11 มิถุนายน 2547 15:37 น.
ม้าก้านกล้วย
เจ้าแก้ว ดาริกา ของข้าเอ๋ย
ข้าขอเชยชมดาวสกาวหรู
ยามนี้เหลือบเหลืองรื่นมาชื่นชู
แต่เช้าตรู่ดาวลอยค่อยลางเลือน
คราวที่ข้าโรยล้าเพราะราร้าง
ดาวคอยข้างเคียงข้ามาเสมือน
ประดุจมิตรนำชักคอยตักเตือน
ประหนึ่งเหมือนกล่อมใจให้บรรเทา
เจ้าปลอบประโลมข้ามาทั้งคืน
ผู้ต้องตื่นตรมใจได้คลายเหงา
ผู้กล่อมกอดยอดชู้อยู่แค่เงา
และเก็บเอาความระทม มาบ่มฟัก
หลังจากรอนร้าวรั้งอยู่ตั้งนาน
หลังจากการบาดหมางอย่างแตกหัก
ไร้ทั้งคู่ คนรู้ใจ ไร้ทั้งรัก
พอได้พักใจร้าว กับดาวลอย
เด็ดหยาด น้ำตา อำลาโศก
ลืมโลกเลือน รัดทด แล้วปลดปล่อย
ชะเง้อมอง ม่านดาว เจ้าเลื่อนลอย
เจ้าเคลื่อนคล้อย อย่างช้าช้า ทว่างาม
โอ้เจ้าแก้วดาริกา. . .
ถึงครา ต้องอำลา ราตรีหวาม
อรุณร้อน เริ่มแรงรุก ทุกโมงยาม
แต่ความ ระลึกถึง พึงเพิ่มพูน
พักผ่อน เถิดดาว เมื่อคราวรุ่ง
อุ่นในอุ้ง อ้อมกระหวัด หัตถ์แห่งสูรย์
จนกว่า เบื้องจันทรา มาจำรูญ
รอเกื้อกูล ดาริกา ณ ครานั้น
(ม้าก้านกล้วย)
3 มิถุนายน 2547 13:53 น.
ม้าก้านกล้วย
อัศจรรย์ฟ้ามัวระรัวแลบ
อสุนีปลาบแปลบแทบจะคลั่ง
อกณิษฐ์คลุ้มคลอนรอนบัลลังค์
อคาธพลั้งร่วงพลัดกระจัดกระจาย
รติคลุมครอบล้วน ฤาควรเร้น
รชนิกรเด่น บ่เผ่นผาย
รชะพลุ่งคลุ้งคาดแม้วาตวาย
รณรายรวบรัดกระหวัดนวล
วธกผู้โหด ดูโกรธเกรี้ยว
วจีเฉี่ยว โฉดกระชาก สำรากร่วน
วธุน้องรองร่าง กลางรัญจวน
วปุป่วนปั่นไป ไร้ประดี
จะกรัดจะกราด ดึงดัน อันต่อต้าน
จริตจะก้าน แรงร้อน ช้อนฉวี
จะกละจะกลาม ชมชิม รสฉิมพลี
จะบันจะบี้ เบียดบด รสกามา
ปราศฤทธิ์ แล้วเพราะหลง อนงค์ขวัญ
ปฏิยุทธ โรมลั่น ถึงชั้นฟ้า
ประเดี๋ยวหนึ่ง ค่อยคลาย ค่อยไคลคลา
ประดุจว่า พายุโหม แล้วโทรมทรุด
คคณา ฟ้าอำพร ผ่อนอำพัน
คณนา รสสวรรค์ จะพลันหยุด
คนองบท จรดจบ เพื่อพลบรุจน์
คะนึงนุช ตราบตาย มิวายรัก