23 กุมภาพันธ์ 2546 11:53 น.
ม้าก้านกล้วย
ไฟในค่ำ คืนค่อน ตอนค่ำค่ำ
ฟ้าดำดำ ดึกดื่น คืนหนาวหนาว
เดือนเดี่ยวเดี่ยว แลลับลับ ประดับดาว
น้ำค้างพราว ปรอยปรอย คอยครวญครวญ
ข้างกระท่อม ซอมซ่อ รอเก้อเก้อ
ใจเหม่อเหม่อ หม่นหม่น จนจิตหวน
คิดถึงแก้ม เรื่อเรื่อ ของเนื้อนวล
รินรัญจวน ร่ำร่ำ น้ำอบนาง
ครั้งเคยเคย เคลียคลอ พะนอน้อง
เพ็ญผ่องผ่อง หวามหวาม งามกระจ่าง
เคยกุมมือ นุ่มนุ่ม จุมพิตพลาง
ประทับปราง เบาเบา เกรงเจ้าอาย
ลอบดอมดอม หอมหอม ยอมให้เคือง
อยู่เนืองเนือง หนักหนัก รักไม่หน่าย
คำคำหนึ่ง ซึ้งซึ้ง ซึ่งบรรยาย
ว่าพี่ชาย เพ้อเพ้อ ถึงเธอนัก
ไฟในค่ำ คืนค่อน ตอนเศร้าเศร้า
ร้อนเร่าเร่า ราญราญ โดนหาญหัก
นึกเอาเอง ลึกลึก มัวทึกทัก
แค่หลงรัก เล่นเล่น ไม่เป็นจริง
น้ำตาขุ่น อุ่นอุ่น วุ่นวุ่นจิต
ได้แค่คิด ขัดขัด อึดอัดยิ่ง
ม่านบางบาง บังตา มารยาหญิง
นั่งนิ่งนิ่ง หวาดหวั่นหวั่น ฝันลมลม
รั้งรั้งรอ เรื่อยเรื่อย เหนื่อยเปล่าเปล่า
รักเก่าเก่า กลายเกลียด เหยียดขมขม
ใจว่างว่าง อย่างย้ำย้ำ ร่ำระทม
ตรึงตรมตรม ข่มจางจาง ข้างเปลวไฟ
(ม้าก้านกล้วย).
กลอนกลบท แม่ยมก นี้ เป็นกลอนที่ต้องหาคำคำใด คำหนึ่ง มี ซ้ำ ย้ำยมก ให้ เสียงกระดก จะได้มีอรรถรส และก็มีลีลา ที่สวยงาม ดังนี้
4 กุมภาพันธ์ 2546 08:44 น.
ม้าก้านกล้วย
เหม่อมองอย่างหมองหม่นต้นยางใหญ่
เมื่อลมไล่หมุนวนจนปั่นป่วน
เด็ดลูกรักจากขั้วช่างยั่วยวน
ลูกยางทวนลมท่องละล่องแล้ง
จึงจากต้นแม่ไปไม่คืนกลับ
ละล่องลับนับนานผ่านระแหง
ละลิ่วลอยลมโหมตระโบมแรง
ไปตกแห้งระกำใดก็ไม่รู้
แม้ยางโทนต้นนั้นยังมั่นคง
แม้ลูกหลงลาไปไกลเกินกู่
ยางคงร่ำโรยระอาน่าเอ็นดู
ลูกไม่อยู่ใกล้แม่แม้ลูกเดียว
ไม่เป็นแม่ไม่สะทกหัวอกแม่
ปล่อยให้แก่กุดไปไร้แลเหลียว
ลูกทะโมนโจนทะยานงานเป็นเกลียว
แม่หนึ่งเดียวจากไปไม่อาทร
มันลืมสายสัมพันธ์วันมันเยาว์
ลืมเมื่อยามโง่เขลาใครเล่าสอน
ลืมเนื้อเพลงวัดโบสถ์โอดอาวรณ์
ลืมเปลไกวกล่อมนอนตอนนิทรา
เหม่อมองอย่างหมองหม่นต้นยางเดี่ยว
หนังก็เหี่ยวหลังก็ห่อรอเพียงว่า
ลูกทั้งหลายที่หายไปไกลสายตา
จะกลับมา เผาแม่มัน วันแม่ตาย
(ม้าก้านกล้วย)
4 กุมภาพันธ์ 2546 08:42 น.
ม้าก้านกล้วย
เฒ่าหนึ่งรำพึงถึงกาลเก่า
ครั้งเขาเป็นชาวเกษตรแกร่ง
ตรากตรำทำนาล้าเรี่ยวแรง
ในแอ่งนาปีมีอุดม
กระบือถึกโทนโหนแอกแอ่น
ไถแผ่นนาสินดินผสม
ทดน้ำเก็บกักหมักเป็นตม
ทับจมซังเก่าเอาเป็นปุ๋ย
ไม่เคยซื้อหายามาพ่น
ถอนต้นหญ้าบ้างช่างทอดหุ่ย
เสร็จงานหว่านกล้าพาเจ้าทุย
เป่าขลุ่ยเกี้ยวใครไม่มีเมิน
ลุงหนึ่งรำพึงถึงวันนี้
วันที่นาล่มตรมสะเทิ้น
ชลประทานเก็บวังขังไว้เกิน
ความเจริญจมหายในสายน้ำ
นาปีทำได้ไม่พอกิน
หนี้สินทบต้นจนหน้าคว่ำ
ปุ๋ยยาพันธุ์ข้าวจ้าวจำนำ
เก็บกำเกี่ยวไว้ใช้ต่อทุน
ควายเนื้อขายไปซื้อควายเครื่อง
สิ้นเปลืองน้ำมันกันว้าวุ่น
ไร้อารมณ์สุนทรีไม่มีบุญ
ไร้ทุนค้ำจุนรุ่นต่อไป
หนุ่มหนึ่งรำพึงถึงวันหน้า
เสียท่าเงินตราหาที่ไหน
เกษตรกรจมปลักหนักเกินไป
หวังได้งานใหม่ที่ไต้หวัน
ควายคร้านผานไถไม่สนแล้ว
แน่แน่วโบกบินถิ่นสวรรค์
รับจ้างก็พอขอรายวัน
กินกันแค่เมาแล้วเข้านอน
เป่าขลุ่ยแทบตายไม่ได้เมีย
โนเกียดีกว่ามาออดอ้อน
เพลงรักเพลงยาวเจ้าบทกลอน
แพ้กะล่อนขี้เหล้ากระเป๋าตุง
(ม้าก้านกล้วย)