30 กันยายน 2545 09:11 น.
ม้าก้านกล้วย
ในสายชลที่ไหลล่องลดหลั่นมา
จากภูผาสูงไกลในแดนชุ่ม
มีปลาน้อยแหวกว่ายหลายหลายกลุ่ม
บ้างมารุมออขังกลางวังน้ำ
ในน้ำหลากรี่ไหลในแก่งกว้าง
ท่ามกลางกระแสเชี่ยวเป็นเกลียวกล้ำ
เจ้าแหวกโผโต้ต้านธารกระหน่ำ
กระโดดดำผุดว่ายร่ายร่าเริง
น้ำนิ่งวังหลังก็ยังมี
แต่ปลาเจ้าเร้ารี่ปรี่ลุ่มเหลิง
กระจุกจัดขนัดแน่นแล่นกระเจิง
ในน้ำเจิ่งนองเนืองเปลืองเรี่ยวแรง
ไฉนเจ้าต้องมาต้านทานทางน้ำ
เจ้าชุ่มฉ่ำหรือชอกช้ำย้ำใจแย้ง
หรือโหยหาเพื่อนใหม่ไปทุกแห่ง
หรือใจแห้งโหยรักจักต้องจร
แก่งน้ำทดลดหลั่นนั้นเชี่ยวกราก
เจ้าเร่งลากรุดว่ายมิถ่ายถอน
หวังจะว่ายขึ้นไปในแดนดอน
คงไปชอนไชชลค้นหารัก
ไปเถิดปลาน้อยคอยชมช่วย
หวังใจด้วยใจจริงยิ่งตระหนัก
โลกใบเก่าเจ้าน่าหน่ายกระหายนัก
จึงรู้จักกระโจนค้นหาต้นน้ำ
(ม้าก้านกล้วย)
30 กันยายน 2545 09:09 น.
ม้าก้านกล้วย
คืนพระจันทร์ฟ้าพะเยาเฉลาลอย
กระหวัดก้อยเกี่ยวก้าวกลางดาวสวย
อนงค์สาวพะเยาหนาวผ่าวระรวย
ประสงค์ฉวยนางแนบมาแอบอิง
คืนพะเยาเพ็ญสว่างกระจ่างแจ่ม
สลับแซมน้ำค้างหนาวพราวอ้อยอิ่ง
จ้องเนตรน้องซึ้งซบสงบนิ่ง
อุ่นไฟผิงมิอุ่นเท่าไอเจ้าอวล
เคลียเคียงเจ้าสาวพะเยาพะเน้าพะนอ
จะเอ่ยขอจุมพิตจิตสงวน
ก็กลิ่นกายหอมกรุ่นครุ่นคิดครวญ
ช่างเชิญชวนละเมอหลงคงคลั่งไคล้
คางคอศอสรวลยวนถวิล
เสนาะเสียงเพียงเพลงพิณระรินไหล
กลั้นสะกดใจจนกมลละมัย
ไม่อาจไกลจากไปไหนได้อีกเลย
สาวพะเยาโฉมข่มโสมกระจ่าง
พระจันทร์พร่างยังหวังข้างเคียงเขนย
ดาราลอยก็หล่นฟ้ามาขอเชย
พี่ก็ขอเพียงเผยเอ่ยจำนงค์
ขอร่วมอยู่คู่สาวพะเยาสวย
ขอช่วยเคียงข้างอย่างลุ่มหลง
ขอมั่นคงมิพักพะวักพะวง
ขอเจ้าจงปราณีพี่สักคน
(ม้าก้านกล้วย)
10 กันยายน 2545 08:07 น.
ม้าก้านกล้วย
เมื่อฝนโปรยแปลกไป ใจจึงหวั่น
ราววสันต์ส่อพิรุธว่าสุดสิ้น
เคยพิสุทธิ์ทุกพิสัยใจถวิล
ฝนจะรินสั่งฟ้าจะลาแล้ว
ดอกไม้จึงแข่งเบ่งเร่งผลิบาน
แลละลานผืนพนาผกาแก้ว
คลุ้งธุลีเกสรขจรแผ่ว
ผสมแล้วเร่งประดิษฐ์ผลิตพันธุ์
คุ้งวารีฉ่ำชื้นจะคืนลับ
จะทรงซับน้ำเหนือเพื่อกักกั้น
จะนองนิ่งขังไว้ไม่กี่วัน
ก็จะหลั่นลดลงคงจะแล้ง
อณูของละอองหมอกเหมือนบอกลา
ละล่องแล่นเป็นแผ่นหนากว่าจะแห้ง
ใบไม้เขียว เปลี่ยนขจีเป็นสีแดง
ราวกับแปลงคืนฝันเป็นวันเหงา
เพ็ญบนสรวงทรงกลดสลดนัก
น้ำค้างหนาวพราวหนักสลักเศร้า
สงัดหริ่งเรไรในลำเนา
ไพรเสลาแลสลายคลายเผชิญ
ฤาวสันต์จะจากจะพรากไป
ฤาไสวจะจางจะห่างเหิน
ฤาถึงยามเหมันต์หวั่นเหลือเกิน
ชิงอันเชิญพิรุณลาเชิงอาลัย
(ม้าก้านกล้วย)
10 กันยายน 2545 08:06 น.
ม้าก้านกล้วย
เมื่อน้ำก้อกราดเกรี้ยวมันเชี่ยวชะ
โถมปะทะเลื่อนลอยจากดอยโล้น
หลากทะยานผ่านซากเขาถากโค่น
ทะยอยโยนเกลียวก้อนตะกอนกรัง
ทะลักล้นบนตลิ่งตลอดทาง
กระชากอย่างรุนแรงกำแหงคลั่ง
กระแทกทิ่มบ้านเรือนกระเทือนทั้ง
อารามวัดพัดพังตั้งหลายเวียง
สถานการณ์ผ่านมากว่าค่อนปี
หลายชีวีแตกตายเป็นหลายเสี่ยง
บ่มอารมณ์ถมทะเลาะก็เพราะเพียง
ต่างก็เกี่ยงกอบกู้ไม่รู้จริง
แล้วน้ำก้อยังเกรี้ยวกราดขลาดและเขลา
มรสุมตั้งเค้ามาเข้าสิง
พายุโหมแสนห่ามาอ้อยอิ่ง
ฝนก็ชิงตกกระชั้นมันมากมาย
เหมือนคำสาปผีป่ามาร้องร่วม
เมื่อน้ำรวมหลั่งหลากมากกว่าหมาย
น้ำก้อตื้นเขินเกินระบาย
สุดท้ายจึงพ่ายสายเกินการ
เมื่อน้ำก้อกราดเกรี้ยวเชี่ยวกระชาก
บ่าหลากจากดอยโล้นกระโจนผ่าน
แรงปะทะมากไปไร้ต้านทาน
หมู่บ้านจึงพินาศอนาถแล้ว
(ม้าก้านกล้วย)
10 กันยายน 2545 08:05 น.
ม้าก้านกล้วย
น้ำนิ่งใส ในกลางบึง ซึ่งสงบ
มีบอนหลบ แตกกอ หน่อน้อยน้อย
ไม่อาจอวด อ้างองค์ ทรงต่ำต้อย
คงต้องคอย ครวญคร่ำ ร่ำระทม
เพราะรู้ค่า คู่ควร แค่มวลไม้
ใช่ยิ่งใหญ่ เช่นแปลงปลูก ถูกทับถม
แค่บอนคัน ใบเขียวอ่อน ค่อนแคะข่ม
ว่ากลิ้งกลม ดังหยดใส บนใบบอน
ใครใครเขา พิศพึง แค่บึงบัว
ชูช่อชัน หยันยั่ว กลั้วเกสร
สีสัน สะดุดตา พาใจอ่อน
ที่แทรกซ้อน สวยสม ชวนชมนัก
น้ำลึก ยังเหยียดยอด ทอดเป็นสาย
แผ่ขยาย เขตคาม รามสลัก
บานเบ่ง ขึงขัง สะพรั่งสะพรัก
ด้วยใจรัก เพียงปทุม กลุ่มผกา
แล้วเมื่อ ถึงยาม ที่น้ำลง
ปรามปลง คงเหมือน เดือนเมษา.
อากาศร้อน ร้อนไล่ ในอุรา
กอบัว ก็พา กันแห้งกรัง
ก้านยาวสูง สลอน ต้องนอนราบ
เปื้อนสาบโคลน คล้ำปน สิ้นมนต์ขลัง
ใบกรอบเกรียม ต่ำตก รกรุงรัง
แม้เหยียบย่าง ก็ยัง มิกล้ากราย
เหลืออยู่เดียว ใบเขียวอ่อน เคยค่อนข่ม
กลับมาชม สมชื่น รื่นบอนร้าย
ผงาดใบ เขียวแก่ แผ่สยาย
กรีดกราย แกร่งก้าน ต้านเหมันต์
น้ำน้อย น้ำนองเนือง เรื่องของน้ำ
บอนใบบาง กลางต้อยต่ำ ย้ำเย้ยหยัน
ยังชื่นยอด ชันชู อยู่อย่างนั้น
ไม่หวาดหวั่น มิพึ่งพา ธาราลอย
(ม้าก้านกล้วย)