31 พฤษภาคม 2545 14:44 น.
ม้าก้านกล้วย
เพียงเพื่อน
โคลอน
ฉันคงให้ได้เพียงแค่นี้
แม้รู้ตัวดียังคงหวั่นไหว
แต่จะไม่กลับไปฝากหัวใจ
ไว้กับใครเหมือนที่ผ่านมา
ไม่อยากให้เธอโทษตัวเอง
เพราะฉันไม่เก่งอะไรนักหนา
ที่ไม่ยอมย้อนวันเวลา
และปล่อยเธอเข้ามาในหัวใจ
ฉันยังคงเป็นคนเดิม
เพียงแต่เริ่มนับหนึ่งใหม่
จากที่เคยรักเธอหมดหัวใจ
ตอนนี้มีค่าเท่าไหร่คงรู้ดี
เพียงเธอ
แหมมาถึง ก็ ต่อว่าเป็นฉากฉาก
ว่าให้มากหมดใจไปแล้วนะนี่
ก็รู้ทั้งรู้ ว่าเธอให้มา หมดทั้งชีวี
ซึ่งก็ยินดี จะรักษาไว้ หมดใจเช่นกัน
ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรนี่นา
เพียงพอและเต็มอุรากับรักเรานั้น
ยกสูงเชิดชูรู้ว่าสำคัญ
และสัญญา ว่าไม่มีวัน จะลดจะลา
อย่าดูถูกตัวเองเช่นนี้อีกเลย
รู้อยู่แล้วว่าจะลงเอยในวันข้างหน้า
แต่อาจสิ้นรักเลิกห่างร้างรา
ต่อเมื่อชีวา ฉันนั้น สิ้นลง
(ม้าก้านกล้วย)
31 พฤษภาคม 2545 14:18 น.
ม้าก้านกล้วย
จะเล่น จะร้อง คะนอง คะนึง
จะส่ง จิตถึง คิดซึ้ง จิตใคร
คิดเอง กะเผลอ ละเมอ รักไหม
จะรู้ รึไม่ นะใจ นะเธอ
แอบฝัน แอบจอง รักน้อง นับนาน
จะหึง จะพาล จะราน จะเหม่อ
ผิดหวัง ผิดครอง รักน้อง เสมอ
มิต้อง รักเก้อ เพราะเธอ ล่ะหรือ
จะกิน จะนอน มิถอน คิดครวญ
จะเกิน จะกวน จะหวล เพราะซื่อ
มักเพ้อ มักซึม สะลึม สะลือ
หากน้อง จะถือ รักคือ ภักดี
นะขวัญ นะแข ชะแง้ ประจำ
หากพี่ มิพร่ำ บอกคำ จากนี้
อาจแปลง อาจปลาย อาจตาย หลีกหนี
เพราะเพียง รักพี่ มิมี ตอบการ
ดุจโปรย รักหว่าน ตกธาร ระแหง
ตกแห้ง ตกแล้ง ติดแหล่ง สถาน
งอกเงย มิได้ อาจตาย มินาน
เม็ดแห้ง รักราน เพราะการ มิควร
จะไม่ คิดท้อ เพราะรอ รักฉ่ำ
จากนี่ จะนำ กลับลำ ทบทวน
หากน้อง มิเห็น รักเล่น สงวน
จักลืม พักตร์นวล จักครวญ ระทม
(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกลตะเข็บไต่ขอนนี้ จักบังคับครุหลุสลับลัดเรียงไป จนจบถ้วนถ้อย ฉะนี้แล
30 พฤษภาคม 2545 17:13 น.
ม้าก้านกล้วย
เห็นเธอเหม่อ มองไป ไร้จุดหมาย
เหมือนเธอทอด ใจหาย คล้ายอ่อนล้า
เหมือนพยายาม จะสลัด สะบัดหน้า
แต่เหมือนว่า มิอาจเปลื้อง เรื่องร้าวร้าง
เธอทิฐิ หรือท้อแท้ หรือแพ้พ่าย
จึงท่าทาง แหนงหน่าย คล้ายหมองหมาง
บางคราวเธอ เลื่อนลอย ราวปล่อยวาง
แต่ในบาง ครั้งครา เธออาวรณ์
เธออยู่ใน ความว่าง อย่างเงียบเหงา
คงเปลี่ยวเปล่า วังเวงนัก ยามรักกร่อน
คงน้ำตา ท่วมใจ ฤทัยรอน
คงหนักใจ เกินไถ่ถอน คืนอารมณ์
อยากไปปลอบ ขวัญใจ ให้ได้ปลื้ม
อยากให้ลืม ฝันฝืน ที่ขื่นขม
อยากให้มอง โลกกว้าง อย่างชื่นชม
ล้างใจตรม ด้วยใจเรา เข้าใจรัก
ว่าชีวิต ไม่ได้ร้าย มิได้ลวง
มีคนห่วง มีเยื่อใย เต็มใจนัก
แม้นเรื่องราว ก่อนนั้น มันหน่วงหนัก
ก็โปรดพัก ใจตรม ระทมฤดี
เชิญมาชม โลกนี้ ที่งดงาม
เชิญมาตาม ความฝัน อันหลากสี
มาผ่อนคลาย พักกาย ได้ตรงนี้
เธอยังมี เพื่อนร่วมทาง อย่างเข้าใจ
(ม้าก้านกล้วย)
(ตรงนี้ ทางเปลี่ยน มีไว้สำหรับ หักมุม
ใครที่อยากอ่านให้มันซึ้ง ๆ อย่าอ่านต่อไปนะจ๊ะ)
เลยบอกเธอ ว่าฉัน นั้นรับรู้
เลยถามดู ว่าให้ช่วย อะไรไหม
เลยได้รับ คำตอบมา ว่าขอบใจ
ใช่หมองไหม้ ที่หม่นเหม่อ เธอ . . . ปวดฟัน
28 พฤษภาคม 2545 21:14 น.
ม้าก้านกล้วย
วันนี้จะวาดภาพจากความฝัน
พรมพู่กันเป็นเรืองรายของสายรุ้ง
มีเส้นโค้งของลำคลองมีท้องทุ่ง
มีแอ่งคุ้งเวิ้งว้างธาราวน
แต้มสีเขียวระลอกไหวของใบข้าว
แต้มสีขาวเป็นละอองของหยาดฝน
แต้มสีครามเลื่อมลายในสายชล
แต้มสีหม่นในร่มเงาเถาพฤกษา
ในภาพนั้นมีจินตนาการ
จากสถานที่ห่างไกลในโลกหล้า
ที่ที่ไร้จริตริษยา
มีแนวนาขุนเขาลำเนาพฤกษ์
มีไออุ่นสัมผัสที่บริสุทธิ์
จึงผาดผุดงดงามตามความรู้สึก
ให้ดื่มด่ำรับรู้อยู่ลึกลึก
ให้ผนึกอารมณ์ไว้ในภาพนั้น
จะเติมฝูงปลาไปในน้ำนอง
จะแต้มผองสกุณาบนฟ้าฝัน
เติมแมงปอล่องลอยอีกร้อยพัน
เติมตะวันแทรกลงตรงชายเขา
และสุดท้ายจะวาดกระท่อมน้อย
จะปลดปล่อยใจไปให้คลายเศร้า
จะจับจองครองอยู่รู้เพียงเรา
เพราะจะวาดนวลเจ้าเคล้าเคียงเรียม
(ม้าก้านกล้วย)
28 พฤษภาคม 2545 20:35 น.
ม้าก้านกล้วย
เช้าแล้ว
เรืองแววแสงอรุณกรุ่นไอหมอก
ระรวยลมเย็นเย็นเป็นระลอก
เตือนว่าได้เวลาออกไปนอกเรือน
ชมพโยมเลื่อมลายเป็นพรายพร้อย
ไปชมดาราลอยเจ้าคล้อยเคลื่อน
ไปเอ่ยลาฟ้าสกาวด้วยดาวเดือน
และไปเยือนยามสางสว่างไสว
ยินเสียงกังสดาลกังวาลโหย
น้ำค้างพรายปรายโปรยละอองใส
นกกาบินจากรวงรังสู่ฝั่งไพร
นกนั้นยังตั้งใจไปหากิน
หมู่เราชาวนานั้นไม่ฝันใฝ่
ว่าจะได้บุญช่วยรวยทรัพย์สิน
แค่ขอมีน้ำอุดมผสมดิน
ให้ทำกินเก็บเกี่ยวเป็นกอบกำ
ลมสงัดมิพัดโชยละอองหมอก
ควันที่ออกจากเตาฟืนเป็นคลื่นคล้ำ
ละลอกพวยอบอวลเป็นมวลลำ
คลุมครอบงำคลุ้งคั่งบังแสงสาง
ทำเพื่อพอกินกันฉันท์ชาวไพร
เผื่อเพียงใส่บาตรสงฆ์เพื่อส่งสร้าง
แม้นกุศลผลมีช่วยชี้ทาง
ขอเกิดกลางแดนนาทุกคราไป
(ม้าก้านกล้วย)