26 พฤษภาคม 2551 10:10 น.
ม้าลาย
เพลงขอทานเขียนคำลำนำโลก
เล่าเรื่องโศกเรื่องสุขได้ทุกเรื่อง
เสียงไม้เท้าเคาะบนถนนเมือง
เป็นศิลป์ศาสตร์ปราดเปรื่องเหนือผู้ใด
บรรยายภาพนานาทั้งตาบอด
แสดงออดอ้อนคำร้องร่ำไห้
พาความสุขเพลิดเพลินก้าวเดินไป
รื่นรมย์ในทุกกาลที่ผ่านมา
มิรู้วันหรือคืนหลับตื่นอยู่
คือหยั่งรู้ทุกเรื่องณ เบื้องหน้า
สุดแต่ใจโบกบินจินตนา
มองเห็นด้วยดวงตาศรัทธาตน
เสื้อผ้าจางซีดสีผ้าขี้ริ้ว
สะบัดพลิ้วอาบฟ้ามากี่ฝน
ในความเข็ญลิขิตชีวิตคน
จะหลุดพ้นได้พอก็ด้วยใจ
เสียงนกร้องเพลงหวังฟังแว่วแว่ว
จิ๊บจิ๊บแจ้วหวานนักมาจากไหน
ฟังภาษานกเช้าเจ้าสื่อนัย
เหมือนเจ้าพลอดรักให้คู่ใจฟัง
แท้นกน้อยดิ้นเร่าเอาตัวรอด
ร้องเรียกคนตาบอดอยู่บ้าคลั่ง
เขี้ยวแมวงับคอเชือดจนเลือดกรัง
เสียงก่อนตายคล้ายดังจะสั่งลา
มีสุขมิคาดใดจะได้พบ
มีอีกศพคนขวางทางข้างหน้า
เหยื่อโจรร้ายปลายมีดคมปักคา
ไร้ดวงตามิรู้ใครไร้วิญญาณ
จึงกล่าวคำสวัสดีดุจพี่น้อง
ท่านผู้ท่องเที่ยวไกลไม่กลับบ้าน
มาทักทายหวังใจท่านให้ทาน
แล้วบุญจะอภิบาลท่านพ้นภัย
ริมฝีปากเขียวคล้ำไร้คำตอบ
เขาจึงขอบคุณพลางหลีกทางให้
อวยพรให้ร่มเย็นไม่เป็นไร
ทำทานทำด้วยใจจึงได้บุญ
เขาร้องเพลงชื่นชมธรรมชาติ
ผู้ประสาทพรรักผลักโลกหมุน
เขาขอบใจดินฟ้าผู้การุณ
เขาขอบคุณทุกทานที่ผ่านทาง
สรรพสิ่งเคลื่อนไหวในความเงียบ
เดินสาวเท้าก้าวเหยียบเสียทุกอย่าง
ปีกผีเสื้อหักหล่นบนเศษฟาง
มดกระชากเนื้อพลางเป็นชิ้นชิ้น
สัตว์ล่าสัตว์ไปทั่วเอาตัวรอด
รู้ตกทอดการฆ่ารักษาถิ่น
แย่งจ่าฝูงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
เขามิรับรู้สิ้นนรกใด
แท้รุ่งเช้าของเขาคือเข้าพลบ
โลกหมุนจบรอบยืนรับคืนใหม่
โคมถนนระยิบระยับประดับไฟ
ดวงตะวันในใจเขาฉายแพรว
อยู่ด้วยความศรัทธาสารพัด
ฉายฉานชัดโชนรุจดุจลูกแก้ว
อนาคตความหวังยังวาวแวว
ทุกทุกสิ่งดีแล้วเป็นสัจธรรม
เสียงฝีเท้าเดินก้าวเข้ามาใกล้
มืดมัวใต้ผืนฟ้าเวลาค่ำ
มันคือโจรผู้ร้ายในชุดดำ
ในมือกำเหรียญไว้จะให้ทาน
เหรียญเปื้อนเลือดโยนให้ใส่กะลา
ให้ผู้ไร้ดวงตาซื้ออาหาร
เขาคุกเข่าก้มกายลงกราบกราน
ขอให้ท่านสมหวังดั่งใจปอง
ขอปวงเทพยดาสากลโลก
ไล่ทุกข์โศกเศร้าใจทั้งภัยผอง
ฟังได้เพียงเสียงเงินคือแสงทอง
เมื่อทั้งสองพอใจยิ้มให้กัน
เขาก้าวเดินต่อไปในทางเก่า
ข้ามอีกศพเพื่อเข้าถึงสวรรค์
นานตราบผู้ล่าเหยื่อยังแบ่งปัน
ดีทั้งนั้นโลกนี้ดีทุกคน
24 พฤษภาคม 2551 22:01 น.
ม้าลาย
1.
แสงทองส่องทาทาบฟ้าสาง
ส่องทางศรัทธาปลุกตาตื่น
หลังโศลกลมเหนือผ่านเมื่อคืน
ซ่อนเศร้าโศกสะอื้นแอบแสงวัน
อ้อมเมฆโอบอุ้มกอดจุมพิต
ดวงแสงนิรมิตแห่งสรวงสวรรค์
หวานรสเลิศน้ำผึ้งพระจันทร์
คู่ขวัญชื่นมื่นคืนวิวาห์
แพรริ้วลาดลำธารน้ำตก
ปีกนกกระพือไหวเรี่ยใบหญ้า
คู่บ่าวสาวโลกแย้มเปลือกตา
ดาษดื่นผืนหล้าอลังการ
แดดย้อมดอกยิ้มเมื่อแรกแย้ม
แต่งแต้มสีสันสอดบรรสาร
น้ำค้างฉ่ำชื้นจากคืนวาน
โชนฉานสวาทเชื้อเมื่อลมโชย
ราชาราชินีบนที่แท่น
ทึ้งเนื้อหนั่นแน่นให้หายโหย
รอยเล็บกดริ้วลงกรีดโบย
บันโดยหรรษาเสพอารมณ์
2.
แท้โลกหมุนผ่านคืนวานนี้
เลือนภาพราตรีเคยคลี่ห่ม
เลือนหนาวลมเหนือง่าเงื้อคม
กรีดเลือดรินล้มเหยื่อสังเวย
คืนสุขพรั่งพรูของผู้ล่า
กรำศึกชนะมาอย่างผ่าเผย
เสพเช้าชื่นชู้คู่ชิดเชย
ค่ำคืนล่วงเลยลบเลือนใคร
หยาดน้ำตานองของดอกโศก
เกลื่อนโลกรับขวัญเช้าวันใหม่
กุหลาบแดงร่วงโรยล่วงไป
สั่งลาร่างไร้ดวงวิญญาณ
ผู้แพ้พ่ายผ่านคืนวานนี้
เพียงพลีร่างเผาเป็นเถ้าถ่าน
เร้นเรื่องเบื้องหลังงานแต่งงาน
รสหวานแห่งเลือดและน้ำตา
3.
ใดหนอโปรยออกกลีบดอกไม้
งดงามเท่าใดก่อนไร้ค่า
กลีบเกลื่อนกลาดกลางเตียงวิวาห์
พ่ายแพ้ผู้ล่า-เขาและเธอ
20 พฤษภาคม 2551 13:01 น.
ม้าลาย
หนุ่มชาวเมืองคนหนึ่งพบว่า
ความงามของธรรมชาติทำให้จิตใจของเขาสงบและเป็นสุข เขารักที่จะมองดูเธอ ทะนุถนอมเธอไว้ เพื่อจะสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าในสายลมเอื่อยราวกับว่ากำลังหอมแก้มคนรัก ขณะที่เธอกำลังขับขานดนตรีแห่งใบไม้และสายน้ำอันอ่อนหวานและเยือกเย็น เขากล่าวกับเธอว่า "เธอผู้มีประกายดาวในดวงตา เธอคือดวงจันทร์ในดวงใจของฉัน"
หนุ่มชาวชนบทคนหนึ่งพบว่า
ตึกรามบ้านช่องใหญ่โตเป็นสิ่งงดงามและน่าอัศจรรย์ เครื่องแต่งกายสีฉูดฉาดพร้อมด้วยเครื่องประดับงดงามและเสียงออดอ้อนของเธอช่างเย้ายวนใจเขายิ่งนัก บทเพลงของเธอสร้างจังหวะสนุกสนานไปทุกหนทุกแห่ง เขากล่าวกับเธอว่า
"เธอผู้มีดวงตาดำขลับดุจนิล เธอคือเพชรเม็ดงามในดวงใจของฉัน"
สิบปีผ่านไปในเมืองใหญ่ หนุ่มบ้านนอกเริ่มพบว่า เธอคือนางมารผู้พ่นควันพิษไม่รู้จบ เธอครอบครองที่กว้างขณะที่เก็บเขาไว้ในที่แคบๆ กับเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆในรูปทรงเรขาคณิต เธอแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะทาทับลงบนหน้าตาเก่าๆทรุดโทรม มารยา ของเธอทำให้เขารู้สึกป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ
และในโรงพยาบาลซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์อันทันสมัยนั้น
เขาปรารถนาที่จะกลับไปพักผ่อนยังบ้านหลังเล็กๆในชนบท ที่ซึ่งเขาจะมีความสุขต่อจากนี้ไป
สิบปีผ่านไป หนุ่มชาวเมืองพบว่าเขาสามารถจดจำก้อนหินได้ทุกก้อน จำต้นไม้ได้ทุกต้น แต่แม้ว่าเขาจะคิดว่าเขารู้จักเธอทุกตารางนิ้วเพียงใด เขาก็ยังไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเธอได้ บางครั้งอบอุ่น บางครั้งเย็นชา บางครั้งเกรี้ยวกราดจนถึงกับจะเอาชีวิต มันผ่านรุกเข้ามาโจมตีและจู่จู่ก็เลือนไปอย่างไร้เหตุผล โดยปราศจากการเสแสร้ง โดยไม่มีคำขอโทษหรือการสำนึกผิด
เขามีบาดแผลเรื้อรังที่ต้องการการเยียวยาในที่ซึ่งชีวิตของเขาควรมีคุณค่าได้มากกว่านี้
เขาปรารถนาจะพักผ่อนโดยได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อต่อชีวิตและใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีคุณภาพ
ที่ซึ่งเขาจะมีความสุขต่อจากนี้ไป
เมื่อชายทั้งสองเดินสวนทางกันเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายในการค้นหาความงามอันสมบูรณ์แบบ เขาก็พบกันที่กึ่งกลางของทุกสิ่ง