3 มกราคม 2547 23:45 น.
ม้าก้านกล้วย
กัดกร่อน เจ็บลึก เมื่อดึกดื่น
ตรมตื่น ตอกตรึง ครึ่งคืนหนาว
ครั้งเธอ โอบอ้อม ถนอมราว
เด่นดาว กลางหล้า นภานวล
หนาวเนื้อ เพียงใด ก็ ใจอุ่น
กลิ่นกรุ่น ราตรี นี้หอมหวล
ดอกรัก โชยตลบ ช่างอบอวล
รัญจวน จนเคลิ้ม เพิ่มใจพึง
รับรู้ เชื่อใจ ในวาจา
เฟื่องฟ้า เป็นพยาน อย่างหวานซึ้ง
บานเย็น บานเด่น เพ็ญรำพึง
ใจจึง หวั่นไหว เชื่อในเธอ
รักเร่ แย้มหยัน มิทันโรย
ลมโชย ใจชาย ก็พ่ายเผลอ
ดอกโศก แกล้งกัน เมื่อฉันเก้อ
รักเธอ จางเจื่อน เมื่อเดือนแรม
รักซ้อน ซ่อนชู้ ยังชูช่อ
ดอกท้อ ทัดทาน เจ้าบานแย้ม
ยอดหญ้า เจ้าชู้ ชูช่อแซม
สองแก้ม ริ้นร้อย รอยน้ำตา
แล้วเดือน ก็ดับ ก็ลับดวง
โหยห่วง หายไป ไม่เห็นหน้า
น้ำค้าง ปนเกล็ด เม็ดน้ำตา
หลั่งมา พร่างพรม ระทมธาร
ดอกแก้ว ร้าวรอย ละห้อย
จำปี ที่โรย โปรยลมหว่าน
ดาวเรือง เด่นราว จะร้าวราน
สงสาร หัวใจ ไม่อาจลืม
(ม้าก้านกล้วย)
14 ธันวาคม 2546 21:31 น.
ม้าก้านกล้วย
หนึ่งในวัน ว่างเหงา และเงาโศก
ฉากโทรมโทรมประโลมโลกที่โยกโย้
กระหายหิวปลอบปลอมปลอมเสียผอมโซ
แม้เหมือนโง่ งมงาย แค่ใคร่ครวญ
อยากจะยินเสียงเย็นเย็นเป็นเพื่อนใจ
ก็แค่ใครให้โอกาส กวาดกำสรวล
รักษาใจ เกลื่อนบาดแผล และเรรวน
ขอรบกวน เพียงผู้ใดเห็นใจเรา
แค่เสียงลมขับทำนองก็หมองหม่น
แค่ใบบน ร่วงหล่น ตนก็ เหงา
แค่หรีดหริ่ง ส่งสำเนียงเพียงเบาเบา
ก็กล่อมเกลา ใจเคลิ้ม เพิ่มวังเวง
ก็อารมณ์ กำลัง พลั้งละเมอ
ใจจึงเผลอ ตรอมตรม คอยข่มเหง
มิคำนึง ถูกผิด คิดไปเอง
เพียงบทเพลง ผ่านผ่าว ก็ ร้าวราน
จึงหาใคร ที่ไยดี มีเมตตา
โปรดเถิดหนา หวังว่า จะสงสาร
ช่วยที อุ้มชู ผู้พิการ
กำพร้ารอยยิ้มหวาน เนินนานวัน
บอบบางและอ่อนไหวเกินไปหน่อย
หลังจากปล่อยใจสู่สรวงสู่ห้วงฝัน
แล้วโดนผลักไสส่งลงโดยพลัน
เหมือนโดนบั่น บาดหัวใจ ไม่มีลืม
(ม้าก้านกล้วย)
13 ธันวาคม 2546 19:09 น.
ม้าก้านกล้วย
เพียงพิศ เพียงผ่าน เพียงผิวเผิน
ก็เก็บมา เก้อเขิน เกินห้ามหวัง
โลภจะรัก ลุกลาม ตามลำพัง
แต่ต้องยั้ง ฝืนไว้ ไม่กล้าคิด
ยิ่งล่วงเลย ยิ่งช้ำชอก เหมือนหลอกลวง
เกรงจะห่วง เกินคำนึง ถึงถูกผิด
ไม่คู่ควร เคียงแค่ แม้จะคิด
ทั้งชีวิต เชยแข ได้แค่เงา
แค่วูบวาบ ไหวหวาม ไปตามฝัน
ที่มีฉัน เยื้องย่าง ข้างกายเขา
สัมผัสเพียง ลมว่าง ที่บางเบา
ก็เก็บเอา มาเพ้อพร่ำ พรรณา
แค่พึงใจ มิใช่ จะหมายความ
ว่าต้องตาม ติดตรึง เหมือนหนึ่งว่า
ถูกศร แห่งรัก ปักอุรา
ต้องไขว่คว้า เพื่อชม ให้สมปอง
ยอมรับว่า มีใจ ให้เธอบ้าง
แต่มิสร้าง สัมพันธ์พัว ให้มัวหมอง
จะรักกัน อย่างไร ต้องไตร่ตรอง
หาความพ้อง ที่คล้ายคลึง ซึ่งไม่มี
ฉะนั้นจึง เป็นได้ แค่ชายตา
แล้วส่งแวว เสน่หา มาแทนที่
แต่ไม่สาน สัมพันธภาพ เพราะทราบดี
ว่ารักนี้ ไม่ยั่งยืน ไม่ฝืนรัก
(ม้าก้านกล้วย)
15 พฤศจิกายน 2546 13:39 น.
ม้าก้านกล้วย
แดนเถื่อนอันกันดารบ้านนานี้
ไม่มีมหรสพโหม
ขาดดวงอัจกลับจับประโคม
ไร้โดมนาฏการสราญระบำ
หากใช่ขาดจนแก่งแย่งแสวงหา
แม้เหมือนว่าเด๋อด่าจนน่าขำ
โพล้พลบสนธยาเวลาค่ำ
กล่อมลำนำรำร้องข้างกองไฟ
อยากจะดูละเบ็งเล็งละคร
ก็หนุนนอนแหงนหน้าขัดขาไขว่
เอกเขนกเที่ยวชมอยู่ร่มไม้
เมฆทั้งหลายล่องลมให้ชมเชย
บางก้อนกลายร่างเหมือนอย่างชาย
มีร่างกายแกร่งกล้าและผ่าเผย
คงจะคือ พระเอก เฉกเช่นเคย
พอล่วงเลย พอประเทือง เป็นเรื่องราว
เดี๋ยวจะมี เมฆใส คล้ายทรามสวย
ร่างสำรวย เสน่ห์ยิ่ง ของหญิงสาว
จะคล้อยเคลื่อน ช้าช้า ว่าวับวาว
งดงามราวประดับรองด้วยทองทา
แล้วเรื่องราวก็ดำเนินให้เพลินเพลิด
ซึ่งล้วนเกิดจากใจคิดปริศนา
แค่มวลเมฆ ใหญ่น้อยล่องลอยมา
แต่ทว่า กระจ่างจินตนาการ
ไม่ต้องรอชมภาพยนต์สร้าง
ไม่อยู่อย่างตึงเครียดเบียดสังขาร
จนต้องร้องร่ำเรียก เพรียกสำราญ
มาผ่อนผลาญ เผากมล เหมือนคนกรุง
(ม้าก้านกล้วย)
14 พฤศจิกายน 2546 00:57 น.
ม้าก้านกล้วย
แพรผ้าไหมจะให้งามสมน้ำทอง
ไหมก็ต้องหมักต้มในตมถ่าน
เบญจรงค์ลายสีที่ตระการ
นั้นก็ผ่านปั้นตมผสมดิน
พระทองบูชาราคาล้าน
ก็ล้วนผ่านเชิงช่างแทบทั้งสิ้น
จะหล่อเผาทองทัศน์รัตนิน
ก็เบ้าดินรอบรับจับรูปองค์
ราชวังพัสถานตระการแก้ว
ก็ล้วนแล้วปูนปั้นสรรค์ประสงค์
ขุดจากผาเขาใหญ่ในป่าดง
มาบรรจงแต่งแต้มแซมฝีมือ
คำเปรียบเทียบเหยียบย่ำว่าต่ำชั้น
จะเอ่ยถามหยามกันฉะนั้นหรือ
แค่ดินทรายด้อยค่าราคาลือ
จะฝากชื่อตราไว้อย่างไรกัน
ค่าที่เกิดจากการทำงานศิลป์
ค่าของดินทรายหรือฝีมือปั้น
ธุลีอื่นต่ำต้อยอีกร้อยพัน
มิมีวันจะมั่งคั่งอลังการ
แต่หากฉุกใจมองทั้งสองแง่
ช่างคือแค่เอาวิชามาโปรยหว่าน
ธุลีดินสร้างจินตนาการ
หัตถการ เกิดก่อ ก็จากดิน
แม้นเชิญให้ผู้มิรู้ค่า
ทัศนาอลังการของงานศิลป์
ถ้อยที่เราทั้งหลายจะได้ยิน
มิต่างดิน เกินทราย ตรงไหนเลย
(ม้าก้านกล้วย)