15 กุมภาพันธ์ 2545 12:57 น.
ม้าก้านกล้วย
ลมแล้ง พัดไล่ ในทุ่งร้าง
ฟอนฟาง แฟบฟุบ ยุบระยอบ
ระริก ร้อนเร้น เช่นลมหอบ
เขตขอบ ทุ่งไกล ไร้วี่แวว
ดังเดิน ในทุ่ง ท้องกระทะ
ผงะ พายพัด แม้เพียงแผ่ว
ไร้เรี่ยว แรงเดิน เกินไปแล้ว
เนินแนว เส้นนำ จำลางเลือน
ต้อนควาย ข้ามนา กุลาเอ๋ย
กระไร ใยเฉย ละเลยเพื่อน
จากดอน จากป่า มาแรมเดือน
สะเทือน สะท้าน ราญร้าวแล้ง
เลาะทุ่ง ล่องนา หมายว่าลัด
จึงตัด ข้ามขั้ว หัวระแหง
จงใจ หมายยอม หมายออมแรง
กลับแห้ง กลับหาย คล้ายจะหลง
กุลา ว่าแกร่ง เกินกว่าเหล็ก
แต่เด็ก เหงื่ออาบ บาปสาปส่ง
แกร่งไกร เพียงใด ใจยังปลง
พะวง ภวังค์ จะพลั้งพลาด
เผลอเดิน ตัดมุ่ง ทุ่งกุลา
แดดกล้า กร่อนล้า ชะตาขาด
ร่ำไห้ อาลัย ใจอาฆาต
นั่งปาด น้ำตา กุลานอง
จึงชื่อ ทุ่งว่า กุลาร้องไห้
ตราไว้ เตือนใจ ให้สนอง
แล้งนัก จักเลี่ยง เบี่ยงครรลอง
แม้นต้อง บุกผ่าน จะหาญหรือ
(ม้าก้านกล้วย)
14 กุมภาพันธ์ 2545 22:48 น.
ม้าก้านกล้วย
ที่รัก . .
เธอรับรู้ได้ใช่หรือเปล่า
ว่าความรักมั่นคงระหว่างเรา
ไม่มีใดเทียมเท่าความรักนี้
ไม่ว่าวันดีหรือวันร้าย
รักไม่เคยผ่อนคลายสลายหนี
ยังเติมเต็มเพราะมั่นใจในไมตรี
และไม่มีคำถามต้องตามเตือน
ไม่ต้องมัวระวังความพลั้งพลาด
เรารักอย่างชาญฉลาดใช่คลาดเคลื่อน
รักที่เช่นแสงสว่างใช้ลางเลือน
ยิ่งกว่าเพื่อนยิ่งกว่าหาเชยชด
มาวันนี้ พี่จะขอรักคืน
รักที่ยื่นมอบไว้ให้ทั้งหมด
วันแห่งความรักนี้พี่ของด
พี่จะลดรักเธอสักหนึ่งวัน
พี่จะไปรักใครใครทั่วทั้งโลก
รักคนที่เศร้าโศกสลดหวั่น
รักคู่อริสงครามหยามเหยียดกัน
รักผู้ที่ปิดกั้นตัวจากความจริง
รู้ไหม. ดวงใจพี่
รักนี้สูงค่ากว่าหลายสิ่ง
รับคืนมาและแจกจ่ายมากมายยิ่ง
เพิ่งรู้จริงเช่นกัน เมื่อปันรัก
ได้เรียนรู้รับรู้สัจธรรม
รักจะสุขดื่มด่ำได้ใจตระหนัก
อย่าเก็บรักไว้กับตัวกลัวไร้รัก
อยากได้รักต้องแจกรักจักได้มา
8 กุมภาพันธ์ 2545 18:14 น.
ม้าก้านกล้วย
นี่ นี่ เธอจ๋า หันมาหน่อย
แล้วค่อยค่อย ฟังคำพี่ ให้ดีนะ
เพื่อนพี่ มันสนใจ คนนั้นไงล่ะ
น้องอย่าเอะ อะไป ใจเย็นเย็น
มันแอบ มองตาหวาน มาตั้งนานแล้ว
มายืนแกร่ว รอน้อง แค่ปองแค่เห็น
ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา ระอาลำเค็ญ
ก็มันเป็น ลูกผู้ชาย ขี้อายนิดนิด
พี่ก็เลย ต้องมา ทำหน้าที่
มาทักทาย คนดี ทำทีสะกิด
มาดี ใช่มาร้าย หมายเป็นมิตร
ใช่จะคิด ล่อลวง หรือลวนลาม
ว่าไงจ๊ะ น้องสาว ขาวสวยจัง
พี่ยังฟัง ตั้งใจไม่บุ่มบ่าม
หวังเพียงได้ รับรอยยิ้ม ของคนงาม
บอกตามตรง ชักหลง ซะแล้วสิ
คนอาไร๊ สวยซะน่ารักซะ
คงเพิ่งจะ แรกสาว ราวแรกผลิ
ผิวขาวเนียน อมแดง เหมือนแกงกะทิ
ไร้ที่ติ เอ!สงสัย เผลอใจแล้ว
หวิวเอง หวามเอง เสียมังหว่า
เจรจา พาที ที่เบาแผ่ว
ยิ่งมองน้อง นานนานไป ใจชักแป้ว
ไม่เป็นแล้ว พ่อสื่อพ่อชัก จะรักซะเอง
(ม้าก้านกล้วย)
7 กุมภาพันธ์ 2545 22:33 น.
ม้าก้านกล้วย
ขวัญเอย สาวงาม สุราษฎร์เอย
ครั้งที่เคย เที่ยวผ่าน งานชักพระ
พบคนดี ต้องละเมอ เผลอผงะ
นางช่างสะ สวยเช่นชน คนน้ำเค็ม
งามเกิน สาวใด ในโลกกว้าง
คิ้วคางช่าง ชวนชม คมขำเข้ม
ช้อนชะม้าย ชายตา พาอิ่มเอม
พี่ปลื้มเปรม แอบมองน้องคนเดียว
สองตา ไม่อาจถอน ไปทางอื่น
ลืมกลืน ลืมหายใจ ตั้งหลายเที่ยว
ใจพี่คง โดนคมเนตร ของน้องเกี่ยว
มันรั้งเหนี่ยว ดึงดวงใจ ไปตามกัน
ขวัญเอย สาวสะคราญ สาวบ้านดอน
ใจพี่อ่อน เพียงพบพลาง นางในฝัน
จะจากน้อง คงต้องดิ้น สิ้นชีวัน
ขอจากกัน เพียงร่าง ยอมวางวาย
จะชวนเธอไปเที่ยวทั่วร้อยเกาะ
ชวนกันเลาะ เล่นน้ำ ทะเลว่าย
เขียนคำรัก วอนวาด บนหาดทราย
ให้ใครใคร หลายคนคิด อิจฉาเรา
ชวนเธอไป เก็บกิน เงาะอร่อย
ชวนกินหอย ตัวใหญ่ใหญ่ เอาไปเผา
ไข่เค็มก็ ต้มสุก คลุกกับข้าว
จะชวนเจ้า ไปเก็บไข่ ที่ไชยา
เมืองแห่ง ธรรมะ โฆษาจารย์
จึงบันดาล จิตใจ ใสสง่า
สมนามเมือง คนดี ที่ได้มา
คู่ควรค่า ปักหลัก รักสาวบ้านดอน
(ม้าก้านกล้วย)
6 กุมภาพันธ์ 2545 21:36 น.
ม้าก้านกล้วย
คืนที่วังเวงใจไร้คู่เคียง
ยินเพียงเสียงขลุ่ยครวญทวนลมหนาว
คืนที่แสนหนาวเหน็บคืนเจ็บร้าว
คืนที่พราวแสงเดือนประดับดง
เงาไม้เบื้องหน้าพาสะพรึง
ล้วนลวดลายคล้ายคลึงจึงหลอนหลง
ช่างน่ากลัวยิ่งนักพะวักพะวง
รูปทรงทะมึนดำน่ายำเกรง
ดูเหมือนกับปีศาจที่กราดเกรี้ยว
ขบเขี้ยวแค้นข้องจ้องข่มเหง
ยืนหยามเหยียดยักท่านักเลง
พลางเพลงขลุ่ยกลายเป็นร่ายมนต์
เกิดเป็นร่างหลากเงาเพราะเขลากลัว
หมอกมัวเลือนรางดั่งล่องหน
แอบโน่นผุดนี่หลบลี้ตน
เล่นกลกับใจให้หวาดกลัว
สะดุ้งเสียงกรอบแกรบอยู่ข้างกาย
ผวาซ้ายเผยอขวาผีมายั่ว
ตระหนกจิตสะเทิ้นไหวใจระรัว
ยิ่งอยู่ตัวคนเดียวในดงไกล
เพลงขลุ่ยลอยหลงเงียบลงแล้ว
กลับแว่วเสียงนกกาฟ้าไสว
ผ่านพ้นคืนหวั่นผวาระอาใจ
มิอาจหลับตาได้จนใกล้เช้า
(ม้าก้านกล้วย)