28 กรกฎาคม 2546 15:59 น.
ม้าก้านกล้วย
ทิ้งเค้าไปได้ไหม หัวใจ
ลบเค้าไปเถอะผู้ชายพรรค์นั้น
เค้าไปแล้ว มันจบแล้ว ความผูกพัน
อย่าไปดึงดัน เพราะมันไม่ได้อะไร
และสุดท้ายคนเจ็บก็ต้องเป็นเรา
ผู้หญิงงี่เง่าที่คอยแต่จะผูกพันเธอไว้
ใช่สิ...เธอคงรำคาญ ผู้หญิงเอาแต่ใจ
คนที่ไม่ดีเด่อะไร เธอทิ้งไปก็สมควร
ผู้หญิงเดียวดาย
รับประกอบหัวใจใหม่ร้อนร้อน
โครงการเอื้ออาทรตอนผิดหวัง
มีหัวใจรุ่นซื่อตรง ทรงพลัง
และก็ยังไม่เคยพังสักครั้งเดียว
สำหรับผู้บาดหมางกลางรักลวง
สำหรับผู้ซึ่งทรวงหน่วงและเหนี่ยว
สำหรับผู้สูญสิ้นรักปีนเกลียว
สำหรับผู้เปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย
โอกาสนี้มีโปรแกรมแถมให้ด้วย
กำลังใจสวยสวยพอช่วยได้
ให้ลืมโศกเศร้าหนักรักสลาย
มาผ่อนคลายทั้งตัวและหัวใจ
ระบบปฏิบัติการผ่านประกัน
ลิขสิทธิ์ผูกพันนั้นก็ใหม่
ไม่เคยถูกจับจองเป็นของใคร
ทาสรับใช้เฉพาะเธอเสมอนะ
จะอบรมวิธีใช้ให้ทุกวัน
สอนกันตั้งแต่ต้นสนไหมล่ะ
ใครไม่เกี่ยวเธอคนเดียวจริงจริงนะ
แล้วฉันจะติดตั้งให้ด้วยใจนี้
โครงการเงินผ่อนตลอดชาติ
ดอกสักบาทก็ไม่คิดไม่ติดหนี้
เพื่อเธอแล้วมอบให้ใช้ฟรีฟรี
และยินดีอยู่เคียงกันจนวันตาย. . . สนมั๊ยล่ะ
(ม้าก้านกล้วย)
28 กรกฎาคม 2546 15:32 น.
ม้าก้านกล้วย
วารวันคืนผ่าน
เนิ่นนานมาแล้ว
พระจันทร์ทอแสงพราวแพรว
ดั่งแก้วมณีอร่ามนวล
ฉันนั่งชมจันทร์
ค่ำคืนนั้นให้นึกหวน
มีเธอเคียงข้างชี้ชวน
ให้ชมแสงจันทร์นวลแสนสุขใจ
ลมพัดเอื่อยอ่อน
สะท้อนหัวใจให้หวั่นไหว
คืนนั้นฉันมีเธอใกล้
แต่ในคืนนี้ไม่มีเธอเคียง
จันทร์คืนนี้จึงดูหม่น
ไร้คนหยอกเย้ากระซิบเสียง
คงมีก็แต่เพียง
เสียงหัวใจฉันร่ำไห้ส่งไปกับจันทร์
สกุลตา
ฝากจันทราดวงเสี้ยวดวงเดียวกัน
กับดวงที่เธอนั้นรำพันถึง
สัมพันธ์วันจากลายังตราตรึง
คำซึ้งซึ้งที่เอ่ยไว้จำได้ดี
ใช่ว่าเธอเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
เพราะหลายหลายเพ้อบ่นจากคนที่
จากลามาวันนั้นมั่นไมตรี
ทุกนาทีพร้อมสำหรับจะกลับไป
นั่งคิดคำตอบต่อคำง้องอน
นั่งคิดกลอนหวานหวานมาหว่านไหว
นั่งคิดเพลงซึ้งออเซาะเพราะพิไร
นั่งคิดไว้ร้องกล่อมขวัญคืนจันทร์สวย
คิดถึงนักประจักษ์แล้วว่าไร้เธอ
มักมองเหม่อหมองหม่นเหมือนคนป่วย
ถลิวหาอุ่นไอใครจะช่วย
คิดถึงด้วยความจริงใจใช่แกล้งทำ
อีกไม่นานหรอกนะจะกลับไป
ไปเก็บเกี่ยวหัวใจให้ดื่มด่ำ
หนุนตักชมพักตร์เจ้าทั้งเช้าค่ำ
จิตจดจำหมดใจไม่ลืมเลือน
ความจริงการห่างไกลเพื่อใกล้ชิด
ใจยิ่งคิดมากเพียงใดไม่กลบเกลื่อน
จึงฝากความโหยหามากับเดือน
ให้เป็นเพื่อนไว้พลางพลางยามห่างรัก
(ม้าก้านกล้วย)
25 กรกฎาคม 2546 19:56 น.
ม้าก้านกล้วย
ฉันมีหนึ่งบันไดไว้ไต่ฝัน
จะกี่วันกี่คืนฝืนฝึกฝน
ทุกข์จะเร่งรุมเร้าก็เฝ้าทน
ตั้งใจตนเอาไว้จะไขว่คว้า
ฉันมีอีกหนึ่งใจไว้ตั้งมั่น
เพื่อผลักดันต่อไปในวันหน้า
ไม่ท้อเลยไม่เคยเฉื่อยไม่เหนื่อยล้า
ฝันไว้ว่าอย่างไรใจจะปอง
เหมือนคำคมบอกกันฝันให้ไกล
และต้องไปให้ถึงจึงสนอง
เพราะความฝันฉันซึ้งฉันจึงลอง
และจะต้องสำเร็จได้ดั่งใจคิด
เธอมาร่วมสร้างฝันกับฉันไหม
เดินร่วมข้างทางอันไกลในลิขิต
เสริมส่งซึ่งกันและกันวันละนิด
ใช้ชีวิตชักจูงใจไปค้นหา
ร่วมกันฝันร่วมกันสู้ไปสู่ฝัน
มาช่วยกันยามพลาดพื้นลื่นถลา
แม้อีกหนึ่งล้มลงจงแกร่งกล้า
และช่วยคว้ามือกันไว้ไม่ให้พลั้ง
ไม่อยากฝันอยู่คนเดียวมันเปลี่ยวกาย
แค่อยากได้คนร่วมฝันกันสักครั้ง
แม้จะหลงฝันลวงทรวงพ่ายพัง
ฉันจะยังเชื่อใจเธอเสมอไป
การสู้ฝันคนเดียวนั้นมันวังเวง
เพราะฉันเกรงอนาคตไม่สดใส
จึงขอวอนคำฝากออกจากใจ
เพราะหนึ่งในความฝันนั้นคือเธอ
(ม้าก้านกล้วย)
25 กรกฎาคม 2546 01:07 น.
ม้าก้านกล้วย
แถลงการณ์จากหิ่งห้อยผู้ด้อยค่า
ที่เปล่งรัสมีมาเพราะว่าเหงา
ไร้หมู่สนิทสนมจึงตรมเศร้า
ได้แต่เอาแสงหลอกล้อพอได้คลาย
ความคิดถึงอัดแน่นในแผ่นอก
ความวิตกพอกเพิ่มเติมขยาย
ความว้าเหว่กักขังทั้งใจกาย
ความเหงากลายเป็นแสงไฟไหม้อารมณ์
ต้องปลดปล่อยออกมาเวลาค่ำ
เมื่อมนต์ดำของราตรีที่ทับถม
กรรแสงเศร้าโศกซึมขรึมและตรม
คลายระทมลงบ้างกลางความเหงา
เขียวครามเคลือบเหลือบขาบอาบด้วยขรึม
เชื้อเพลิงซึบซับโซเหมือนโง่าเขลา
ไร้แม้หนึ่งใดเข้าใจเรา
ได้แต่เอาประภาผ่องส่องเส้นทาง
แต่วังเวงเหลือเกินเมื่อเมินหนี
ตั้งแต่ราตรีต้นจนรุ่งสาง
ล้อดวงดาวลอยเด่นเห็นลางลาง
อยู่ท่ามกลางป่าเปลี่ยวเดียวดายนัก
แถลงการครั้งสุดท้ายก่อนพ่ายแพ้
มันก็แค่แสงจากทรวงที่หน่วงหนัก
พิการผู้พึงสงสารพิการรัก
ไร้รู้จักไร้ทักทายเหมือนตายแล้ว
(ม้าก้านกล้วย)
24 กรกฎาคม 2546 22:57 น.
ม้าก้านกล้วย
เมฆก้อนน้อยน้อยเจ้าลอยล่อง
ฟูขาวฟ่องฟ้อนฟ้ามาให้เห็น
เจ้ารวบรวมละอองไอที่ใสเย็น
มากลั่นเป็นหมอกขาวสกาวสวย
ก้อนน้อยน้อยกระจายเกลื่อนเจ้าเลื่อนไหล
ตามสายลมแรงไล่ไสลสลวย
อาศัยแรงลมบนมาปรนช่วย
บันดาลด้วยปานปั้นเมฆนั้นงาม
หนึ่งก้อนน้อยลอยไปถึงไหนหนอ
คงรั้งรอพวกพ้องสองและสาม
มาบดบังแสงตะวันอันอร่าม
ในโมงยามแห่งแสงอันแรงร้อน
สิบกลุ่มก่อเกลียวเกาะเกี่ยวกัน
ร้อยกลุ่มพันลมวนจนกลุ่มก้อน
ล้านอะอองอัดอั้นเริ่มสั่นคลอน
สาดสะท้อนทึบทึมเจ้าครึ้มฝน
ทะมึนมืดพืดพาดและกราดเกรี้ยว
พลังเหนี่ยวนำประจุทะลุร่น
อสุนีฟาดฝากจากเบื้องบน
แล้วหลั่งล้นฝนหล่นลงบนดิน
เจ้าโกรธขึ้งเคืองใครไม่กล้าถาม
เมฆในยามฝนฟ้าดังบ้าบิ่น
หมองเหมือนทาบฉาบทาด้วยราคิน
สวยที่สิ้นสูญไปเพราะใจร้าย
แต่หวังว่าเวลาพายุสงบ
จะได้พบเมฆน้อยลอยเป็นสาย
เป็นละอองไอสวยดั่งขวยอาย
ระเริงร่ายละล่องลมให้ชมเพลิน
(ม้าก้านกล้วย)