19 กันยายน 2547 11:38 น.
ม้าก้านกล้วย
จะเอ่ยพ้อต่อฟ้า ว่ารักล้น
ขอเป็นคนเคียงข้าง ยามย่างก้าว
รับทุกข์แบกเอาไว้ ในทุกคราว
และแบ่งเอา สุขให้ เมื่อใจสม
แม้นน้องเกิดเป็นนภาใส
จะตามไปเชยชิดสนิทสนม
จะเกิดเป็นนกน้อยลอยเล่นลม
คอยชื่นชมฟ้างามตามสมควร
แม้นางเป็นดอกหญ้าราคาด้อย
พี่จะคอยคลอติดจิตสงวน
จะขอเป็นลมตลบคอยอบอวล
จะพัดหวน หอบเจ้าเข้าวิมาน
เจ้ามาลาดอกดก หางนกยูง
แลสวยสูงสง่าสุขทุกสถาน
แม้หล่นแห้งแดงเข้มอยู่เต็มลาน
จึงต้องการแอบอิงยิ่งอื่นใด
ขอเป็นเขียว ใบขาบ ดอกสาบเสือ
ประสงค์เพื่อแซมแดง แซงไสว
ประกอบกล่อมแดงขาว ณ ราวไพร
ใครต่อใคร คงหลงใหล ในมนตรา
จะยอมเสริม เติมสุข ในทุกคราว
ซอมพอสาว จะแลหรู ดูสง่า
พลีเพราะรัก หลงเงา เจ้าดอกหนา
ขอดินฟ้า เป็นพยาน ผสานรัก
(ม้าก้านกล้วย)
15 กันยายน 2547 23:42 น.
ม้าก้านกล้วย
ลมแรงพัดกวาด ณ หาดทราย
ก่อนกลายเป็นมหาวาโยใหญ่
หอบฝนหล่นเย็นเป็นเม็ดใส
วาดไว้ว่าวาววามงามดั่งพลอย
ลมนั้นพัดทรายขยายมวล
กลับกวนสายฝนที่หล่นผล็อย
ฝังเศษทรายทองละอองน้อย
ล่องลอยตามฝนบนผืนฟ้า
แม้ฝนร่าเริงเพิ่งเริ่มกลั่น
เจ้านั้นกลับมีราคีฝ้า
เม็ดทรายลมวนปะปนมา
พัดพาสู่สรวงแล้วร่วงดิน
หลายใครหลายคนหวังฝนปรอย
เฝ้าคอยฝนใสใจถวิล
รองซับรับซึมไว้ดื่มกิน
ย่อมยินดีใจได้น้ำเย็น
กลับได้เม็ดฝนปนเม็ดทราย
วู่วามโวยวายเมื่อได้เห็น
โกรธฝนเทกราดสาดกระเซ็น
ชังเช่นเม็ดฝนคือมลทิน
เด็กน้อยเกิดกายในสลัม
ตัวดำย่ำเยียไปเสียสิ้น
เหยียดหยัดยึดถือว่าคือดิน
ตัดสินตราหน้าว่าชาติทราม
เกิดอีกกี่หนก็ฝนใส
ทารกเกิดใหม่ไยต้องถาม
ร้ายรูปหรือไรหากใจงาม
ค่าความเป็นคนหรือปนทราย
(ม้าก้านกล้วย)
15 กันยายน 2547 01:59 น.
ม้าก้านกล้วย
๑
หลงจันทร์อันกระจ่าง
เด่นกลางนภาสวย
เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย
โสมช่วย รตีสาง
ห่างไกลใคร รึ รู้
โฉมตรูดูสว่าง
เล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง
ไหววาง ณ กลางฟ้า
ใช่แสงแห่งอนงค์
ยวนหลงองค์สง่า
แฝงแสงสุริยา
ส่งมาสะท้อนนวล
เปรียบเช่นจะเล่นเงา
ฉวยเอากระเซ้าสรวล
ทรงกลดสลดรวน
จิตครวญล้วนรูปทอง
กี่ใคร นะได้คิด
พลั้งจิตติดสนอง
เจ้าจันทร์พลันลำพอง
ผยองคะนองหาว
ควรแค่ นพเคราะห์
ฤาเหมาะจะเกราะกร้าว
ด้อยค่ากว่าแม้ดาว
แสงขาวก็แสงตน
๒
คิดขวยหลงจันทร์อันกระจ่าง
แลสล้างเด่นกลางนภาสวย
งามนัก เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย
กลางอัมพรโสมช่วย รตีสาง
กลกระจ่างห่างไกลใคร รึ รู้
เสมือนว่าโฉมตรูดูสว่าง
คลี่ขยายเล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง
กลไกไหววาง ณ กลางฟ้า
แสร้งว่าใช่แสงแห่งอนงค์
ไห้หวนยวนหลงองค์สง่า
กลับแกล้งแฝงแสงสุริยา
สาดส่อง ส่งมาสะท้อนนวล
เย้ายวนเปรียบเช่นจะเล่นเงา
เรียกร้องฉวยเอากระเซ้าสรวล
ปล่อยปลดทรงกลดสลดรวน
ร้อยฤทธิ์จิตครวญล้วนรูปทอง
โปรดตรองกี่ใคร นะได้คิด
ปวดร้าวพลั้งจิตติดสนอง
หลงเงาเจ้าจันทร์พลันลำพอง
แสดงตน ผยองคะนองหาว
คู่คราวควรแค่ นพเคราะห์
ดิ่งดลฤาเหมาะก็เพราะกร้าว
ผู้น้อยด้อยค่ากว่าแม้ดาว
สว่างแรงแสงขาวก็แสงตน
๓
หลงจันทร์อันกระจ่าง . . . . . . . คิดขวย
เด่นกลางนภาสวย. . . . . . . แลสล้าง
เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย. . . . . . . งามนัก นอแข
โสมช่วย รตีสาง. . . . . . . กลางอัมพร
ห่างไกลใคร รึ รู้. . . . . . . กลกระจ่าง
โฉมตรูดูสว่าง . . . . . . . เสมือนว่า
เล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง. . . . . . . คลี่ขยาย
ไหววาง ณ กลางฟ้า. . . . . . . กลไก
ใช่แสงแห่งอนงค์. . . . . . . แสร้งว่า
ยวนหลงองค์สง่า. . . . . . . ไห้หวน
แฝงแสงสุริยา . . . . . . . กลับแกล้ง
ส่งมาสะท้อนนวล. . . . . . . สาดส่อง สว่างพราย
เปรียบเช่นจะเล่นเงา. . . . . . . เย้ายวน
ฉวยเอากระเซ้าสรวล. . . . . . . เรียกร้อง
ทรงกลดสลดรวน. . . . . . . ปล่อยปลด
จิตครวญล้วนรูปทอง. . . . . . . ร้อยฤทธิ์
กี่ใคร นะได้คิด. . . . . . . โปรดตรอง
พลั้งจิตติดสนอง. . . . . . . ปวดร้าว
เจ้าจันทร์พลันลำพอง. . . . . . . หลงเงา
ผยองคะนองหาว. . . . . . . แสดงตน สว่างวาว
ควรแค่ นพเคราะห์. . . . . . . คู่คราว
ฤาเหมาะก็เพราะกร้าว. . . . . . . ดิ่งดล
ด้อยค่ากว่าแม้ดาว. . . . . . . ผู้น้อย
แสงขาวก็แสงตน. . . . . . . สว่างแรง
มัดหญ้าผูกหนึ่งผู้. . . . . . . พยนต์
กลตั้งเป็นตัวตน. . . . . . . ขันธ์ห้า
กลสองส่อไส้ปน. . . . . . . มรรคแปด
กลครบจบจึงว่า. . . . . . . สุภาพ สดับเสียง
(ม้าก้านกล้วย)