้จะไม่มาซะอีกพูพูดไปทางบอม
อ้าวทำไมถึงคิดแบบนั้ยล่ะพู บอมสงสัย
ก็ตอนปีหนึ่งเห็นมาเรียนวันเว้นวัน
ก็นี่มันปีสองแล้ว โตแล้ว เออนี่เมื่อคืนดูมึงเล่นละครด้วย โครตเท่เลย ฝากถามผู้กำกับทีนะว่าต้องการเพื่อนพระเอกหล่อๆไหม กูว่าง
ชมพูกับรักเดียวทำหน้าหมันไส้
อาจารย์ทีให้ไปเอาชีตส์มาให้เพื่อนซีรอกซ์นี่นา ลืมเลย เดี๋ยวมานะรักเดียวพูดจบก็รีบวิ่งไป บอมจึงสงสัย อาจารย์บอกตอนไหนวะ
ที่ห้องพักอาจารย์ภาควิชาการตลาด ชีวินเดินผ่านโต๊ะชลธี เห็นภาคภูมิอยู่ด้วยจึงแวะเข้าไปหา
มาแต่เช้าเลยนะคุณภาค มาจีบนักศึกษาหรอ ชีวินหยอกภาคภูมิ
บ้าสิ ฉันไม่นิยมนักศึกษา
มันมาชวนให้ไปสะพานพุทธอีก คืนนี้ ชลธีบอกชีวิน
เฮ้ยๆฉันมีตรวจงานนิสิตว่ะ เห็นทีจะไปไม่ได้ชีวินรีบออกตัว
ฉันก็บอกมันอยู่มันฟังซะที่ไหน
ทำไมพวกแกใจดำกับฉันนักนะภาคภูมิทำหน้าน้อยใจ
ไม่ได้ผลแล้วไอ้หน้าแบบนี้น่ะ คืนนี้ไม่ว่างจริงๆ มหาลัยเปิดเทอม งานก็เริ่มมาแล้วชีวินว่า
เช้านี้ฉันมีสอนนะ แกเองก็ไปทำงานได้แล้วภาค ระดับผู้บริหารแล้วนะนายน่ะ ทำตัวเหลวไหลลูกน้องที่ไหนจะเกรงกลัวชลธีบอก
หลังจากบอมและโดมฟังชมพูเล่าเรื่องที่รักเดียวไปเจอกับชลธีที่สะพานพุทธและกลับมาด้วยกัน บอมจึงว่า
อย่างนี้นี่เอง ถึงว่า วันนี้อารมณ์ดีเหลือเกิน
โดมนั่งเงียบ
เชื่อในพรหมลิขิตกันรึเปล่าล่ะ ถ้าดวงมันจะเจอกัน ต่อให้อยู่ไกลห่างกันแค่ไหนก็สามารถจะเจอกันได้ ชมพูพูดขึ้น
จะบอกว่าพรหมลิขิตให้รักกับอาจารย์ทีเจอกันหรอ เนื้อคู่น่ะหรอ บอมถามอย่างไม่อยากเชื่อ
เปล่า กลัวจะเป็นพรหมของรัก ข้างเดียวนะสิชมพูพูดอย่างสงสารเพื่อน
อาจารย์ ยังไงก็เป็นอาจารย์โดมพูดขึ้นมาอย่างลืมตัว บอมจึงหันไปสบตากับชมพูด้วยความสงสัย
เสียงโทรศัพท์มือถือของภาคภูมิถูกเรียกเข้ามา เขาจึงรับสายและหันหน้าไปคุยทางบานกระจกมองวิวเบื้องล่างของมหาวิทยาลัย จังหวะเดียวกับที่รักเดียวเข้ามาเอาเอกสารพอดี ทั้งคู่จึงไม่เห็นกัน
รักเดียวสวัสดีชลธีและชีวิน
อ้าวมาแล้ว นี่ครับชลธียื่นเอกสารให้ รักเดียวรับมาเงียบๆไม่พูดจาและกำลังจะเดินออกไป ชลธีจึงร้องทัก เดี๋ยวคุณ
หล่อนหันมา คะ
เป็นอะไร ทำไมวันนี้เงียบเชียว
ภาคภูมิยังยืนคุยโทรศัพท์อยู่
ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ
ครับ เชิญครับ
รักเดียวยกมือไหว้เขาอีกครั้ง ยิ้มให้ชีวินและเดินออกมา พอดีภาคภูมิคุยโทรศัพท์เรียบร้อย รักเดียวก็เดินออกไปแล้ว
อย่ามาทำตาเจ้าชู้กับลูกศิษย์ฉันนะอาจารย์ชีวินชลธีแซว
อะไร หึงหรอครับอาจารย์ชลธี
นายสองคนจะจีบนักศึกษากันรึภาคภูมิขัดจังหวะ
บ้าน่าพูดเล่นๆกัน
ก็นึกว่าจริง ไม่งั้นจะฟ้องอาจารย์พิมพ์วนานะครับ อาจารย์ชีวิน
ทำงาน ทำงาน ชีวินรีบเปลี่ยนเรื่อง
จีบนักศึกษาหรอชลธีทวนประโยค
สนใจหรอ ทีภาคภูมิถาม
มันผิดจรรยาบรรณ
คนเราถ้ามันจะรัก จรรยาบรรณขวางไม่ได้หรอก อย่าว่าแต่จรรยาบรรณเลย อะไรก็ขวางไม่ได้
ชีวินเดินออกมาจากโต๊ะชลธีบังเอิญเจอกับปณิตาเข้า อ้าว ไม่ได้มาพร้อมภาณุหรอ เขายั่วหล่อน
ปณิตาก็ทำเป็นเชิดใส่
พิมพ์วนาเพิ่งมาถึงกำลังรอลิฟต์จะขึ้นไปยังห้องพัก พอลิฟต์เปิดออกก็เจอกับชลธีเข้าซึ่งเขาลงมาพร้อมกับภาคภูมิ
หวัดดีครับ
สวัสดีค่ะ ไปสอนหรอคะ
ครับ
หวัดดีค่ะ ภาค หล่อนหันไปทักภาคภูมิ
ครับไม่เจอกันนานเลยนะพิมพ์ ดูพิมพ์เปลี่ยนไป
ไม่หรอกค่ะ พิมพ์ยังไม่เปลี่ยนหล่อนพูดสายตาจับที่ใบหน้าของชลธี เขาหลบสายตาเธอและเดินออกไป ทิ้งเงื่อนงำไว้มากมาย
ขณะที่ชลธีสอนอยูนั้นรักเดียวและเพื่อนๆในห้องตั้งใจเรียนกันเงียบกริบ รักเดียวสบตากับชลธีบ่อยครั้งจนได้ใจชวนให้เก็บเอาไปคิดมากหรือที่ภาษารักๆเขาชอบพูดกันว่าคิดไปเอง
พอเลิกเรียนก็นั่งเหม่อใจลอยไปไหนต่อไหน
เป็นอะไรรึเปล่ารักชมพูเห็นท่าไม่ดี
เปล่าๆ
ไม่ใช่หลงอาจารย์ไปแล้วล่ะโดมพูดเสียงนิ่งๆ
ทำไมชอบคิดว่าฉันชอบอาจารย์กันนักนะรักเดียวทำเสียงเข้ม
ความขมของกาแฟทำให้ชลธีทำหน้าขยาดและมองหากระปุกน้ำตาลซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เพราะปรกติเขาไม่เคยใส่น้ำตาลเวลาดื่มกาแฟ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะใส่ผงกาแฟมากไปจนมันขมเกินจนต้องพึ่งน้ำตาลสักนิดหน่อย พิมพ์วนาเดินถือกล่องน้ำตาลก้อนเข้ามาพอดีเห็นชลธีเข้าก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเดินมาใกล้ๆ "น้ำตาลหมดน่ะค่ะ ฉันเลยลงไปซื้อมา
กำลังอยากได้อยู่พอดี
เอ๊ะ! ปรกติทีไม่ใส่น้ำตาลไม่ใช่หรอคะ
ชลธีรู้สึกแปลกใจที่หล่อนยังจำอะไรเล็กๆน้อยเกี่ยวกับตัวเขาได้
วันนี้ผมคงใส่ผงกาแฟมากไปหน่อยน่ะครับ มันขมมาก ชลธีรีบแกะกล่องน้ำตาลก้อนหลังจากพิมพ์วนาวางมันลง เขาหยิบก้อนหนึ่งใส่ลงไปในแก้วและกำลังจะเดินออก
จะรีบไปไหนคะที พิมพ์วนาทักเขา
เอ่อผมว่าถ้าวินมาเห็นเขาจะเข้าใจผิดพิมพ์นะ ไม่ดีหรอก
เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอคะ ทีก็เคยบอกพิมพ์นี่ว่าทีคิดกับพิมพ์แค่เพื่อน เราคุยกันอย่างเพื่อน วินเขาไม่เข้าใจผิดหรอกค่ะพิมพ์วนาพูดเสียงเรียบๆแต่ฟังดูเจ็บปวด
ชลธีทำหน้าไม่ถูก นึกลำบากใจแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่อยากอยู่ใกล้พิมพ์วนาแบบนี้ เขาอาจจะเก็บความรู้สึกได้ดีในสายตาของผู้หญิง แต่กับผู้ชายด้วยกันถ้าชีวินมาเห็นเข้าเขายังถือว่าไกลจากมืออาชีพอีกมาก
และละครก็ยังเป็นละคร ชีวินนึกอยากดื่มกาแฟขึ้นมา จึงเดินออกมา พอเข้ามาเห็นชลธีกับพิมพ์วนายืนคุยกันอยู่ก็มีท่าทีไม่สู้จะดีนักก่อนจะหันหลังเดินกลับไปโดยที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัว
* * * * * * * *
ภาคภูมิย่ำราตรีตามหาผู้หญิงในฝันของเขาที่สะพานพุทธ ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีที่ท่าว่าจะเจอ เขามาหยุดพักดื่มน้ำ ณ จุดที่ได้เจอกับรักเดียว หน้าตายังดูมีความหวังแม้จะเหน็ดเหนื่อยสักเพียงไหน
* * * * * * * *
คืนนี้บอมมาค้างที่บ้านของโดม กำลังนั่งดูละครทีวีที่โดมแสดงเป็นพระเอก พอถึงช่วงพักโฆษณา บอมจึงพูดขึ้น อีกหน่อยเวลาส่วนตัวแกก็จะหายไป
ได้อย่างก็เสียอย่าง โดมพูดอย่างทำใจ
สมมติว่าโลกนี้มีผู้หญิงสองคนระหว่างรักกับพูแกจะเลือกใคร
ทำไมอยู่ดีดีถึงถามขึ้นมา
อยากรู้เฉยๆทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยบอมสงสัย
สองคนนั่นเขาไม่มีอะไรเหมือนกันเลยซักนิด พูสวยน่ารักอ่อนโยน เป็นที่สนใจของหนุ่ม ส่วนรักนั่นเขาเป็นผูหญิงเก่ง ดูนิ่งๆ ลึกลับน่าค้นหา ตาคมดุดันน่ากลัวแต่ก็มีเสน่ห์ ถ้าให้เลือกฉันคงเลือก
รัก! บอมตอบขึ้นมาแทน
โดมมองหน้าเพื่อนด้วยความแปลกใจ
ก็แกพูดถึงรักมาซะยาวขนานั้นจะว่าไป ฉัยไม่เห็นแกจีบใครซักคนตั้งแต่เข้าปี1มา หรือว่าแอบชอบใครอยู่?
บ้า! ฉันจะแอบชอบใครเล่า โดมพูดเขินๆ
อย่ามาทำเขินแบบนี้นะ เหมือนเกย์ชิบ
ตอนนั้นเอง ญดาแม่ของโดมกลับมาจากงานคอกเทลพอดีบอมเห็นเข้าจึงยกมือไหว้หล่อน
แม่ หวัดดีคร้าบ
อ้าว บอม มานอนนี่หรอลูก ญดารับไหว้พร้อมกับทักทายเขาสนิทปาก
ครับ บอมว่า
เอสองคนนี้นี่เป็นอะไรกันรึเปล่าเนี่ย ดูสวีทกันจังนะ
แม่ก็ พูดอะไรก็ไม่รู้ บอมทำอ้อนแอ้นเล่นด้วย โดมอมยิ้มส่ายหัวชอบใจ
* * * * * * * *
ชีวินนั่งตรวจงานนักศึกษาอยูที่บ้านรู้สึกเมื่อยมือจึงหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพิมพ์วนากลางดึก เห็นณิตาบอกรถพิมพ์เสียหรอ
อื้มอยู่ดีดีก็สตาร์ทไม่ติด รถยังใหม่อยู่แท้ๆ
งั้นพรุ่งนี้ ผมไปรับพิมพ์แล้วกัน
ลำบากเปล่าๆค่ะย้อนไปย้อนมา
ชีวินหยุดชะงักไปทันที เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยได้ยินประโยคแบบนี้จากชลธีมาก่อน พิมพ์พูดเหมือนผมเป็นคนอื่นคนไกล ผมอยากรู้จริงว่ามีสักครั้งบ้างรึเปล่าที่พิมพ์รู้สึกว่าเราเป็นแฟนกัน
ทำไมวินพูดแบบนั้นล่ะงั้นพรุ้งนี้พิมพ์รอวินมารับแล้วกัน
ฝันดีนะครับ ฝันถึงคนที่พิมพ์อยากเจอ
ชีวินวางสายไป พิมพ์วนาจึงค่อยๆวางโทรศัพท์ สายตาดูไม่สดชื่นเหมือนคนอื่นๆที่เขาเพิ่งวางสายจากแฟนตัวเอง
* * * * * * * *