27 กุมภาพันธ์ 2546 11:38 น.

นิราศ กรุงเทพ(3)

ม้าก้านกล้วย

สงสาร ชาวกรุง ยุ่งเหยิงยาก
ลำบาก ไม่บ่น ทนเหลือหลาย
แข็งแกร่ง ปานนั้น มันเกือบตาย
วุ่นวาย เหลือเกิน เงินและงาน
กี่เวลา กี่ค่ำ กี่ย่ำรุ่ง
ปูนกี่ถุง ทรายกี่ถม ผสมผสาน
ไม้กี่ต้น คนกี่ผู้ มาสู้งาน
กี่นั่งร้าน กี่เหล็กเส้น มาเป็นเมือง
กี่บ้านนอกผู้ผลิตมาผิดพลาด
ตักและตวงธรรมชาติ พินาศเนื่อง
เพื่อหล่อเลี้ยง จรุง ความรุ่งเรือง
อย่างสิ้นเปลือง เปรอปรน จนอ้วนพี
ปฏิกูล กี่กอง มาลองคิด
กรรมกร กี่ชีวิต มาติดหนี้
เจ้าพระยา กี่เหม็น มาเป็นปี
สดุดี กี่โม้ โกหกกัน
ท่ามกลางกองดินทรายทั้งหลายหลาก
ท่ามกองซากก่อสร้างอย่างหวาดหวั่น
มีคำถามมากมายในใจฉัน
นี่สวรรค์ หรือฉันมา อเวจี

(ม้าก้านกล้วย)				
27 กุมภาพันธ์ 2546 11:35 น.

นิราศ กรุงเทพ(2)

ม้าก้านกล้วย

รับฟังคำอ้างอย่างโอ่อ่า
ฉันจึงเร่ลิ่วมาด้วยว่าเขลา
ทัศนาแดนฟ้าดีกว่าเดา
จึงเข้า เยี่ยมยล บนกรุงไกร

เขาว่ากรุงเทพ เป็นแดนสวรรค์
แต่ว่าตัวฉัน นั้นยังสงสัย
วิมานเทวา เจ้าฟ้าองค์ใด
เมืองจึงถึงได้ วุ่นวายเสียนัก
ทั้งคนทั้งโคตร  กระโดดโลดแล่น
ทั้งหมื่นทั้งแสน แห่แหนแน่นหนัก
รถราขวักไขว่ ไอเสียทะลัก
กระอ่วนกระอัก จวนจักอาเจียร

อึกทึก จอแจ และแออัด
สารพัด สีฉีด ขีดและเขียน
ลำดับญาติ ลูกพ่อ ล้อโรงเรียน
แล้วแวะเวียน ตีกัน ฉันท์ญาติมิตร
อาคารสูง แข่งสร้าง อย่างแข่งขัน
อาคารนั้น ขยะดำ ขย้ำมิด
อาคารเหลือ ปล่อยร้าง ว่างสนิท
อาคารติด ผิดผัง พังทลาย

(ม้าก้านกล้วย)				
27 กุมภาพันธ์ 2546 11:33 น.

นิราศ กรุงเทพ(1)

ม้าก้านกล้วย

เมืองเอ๋ยเมืองรุ่งเรืองเมืองโอฬาร
เปรียบวิมานปานแดนแผ่นสวรรค์
วิไลรุ่งเรืองอร่ามล้ำลาวัลย์
ดุจสร้างสรรค์เพื่อเสพสุข ทุกทิวา
โอ้เมืองหลวงกรุงเทวามหานคร
แห่งอัมรินทรอมรฟ้า
ร่ำราตรีแสงประดับระยับตา
ดั่งเด็ดดวงดารามาแต้มตาม
สว่างโรจน์โชติประภากว่าหนใด
ยากหาไหนเสมอได้ในสยาม
อาคารร้านค้าหรืออาราม
ประดับงามประดับไฟไสวระวี

สวนจำลองดุสิต ประดิดประดอย
ถอดทยอยจากเขต เศวตสวรรค์ 
อินทรทิตย์ทรงเสก เอนกอนันต์
ร้อยคำสรรเสริญเทียบ ฤาเปรียบฤาปาน
ระงมลอดสอดรับ สดับเสนาะ
พริ้งไพเราะเพลินจิต สนิทสนาน
อารยะผุดผาด สะอาดสะอ้าน
รโหถานวิจิตร สฤษฎ์เสลา

(ม้าก้านกล้วย)				
24 กุมภาพันธ์ 2546 18:24 น.

รัก และ ไวน์

ม้าก้านกล้วย

รักแรกน่าถนอมหอมและหวาน
เปรียบน้ำตาลปานน้ำผึ้งซึ่งเอมอิ่ม
เหมือนลูกไม้นานาที่น่าชิม
ชวนลองลิ้มลองรักจักรู้รส
หากหอมหวนยวนใจได้มินาน
หากไหวหวานพาลเพี้ยนเปลี่ยนไปหมด
หากรุมเรื้อเชื้อลงคงเสียรส
หากแปร่งปร่าปรากฏอดชื่นใจ
ถึงเพียงนั้นแม้นช่วยทนุถนอม
บ่มให้หอมหมักให้ห่ามจนงามใส
เปรียบน้ำหวานหมักด้วยเชื้อเจือด้วยใจ
จะเป็นไวน์ล้ำค่าถ้ารั้งรอ
ฉะนั้นควร ตีราคา ค่าของรัก
อย่างแน่นหนักอย่าเย้าหยอกหรือหลอกล่อ
มีเมรัยรสดีมีค่าพอ
แอลกอฮอล์ ยี่ห้อหรู สู้ราคา
หลายคู่ ร้างไป ไม่รื่นรมย์
เพราะแรกขม รีบขื่น ตื่นประหม่า
ด่วนสะดุด หยุดสัมพันธ์ อันมีค่า
เพราะเกรงว่า รักจะตรม ขมระกำ
หากอดกลั้นแค่ไวน์ ไม่แรงพอ
อดใจรอ บรั่นดี ที่เลิศล้ำ
กลั่นเอากลิ่น รินเป็นแก้ว แล้วดื่มด่ำ
หัวคะมำ ปักใจ เมามายรัก
สุดท้าย ได้สดับ รับรู้รส
ฝืนสะกด ทนเจ็บ เก็บและกัก
ฝืนทั้งหวาน เปรี้ยวขม จะสมรัก
เป็นคอนยัก กรุ่นดีกรี ที่ร้อนแรง

(ม้าก้านกล้วย)				
24 กุมภาพันธ์ 2546 18:21 น.

เอี้ยง เอ๋ย

ม้าก้านกล้วย

เอี้ยงเอ๋ย เจ้าเอี้ยงไพร
จากพรากแม่มาไกลไร้เดียงสา
ไม่รู้เรื่องแดนดงพงพนา
ไม่เคยโผผ่านฟ้ามาโบยบิน
เขาให้เจ้าเอ่ย อ๋อ อ่อ อี้ เอียง
หัดด้วยเสียงปากคนเสียจนสิ้น
ให้เรียกหาเอี้ยงจ๋าจนชาชิน
เขาตัดลิ้นบิ่นบางอย่างทารุณ
เจ้าคงอยากหลบหนีจากที่ขัง
กระโดดดังใบ้บ้าดูว้าวุ่น
ทำบาปกรรมแต่ปางไหนช่างไร้บุญ
มาเกื้อหนุนเจ้าบ้าง ช่างไม่มี
เอี้ยงเอ๋ย เจ้ากำพร้า
วาสนาย้ายแยกช่างแปลกที่
ไม่เห็นใครไหนหนามาใยดี
ไม่มีฝูงเผ่ามาเข้าใจ
ยกหางวางหัวไปทั่วกรง
บ้างนิ่งงุนงงอย่างสงสัย
วิ่งว่อนจนวิงเวียนเพียรขอให้
เขาเห็นใจปันเพื่อเผื่อข้าวปลา
กรงมิดชิดไร้อิสระภาพ
เขาช่างใจบาปหยาบช้า
จับลูกพรากพ่อแม่มา
อวดว่ามีบุญใจสุนทาน

(ม้าก้านกล้วย)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย