21 มีนาคม 2546 18:08 น.
ม้าก้านกล้วย
แรมรอนจรไปในเส้นทาง
เหนือบ้างล่องใต้ไปอีสาน
ล้อรถหมุนพาไปหางาน
ปฏิบัติการสัญจรเร่ร่อนไป
วันนี้ก็เป็นเช่นวันอื่น
ลืมตาตื่นขึ้นมาฟ้าวันใหม่
ก็เดินทางท่องแดนอันแสนไกล
เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียวดาว งาว ลำปาง
นั่งรถขึ้นเหนือ เบื่อก็ทน
นั่งจนรำคาญหนัก ก็พักบ้าง
นั่งรถแล่นบึ่ง ถึงเมืองฝาง
นั่งพลาง คิ้วขมวด ปวดชมัด
ให้รถจอดข้างห้องน้ำ ปั้มข้างทาง
ก็เต้นผาง เต็มกลั้น อั้นอึดอัด
ก็เป๊บซี่ สุรา สารพัด
เกินพิกัด กระเพาะนั้น กักกันไว้
ลงทำท่า ยื่นหน้า ปัสสาวะ
แทบผงะ ที่ฉี่ อยู่ที่ไหน
ก็เคยอยู่ ตรงนี้ ที่เคยใช้
แล้วทำไม มันไม่ใช่ ใจจะวาย
เหตุพลิกผัน สัปดน ดังโดนถีบ
ภาวะบีบคั้นอั้นมันน่าหน่าย
หน้าห้องน้ำห้องนั้น มันเขียนป้าย
ที่ปัสสาวะชาย อยู่ด้านหลัง
(ม้าก้านกล้วย)
19 มีนาคม 2546 18:16 น.
ม้าก้านกล้วย
สุริยะ จะถด ลดรวิ
ซุกและซบ หลบกระบิ มิแผดพิษ
แอบแทบหัตถ์ เมฆมืด พืดสนิท
มุดมิดชิด ฤทธิลด บทจะพลบ
วิเวกนัก หากจะคิด จิตกระหวัด
ดุจพรากพลัด สลดลึก ตรึกตลบ
รักกระเจิด เกิดกระจัด สุดบัดซบ
มิอาจหลบ จบและจาก มิอยากนึก
แดดมืดมิด จิตมืดดับ รับสภาพ
รุกรักหยาบ ปราบปลอบ ลอบผนึก
เมฆกรีดกราด พาดพัด ขัดสำนึก
โอดสะอึก ตรึกวิตก ตระหนกนัก
สุริย์ลับ ดับจาก อยากจะโศก
อยากจากโลก สุดโหด โจษประจักษ์
ระลึกฤทธิ์ ติดวิตก อกทะลัก
โอษฐ์กระอัก รักคุด ดุจนรก
โลกมืดดับ รับรส สะกดกัด
โบกสะบัด พะยุพัด กวัดวิตก
ศศิกวาด สาดแทรก ยับแยกอก
รึ ธ คิด ติดตลก ยกหยอกเยาะ
หากมิรับ ระลึกจิต คิดมิคาด
อาจจะพลาด จิตคิด ผิดวิเคราะห์
หักชีพหาก จากสติ มิปะเหลาะ
โจทย์จำเพาะ เยาะมนุษย์ ดุจจะตาย
(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกลตายหมดนี้ จะใช้คำตาย ทุกคำ ทั้งหมด แต่ คำท้ายสุดของบท ต้องใช้ คำเป็น เพราะโบราณว่า ถ้าใช้คำตายหมด ผู้ประพันธ์ จะตายด้วย( แบบ ไม่ค่อยเชื่อ น่ะ นะ แต่ ก็ ยังไม่อยากเสี่ยง)
19 มีนาคม 2546 09:49 น.
ม้าก้านกล้วย
อาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นฟ้า
สกุณากำลังจะจากเหย้า
ราตรีกำลังผันเป็นวันเช้า
แต่สองเรากำลังจะจากกัน
ที่อาศัยอยู่ในดอยกันดาร
ไม่ต้องให้ใครเห็นใจฉัน
แต่แล้วถึงกาลได้พบกัน
ซึ่งมันทำให้ฉันได้พบเธอ
เธอมาเหมือนหยาดฝนหลั่งไหล
แต่ก็จะจากไกลใจฉันเหม่อ
ฉันเปรียบดั่งหญ้าบนดอยคอยปรนเปรอ
แค่ชะเง้อรอฝนที่ตนฝัน
เมื่อรับหลากจากฟ้าก็กล้าแข็ง
แต่แล้วแหล่งน้ำฟ้านานานั้น
ก็เหือดหายกลายกลับลับลากัน
คงทิ้งฉันเป็นหญ้าแห้งบนแล้งร้าย
เธอมาเหมือนสายหยาดฝน
แล้วไหลล้นลงสู่ธาราสาย
มาแล้วลารักแล้วร้างจางมลาย
พบแล้วพลัดกระจัดกระจายง่ายดายนัก
ต่อแต่นี้ คงมีแต่น้ำตา
รอแค่การกลับมาของคนรู้จัก
หญ้าบนดอยสูงเหม่อเพ้อถึงรัก
เหงาชะงักรอฝนใหม่ได้แต่รอ
(ม้าก้านกล้วย)
18 มีนาคม 2546 20:04 น.
ม้าก้านกล้วย
ค่ำคืนนี้มีดนตรี ที่ร่าเริง
ฉันจะเหลิงเล่นร้องเพลงพ้องเสียง
จะร่ายรำทำทำนองของสำเนียง
จะเพื่อเพียงให้เธอยลจนยินดี
ค่ำคืนนั้น ฉันจะเป็นดวงจันทรา
จะเปล่งจ้า สง่าแรงด้วยแสงสี
จะเย้ยดาวเจ้ากระพริบเจ้าริบหรี่
ค่ำคืนนี้ ฉันยินดี ที่เธอเยือน
เธอเล่าจะเป็นดาวดวงไหน
เป็นดาวเรือง ใกล้ใกล้ ให้เป็นเพื่อน
แล้วรายรอบจันทรามาเสมือน
เป็นเช่นเพื่อนร่วมร้องรำทำนองสวย
กลัวเหลือเกินเธอจะเป็นเช่นเมฆฝน
ก็หน้าหม่นหมองใจไม่สลวย
หากเป็นดั่งห่วงใย ไม่อำนวย
ฉันจะช่วยผ่อนคลายสลายเหงา
อย่าให้เมฆาหม่นมาบดบัง
อย่าได้นั่งดูดายคล้ายคนเศร้า
ก็เพลงเพราะ ครื้นเครง บรรเลงเคล้า
ให้หมู่เรา เริงลีลา มาเถิดเธอ
คืนนี้ฉันจะเป็นจันทราสวย
มีเธอช่วยเป็นดาวห้อมล้อมเสมอ
อย่าปล่อยให้เพลงร้องต้องเขินเก้อ
ชวนเชิญเธอ เริงรื่น ในคืนนี้
18 มีนาคม 2546 12:29 น.
ม้าก้านกล้วย
ลมบ้าหมูหมุนวนจนจางลับ
ฟ้าดำดับกลับไสวไร้สลัว
ลมหนาวเหนือลดแรงแล้วแผ่วระรัว
ทดแทนทั่วลมแล้งทุกแห่งหน
ไฟมอดมิดดับกลับเงียบงัน
ตรงจุดนั้น เหลือแค่ควัน อันหมองหม่น
รอลมหมุน ลูกใหม่ ลุกไล่ลน
รอเด็กซน อีกหลายคน มาค้นพบ
ปลักกรังน้ำขังก็ยังอยู่
รอผู้หนีตายได้ประสบ
คราวคับขัน หวั่นภัย ได้ซุกซบ
เพื่อได้หลบ รอดรอ ต่อชีวิต
กลุ่มเด็กน้อยพลอยได้อาศัยตม
ในแหล่งหล่ม ปะปาด ยามพลาดผิด
แล้วแต่คน แล้วแต่ใคร จะได้คิด
ใช่แต่ติด ซุกซน จนเจอดี
เจ้าเรียนรู้ อยู่รอด อย่างปลอดภัย
เลยเห็นใจ ปลาซึ่ง เมื่อถึงที่
น้ำแล้ง ลดหลั่น วันไม่มี
น้ำที่ หล่อเลี้ยง ไม่เพียงพอ
ก่อนจะกลับ แยกย้ายไปบ้านตน
ช่วยกันขน ฝูงปลา มาปล่อยบ่อ
เพื่อรอดร้าย ตายแล้ง แรงร่อยหรอ
เพื่อช่วยต่อ ชีวิต คิดแทนคุณ
(ม้าก้านกล้วย)