5 กุมภาพันธ์ 2547 23:23 น.
ม้าก้านกล้วย
โศกทรวง อีกคราว หนาวจะล่วง
ทิ้งท่วง ห้วงโหย โรยจากฝัน
ฤา ฤดี หวังฟื้น คืนและวัน
ค้านคั้น คลาดคล้อย พลอยไม่สม
ภาวนา ทุกคราว หนาวอย่าคลาย
หนาวกาย จางด้วย ผ้าผวยห่ม
เหน็บนั้น ตอกช้ำ ย้ำระบม
คืนตรม ค่ำเหงา รักเราร้าง
กาลล่วง คืนค่ำ กำลังแล้ง
กลั่นแกล้ง กระหน่ำ คำถากถาง
เยือกย้ำ ใจเติม เริ่มเลือนลาง
เหินห่าง เส้นทาง ยิ่งห่างไกล
ใบเขียว กรอบเหลือง เปลืองแรงปลิว
หลุดลิ่ว ร่อนถม ลมไถล
ยากนัก ยื้อรัก เมื่อหักใจ
จากไป พร้อมหนาว เมื่อคราวนั้น
เลยรอ ลมเหนือ เผื่ออดีต
กราดกรีด ย้อนกลับ เพื่อรับขวัญ
รุ่มรอ รักชื่น ทุกคืนวัน
หวังอัน หวานหวาน ผ่านมาเยือน
นี่จวน ฤดูกาล จะผ่านช่วง
จิตห่วง โหยเหือด มันเชือดเฉือน
วันเหงา เฝ้ารอ ก็กว่าเดือน
หนาวเลื่อน เลือนแห้ง เป็นแล้งแล้ว
(ม้าก้านกล้วย)
4 กุมภาพันธ์ 2547 22:27 น.
ม้าก้านกล้วย
วันนี้จะวาดภาพจากความฝัน
พรมพู่กันเป็นเรืองรายของสายรุ้ง
มีเส้นโค้งของลำคลองมีท้องทุ่ง
มีแอ่งคุ้งเวิ้งว้างธาราวน
แต้มสีเขียวระลอกไหวของใบข้าว
แต้มสีขาวเป็นละอองของหยาดฝน
แต้มสีครามเลื่อมลายในสายชล
แต้มสีหม่นในร่มเงาเถาพฤกษา
ในภาพนั้นมีจินตนาการ
จากสถานที่ห่างไกลในโลกหล้า
ที่ที่ไร้จริตริษยา
มีแนวนาขุนเขาลำเนาพฤกษ์
มีไออุ่นสัมผัสที่บริสุทธิ์
จึงผาดผุดงดงามตามความรู้สึก
ให้ดื่มด่ำรับรู้อยู่ลึกลึก
ให้ผนึกอารมณ์ไว้ในภาพนั้น
จะเติมฝูงปลาไปในน้ำนอง
จะแต้มผองสกุณาบนฟ้าฝัน
เติมแมงปอล่องลอยอีกร้อยพัน
เติมตะวันแทรกลงตรงชายเขา
และสุดท้ายจะวาดกระท่อมน้อย
จะปลดปล่อยใจไปให้คลายเศร้า
จะจับจองครองอยู่รู้เพียงเรา
เพราะจะวาด นวลเจ้า เคล้าเคียงเรียม
อยู่ในท่าม ทิวทัศน์ ตวัดแปรง
ซ่อนในแสงรุ้งหลบสงบเสงี่ยม
สรวงสวรรค์ไหนเล่าจะเท่าเทียม
เพราะตระเตรียม จับจอง เพื่อสองเรา
วันนี้จะวาด อนาคต
ให้ปรากฏ กลางอุรา ว่าไม่เหงา
วาดเสียง แห่งสายลม พรมเบาเบา
และวาดเงาไม้งาม ตามตะวัน
วาดสาย เส้นยาว ขาวสะอาด
พิรุณสาด เส้นไหม ในฟ้าฝัน
พรูพร่าง เป็นทาง กลางแวววัน
เสมือนสาย สัมพันธ์ อันชุ่มเย็น
โปรดเถิด นวลพี่ ที่เรียมหวัง
ภาพพี่ตั้งตรงใจให้นางเห็น
คำหวานหวาน หว่านอ้อน ที่ซ่อนเร้น
ภาพนี้เป็น ดั่งคำพ้อ เพื่อขอรัก
4 กุมภาพันธ์ 2547 22:25 น.
ม้าก้านกล้วย
วันนี้จะวาดภาพจากความฝัน
พรมพู่กันเป็นเรืองรายของสายรุ้ง
มีเส้นโค้งของลำคลองมีท้องทุ่ง
มีแอ่งคุ้งเวิ้งว้างธาราวน
แต้มสีเขียวระลอกไหวของใบข้าว
แต้มสีขาวเป็นละอองของหยาดฝน
แต้มสีครามเลื่อมลายในสายชล
แต้มสีหม่นในร่มเงาเถาพฤกษา
ในภาพนั้นมีจินตนาการ
จากสถานที่ห่างไกลในโลกหล้า
ที่ที่ไร้จริตริษยา
มีแนวนาขุนเขาลำเนาพฤกษ์
มีไออุ่นสัมผัสที่บริสุทธิ์
จึงผาดผุดงดงามตามความรู้สึก
ให้ดื่มด่ำรับรู้อยู่ลึกลึก
ให้ผนึกอารมณ์ไว้ในภาพนั้น
จะเติมฝูงปลาไปในน้ำนอง
จะแต้มผองสกุณาบนฟ้าฝัน
เติมแมงปอล่องลอยอีกร้อยพัน
เติมตะวันแทรกลงตรงชายเขา
และสุดท้ายจะวาดกระท่อมน้อย
จะปลดปล่อยใจไปให้คลายเศร้า
จะจับจองครองอยู่รู้เพียงเรา
เพราะจะวาด นวลเจ้า เคล้าเคียงเรียม
อยู่ในท่าม ทิวทัศน์ ตวัดแปรง
ซ่อนในแสงรุ้งหลบสงบเสงี่ยม
สรวงสวรรค์ไหนเล่าจะเท่าเทียม
เพราะตระเตรียม จับจอง เพื่อสองเรา
วันนี้จะวาด อนาคต
ให้ปรากฏ กลางอุรา ว่าไม่เหงา
วาดเสียง แห่งสายลม พรมเบาเบา
และวาดเงาไม้งาม ตามตะวัน
วาดสาย เส้นยาว ขาวสะอาด
พิรุณสาด เส้นไหม ในฟ้าฝัน
พรูพร่าง เป็นทาง กลางแวววัน
เสมือนสาย สัมพันธ์ อันชุ่มเย็น
โปรดเถิด นวลพี่ ที่เรียมหวัง
ภาพพี่ตั้งตรงใจให้นางเห็น
คำหวานหวาน หว่านอ้อน ที่ซ่อนเร้น
ภาพนี้เป็น ดั่งคำพ้อ เพื่อขอรัก
11 มกราคม 2547 00:07 น.
ม้าก้านกล้วย
การย่ำเดินไปบนย่านตำนานเก่า
เหมือนจะเรียกเพรียกเอาความเหงาโศก
กลับย้อนคืนมาฉายซ้ำย้ำวิโยค
ให้ทั้งโลกรับทราบว่าอาบช้ำ
เหมือนกรีดแผลแห้งกรังที่ยังเจ็บ
กล้ำกลืนเก็บ อดีตกลวง ทรวงระส่ำ
สะอื้นคิด ผิดพลาง สร้างลำนำ
แล้วกอบกำ เก็บไว้ ในใจนี้
เผื่อไว้กาง ออกมา เวลาเหงา
จะได้เอา กลอนร้าง มากางคลี่
ลิลิตท่วง พึมพำ ช้ำฤดี
ฝากกวี เหน็บหัวใจ ให้จดจำ
ย้อนภาพ รำลึก สำนึก เศร้า
เหมือนเป็นเงาทาบทาดังฟ้าค่ำ
แม้มีดาวเดือนดูจืดดังมืดดำ
จึงเหนี่ยวนำ อารมณ์ให้จมลึก
จะพบทางสว่างจ้าข้างหน้าไหม
ถามใครใคร ที่เฝ้าดู ความรู้สึก
เมื่ออ่านกลอน เก่าเก็บ ที่เจ็บลึก
เสียงสะอึก สะอื้นซ้อน บทกลอนนั้น
เหมือนย่ำเดินไปบนทางที่ว่างเปล่า
เร่ร่อนราว มาตรหมาย เหมือนขายฝัน
เพราะหมด จุดหมายมี ในชีวัน
ที่รำพัน กวีไว้ เพราะใจร้าง
(ม้าก้านกล้วย)
7 มกราคม 2547 13:21 น.
ม้าก้านกล้วย
ฉันลงแรงตกกล้าทำนาน้ำ
ก็ชุ่มฉ่ำได้เกี่ยวรวงเป็นพวงผล
ฉันปลูกผักหักปลาประสาจน
ก็ขุดค้นหากำไรได้เก็บกิน
ปลูกต้นรักกับนางหวังสร้างรัก
แต่อกหักหนักใจไปเสียสิ้น
ไม่ได้ชมสมอุรามันชาชิน
ได้แต่กินลูกระกำช้ำกมล
ทั้งไร่นา ป่าสวน ล้วนต้องสร้าง
ต้องถกถอน ถากถาง สร้างดอกผล
แต่เหนื่อยกาย ไม่ทดท้อ ยังพอทน
เหงื่อที่หล่น รดไป ยังได้คืน
แต่กับนาง ที่หวัง ทั้งหัวใจ
ทุ่มเทไป เท่าไร ใฝ่ก็ฝืน
ได้แต่น้ำ ตาช้ำ มากล้ำกลืน
ผลที่คืน คือเจ็บแสบ แทบอยากตาย
จะปลูกยางพาราเขาว่าดี
เพราะยังมียางเยื่อไว้เหลือขาย
กับผู้หญิงริมทาง ไร้ยางอาย
เหนื่อยแทบตาย มาเลิกร้าง เสียกลางครัน
จะปลูกบัวใบบางกลางสระลึก
ไว้รู้สึกถึงเยื่อใยที่ใฝ่ฝัน
แม้ตัวบัวยังมีใยให้ผูกพัน
เพราะรักร้างจากนางนั้นมันไร้ใย
(ม้าก้านกล้วย)