13 กรกฎาคม 2545 12:00 น.
ม้าก้านกล้วย
รักน้อยน้อย แต่นานนาน มิราญรัก
หนึ่งใจภักดิ์ ของพี่ มีเพียงหนึ่ง
ซึ้งใจเจ้า ประคอง ครรลองซึ้ง
ใจที่ซึ่ง รับรู้ อยู่ในใจ
แม้นบังอาจ คลายคลาด มิมาตรแม้น
ไร้ทดแทน ตรมตรอม ก็ยอมไร้
ไม่มีเธอ ทั้งฟ้า หาเปรียบไม่
เชยหญิงใด คงจืด คงชืดเชย
ช้ำเพรารัก หักตรม ระทมช้ำ
เฉยระกำ หากพร่ำ กลับทำเฉย
เลยไม่รู้ ใจพธู มิรู้เลย
ลาละเลย เลิกเรื่อง เปลืองเวลา
ห่วงนักหนอ จึงพนอ ก็เพราะห่วง
หาคนหวง เยี่ยงพี่ มิต้องหา
มาเถิดแก้ว ใจนี้ ที่รอมา
นาน ยิ่งกว่า กาลเวลา ที่ว่านาน
รักพี่นิด เถิดน้อง ร้องขอรัก
หวานยิ่งนัก นวลน้อง ยิ่งมองยิ่งหวาน
ปานเทวี มาเทียบ มิเปรียบปาน
อ้อยว่าหวาน คลายคร้าน เพียงชานอ้อย
ขอรักเรา นานเนา เท่าร้องขอ
ร้อยผกา ร้อยช่อ รอเรียงร้อย
คอยคำรัก ซ้ำหนอ ขอแค่คอย
รักน้อยน้อย แต่นานนาน มิราญรัก
(ม้าก้านกล้วย)
กลกลอน นี้ ชื่อ ครอบจักรวาล ด้วย บรรทัดบนและล่าง ใช้คำเดียวกัน คำต้นและคำท้าย เป็นคำเดียวกัน ซึ่งเป็น ครอบจักรวาล หนึ่งชั้น แต่ที่แต่งนี่เป็นครอบจักรวาล ทางช้างเผือก หรือเรียกอีกกลหนึ่งว่า กลอน รอยเกวียน คือ คำต้น ที่จะซ้ำคำท้าย เอามาต่อกัน ก็ จะได้ใจความด้วย
13 กรกฎาคม 2545 11:52 น.
ม้าก้านกล้วย
แมกไม้สายมูล ร่ำร้อง
วอนน้องคืนนา มาบ้าน
นางจากจำเมิน เนิ่นนาน
ลืมน่านน้ำมูล แล้วหนอ
จะวิงวอนนาง อย่างไร
ด้วยน้องเจ้าไกล ใจท้อ
เสียงคลื่นน้ำนอง ร้องขอ
จดจ่อวันนวล หวนคืน
แมกไม้มวลหม่น หมองหมาง
แม่มูลครวญคราง ข่มขืน
แม้นรักพี่ยัง ยั่งยืน
แม้รอก็ฝืน เฝ้าฝัน
สังวันหนึ่งคง สมใจ
เฝ้ารอเรื่อยไป ใจสั่น
วันน้องเจ้าคืน มานั้น
แมกไม้จะพลัน ผลิบาน
แม่มูลจะไหล รินรื่น
ผกาก็ตื่น ชื่นหวาน
จะหยอกเจ้าเอิน เนิ่นนาน
กักกานต์ชิงฉวย ด้วยรัก
มิให้ไกลปลีก อีกเลย
จะนอนเขนย เชยพักตร์
จุมพิตที่ปราง นางหนัก
ประทับแทบตัก แทบตาย
แมกไม้สายมูล เฝ้าฝัน
พอฟื้นตื่นพลัน สลาย
คว้าไขว่ไออุ่น วุ่นวาย
มิได้เคียงแข แม้เงา
แมกไม้ยังยืน ขื่นขม
แม่มูลยังตรม ข่มเหงา
เสียงคลื่นระดม ตรมเศร้า
เหลือเราริมไม้ ชายมูล
(ม้าก้านกล้วย - แมกไม้ สายมูล)
อันกลอนกลบท แสร้งว่า โคลงนี้ เป็นการเล่นกลอนหก อีกทางหนึ่ง ที่จะแบ่งออกเป็น วรรคละ สองตับ และวางเป็นรูปโคลง ดังนี้
ซึ่ง ผู้เล่นโคลงแท้ มักติเตียว่า เล่นโคลงไม่เป็น ล่ะสิ ถึงมาเล่น กลอนแสร้งว่า แทน เลยทำให้กลอนแสร้งว่า มิมีคนเล่น สักเท่าไร แต่ ไหน ไหน จะรวบรวมกลกลอนแล้ว พลาดกลอนแสร้งว่า ไม่ได้ แน่นอน
12 กรกฎาคม 2545 12:19 น.
ม้าก้านกล้วย
น้ำเหนือหลาก มากมาย ในหลายนา
เสร็จงานกรำ ดำกล้า กว่าเดือนก่อน
เหนื่อยเหน็ด เคล็ดกาย ก็ถ่ายถอน
เพิ่งพักผ่อน เพียงพอ ก็คืนแรง
ข้าวชื่นขึ้น ยอดหรู ชูสล้าง
งานจึงว่าง จะร่วมใจ ไปเบาแบ่ง
ใบบอกบุญ วัดป่า มาแจกแจง
จึงจะแจ้ง ร่วมร้องขอ ไปหล่อเทียน
ขี้ผึ้ง จากรวง ที่หลังเรือน
ปาดเฉือน น้ำผึ้ง ซึ่งหวานเลี่ยน
ถั่วงา กระยาสารท กระจาดเจียน
ทำเทียน พรรษา มาไว้วัด
ชะลอมไผ่ ใส่ผ้าตาบ อาบน้ำฝน
ทั้งนมข้น ข้าวสาร ใส่จานจัด
พริกและเกลือ หยูกยา สารพัด
ห่อแล้วมัด รวมเข้าไว้ ถวายเณร
ปิ่นโตเงา เถาใหม่ ใส่แกงส้ม
มีขนม แป้งจี่ และหมี่เส้น
ตั้งใจ ใส่เสบียง เลี้ยงพระเพล
แล้วจึงเกณฑ์ ก่อไฟ ไว้หลอมลน
เทียนแท่ง บ้างแกะ บ้างแปะพิมพ์
เต็มอิ่ม กุศลอาบ ลาภคงล้น
ชายฉกรรจ์ มันมีแรง แย่งกันขน
เทียนต้น เสลี่ยงวอ ก็แต่งงาม
ตัดกระดาษ วาดลาย มาป้ายปิด
บรรพชิต คฤหัสถ์ ถนัดท่าม
วัดโน่นมี วัดนี้ด้วย ช่วยกันหาม
ทิวอร่าม แห่เทียน เวียนนาคร
สาวสวย ซ้อมเซิ้ง เริงระบำ
งามสม คมขำ ทำท่าฟ้อน
เล็บเรียว ย่างย่อ อรชร
องค์อ่อน เอวส่าย ยามร่ายรำ
กาละ บุญกุศล คนเกษตร
ทุกคามเขต นาไร่ ในคืนค่ำ
วามแสงเทียน ราวว่า จ้าแสงธรรม
สังฆกรรม สืบส่อ ต่อเนื่องมา
พุทธองค์ ดำรัสไว้ ให้โอวาท
แก่ภิกษุ ผู้ประกาศ ศาสนา
ยามฝนฉ่ำ อย่าย่ำก่น บนผืนนา
จำพรรษา ในอาราม เสียสามเดือน
อุบาสก เลื่อมใส รวมใจกัน
ทำเทียนปั้น ขี้ผึ้ง ซึ่งเสมือน
ประทีปนำ ธรรมรัตน์ ขจัดเลือน
ส่องทางเถื่อน ชี้ทางถูก แก่ทุกคน
ขอหยุดเรื่องกลอนกล ไว้ ตรงนี้ สักระยะหนึ่งแล้วกัน เพราะได้รับการร้องเรียนว่า พี่ม้า แต่งกลอนซะ เด็กใหม่ ๆ อย่างพวกหนู ๆ ไม่กล้าแต่งกลอนเลย(เป็นยังงั้นไปซะนี่) เลยขอเอากลอนบรรยากาศ ชนบท ที่ม้าชอบมากกกก มาให้อ่านกัน กลอนนี้ แต่งตามคำขอ ของ J&J ซึ่งพอดีกับวัด ข้างบ้าน มีใบบุญ ขอให้ไปช่วยทำเทียน เป็นกรรมการต้นเทียนกะเค้าด้วยนะ อ้อ แล้วเขาให้แต่งกลอนเซิ้ง ฟ้อนหน้าต้นเทียนอีกด้วยแน่ะ ก็ บทนี้แหละ แต่แปลงภาษาเป็น ไทอีสาณ
11 กรกฎาคม 2545 17:58 น.
ม้าก้านกล้วย
พิศอนงค์ทรงนาฎสวาสดิ์สวย
สวยสวาสดิ์นาฎทรงอนงค์พิศ
แล้วใจเผลอละเมอปลื้มลืมถูกผิด
ผิดถูกลืมปลื้มละเมอเผลอใจแล้ว
แก้วใจเอ๋ยร่ายราวชาวสวรรค์
สวรรค์ชาวราวร่ายเอ๋ยใจแก้ว
พึงใจพ้องน้องนวลครวญใจแผ่ว
แผ่วใจครวญนวลน้องพ้องใจพึง
ถึงวายว่ามรณาขอกล้ารัก
รักกล้าขอมรณาว่าวายถึง
พักตร์ผินจงทรงฟ้าจันทราซึ่ง
ซึ่งจันทราฟ้าทรงจงผินพักตร์
หนักฤดีพี่ตรองร้องรำพัน
รำพันร้องตรองพี่ฤดีหนัก
ปลงเพ้อไผลใจเก้อจะเผลอรัก
รักเผลอจะเก้อใจไผลเพ้อปลง
หลงรูปรางนางรอยคอยจะฝัน
ฝันจะคอยรอยนางรางรูปหลง
เพียรลิขิตคิดคำพร่ำบรรจง
บรรจงพร่ำคำคิดลิขิตเพียร
เขียนอาลักษณ์สลักลง ณ ตรงนี้
ตรงนี้ ณ ลงสลักอาลักษณ์เขียน
อาวรณ์นางห่างไกลใจวนเวียน
เวียนวนใจไกลห่างนางอาวรณ์
ม้าก้านกล้วย
กลอนกลนี้ ชื่อ ถอยหลังเข้าคลอง เป็นพระราชบัญญัติของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวเมื่อยังทรงเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รูปกลอนคือ วรรครับ จะใช้คำจากวรรคสดับมากลับหน้าหลังกัน และวรรคส่ง ก็จะใช้คำจากวรรครอง มากลับคำเช่นเดียวกัน
11 กรกฎาคม 2545 08:15 น.
ม้าก้านกล้วย
ไม่หวังรัก ดอกฟ้า กว่าใฝ่ปอง
ไม่หวังน้อง สูงค่า กว่าใฝ่ฝัน
พี่แค่ผู้ ต้อยต่ำ เพียงรำพัน
อยู่แต่เดียว เท่านั้น ฉันรู้ดี
พี่จะไม่ รบกวน ยั่วยวนน้อง
ไม่แลเหลียว เกี่ยวข้อง ให้หมองศรี
ลับตาแล ตัดใจ ตัดไมตรี
จะรักใคร จากนี้ พี่หลีกทาง
แม้นว่าน้อง มีใคร ที่ใหนอยู่
โปรดรับรู้ ว่าพี่ยอม ตรอมใจหมาง
เขาชิดหรือ เชยชม โฉมสอางค์
พี่จะไม่ ขัดขวาง ทางรักเธอ
จะตัดใจ ลาไป ด้วยใจเศร้า
จงลืมพี่ เถิดเจ้า คนเขลาเหม่อ
แม้เคยเฝ้า ดอกฟ้า มาเสมอ
จะเลิกรอ รักเก้อ เพ้อใจจาง
เปรียบพี่แม้น กระต่าย ไม่เจียมตน
แอบมองน้อง หน้ามล บนฟ้ากว้าง
แม้นจะรู้ หมายจันทร์ อันกระจ่าง
แม้นรู้นัย ใจจะร้าง ยังกล้าปอง
ร่ำรำพึง รำพัน ฝันเกินใฝ่
ไม่เจียมใจ เสนอหน้า แม้นว่าหมอง
ตระหนักตรง ใจนัก รักร่ำร้อง
ไม่อาจต่อ มิอาจรอง ปองดาวดัง
ขอรักคืน ได้ใหม ดวงใจพี่
รู้รักนี้ เกินกว่า จะมาหวัง
ปล่อยให้พี่ ชอกช้ำ เพียงลำพัง
จะไม่ขอ ฉุดรั้ง กักขังใจ
ไม่ต้องรอ พี่คนนี้ คนที่หมอง
ปล่อยใจน้อง คืนฟ้า หารักใหม่
ลืมคนที่ ต่ำต้อย ด้อยเกินไป
ลืมคนเดิม ที่ยากไร้ ไม่มีบุญ
ม้าก้านกล้วย
มาแก้กลอนกลขัดหนอ ขอนัด ให้อ่านกันแล้วครับ มี แมงโม้ ตอบถูกคนเดียวเอง เอ หรือว่า ที่ไม่กล้าตอบกัน เพราะรางวัลไม่จูงใจ หรือเปล่า เนี่ย ส่วนเรื่องของรางวัล หากไม่ประสงค์รับของรางวัลครบถ้วน ถือว่าสละสิทธิ์ นะ