2 กุมภาพันธ์ 2545 21:50 น.
ม้าก้านกล้วย
เงียบเหงา
คงถึงคราวที่เราต้องโศกศัลย์
เมื่อยามเงียบจิตยะเยียบช่างเงียบงัน
ภาพคืนวันความหลังยังฝังใจ
เรายิ่งเกลียดยิ่งเจอเสนอหน้า
ยิ่งร้างรายิ่งมารุมถามไถ่
รู้นะว่าเวลาเหงาคราใด
อดีตในหัวใจฉายภาพมา
หลอกและหลอนให้คำนึงถึงวันเก่า
ที่สองเราร่วมสุขสันต์เคยหรรษา
ที่สองเราจาบัลย์วันจากลา
หยาดน้ำตานองหน้าเพราะอาลัย
เงียบเหงา
มันจะเฝ้ารุมเร้าเราถึงไหน
ทำไมนะจึงไม่เฉยผ่านเลยไป
ให้เราได้ลืมอดีตกรีดเฉือนทรวง
อยากสนุกสุขอยู่กับเพื่อนฝูง
อยากจะจูงเกี่ยวก้อยคนคอยห่วง
อยากเล่าเรื่องผจญภัยในทั้งปวง
ให้เจ้าดวงใจพี่นี้ได้ฟัง
อยากกระซิกริกรี้กับคู่รัก
ก็ตระหนักเพียงเป็นเช่นความหลัง
วาบผ่านมาเพียงเยี่ยงภวังค์
ที่ยังฝังใจให้เราเงียบเหงานัก
(ม้าก้านกล้วย)
2 กุมภาพันธ์ 2545 14:09 น.
ม้าก้านกล้วย
สาวหนองคาย
ช่างคมคายสมนามตามชื่อหนอง
วันนี้พี่พึงใจได้พบน้อง
ได้พบสาวผิวผ่องเหมือนทองทา
พักตร์สวยก็สวยสมสาวฝั่งโขง
คิ้วโก่งตาหวานปานผึ้งผา
ปากเรียวบางรับกับใบหน้า
เจรจาเพราะดั่งกังสดาล
ฤาน้ำโขงเป็นน้ำประทินผิว
พิศเจ้าโผนโจนลิ่วเล่นละหาน
ซิ่นสั้นนั้นสวยขำกลางลำธาร
สรงสนานมิเกรงใจใครจะวาย
ลมหนาวเยือนย่านน่านน้ำโขง
ลอยหลงมาตามน้ำหลากหลาย
น้ำนี้ดุจน้ำมนต์ดลใจกาย
ขอพี่ตายอยู่หนองคายแม้นได้ชม
จะเรียกร้องดินดาวสกาวฟ้า
ก็จะหามาให้เจ้าได้สม
กราบหลวงพ่อพระใสใจบังคม
ขอให้สมใจหวังสักหนึ่งครั้ง
แม้นเจ้าหันห่างรักผลักใสพี่
จะไปที่ภูท่อกทะมึนตั้ง
จะไปโดดหน้าผาตายให้โด่งดัง
ยอมพลีร่างเพราะเจ้า สาวหนองคาย
(ม้าก้านกล้วย)
1 กุมภาพันธ์ 2545 19:40 น.
ม้าก้านกล้วย
อย่าว่าพี่ใจง่ายเกินไปนะ
ถ้าพี่จะบอกรักน้องแต่แรกเห็น
หักห้ามใจได้ยากลำบากลำเค็ญ
เหมือนดังเป็นคนหลายใจคล้ายโลเล
แค่เพียงเจอเธอเข้าใจเบาหวิว
ทะยานลิ่วดังกระโจนโดนเสน่ห์
สองตามองเพียงจอมขวัญไม่หันเห
จนสองตาจะเหล่อยู่แล้วนี่
สองหูก็ไม่ฟังสรรพสำเนียง
ฟังแต่เสียงจอมใจไม่หน่ายหนี
ลองเอาไม้แคะหูอยู่หลายที
จนแมงหวี่มาทำรังยังไม่รู้
จมูกเดียวก็ไม่ยอมดอมดมใด
มันตั้งใจจะเชยกลิ่นประทินหรู
หอมที่ทวนลมหอมจอมพธู
จนรู้สึกแสบจมูกน้ำมูกนอง
ขาสองขาพี่สั่งไปทางซ้าย
มันก็ก่ายออกขวาตามหาน้อง
จอมนางเยื้องย่างดั่งกวางทอง
จนพี่ต้องเดินตามแม่ทรามวัย
โอ้ย! ทำไมร่างกายไม่ยอมฟัง
ไม่ทำตามคำสั่งพลั้งเผลอไผล
บอกพี่หน่อยคนดีพี่เป็นอะไร
สงสัยคงรักเจ้าเข้าให้แล้ว
(ม้าก้านกล้วย)
28 มกราคม 2545 19:26 น.
ม้าก้านกล้วย
พเนจรร่อนไปเหนือไพรพฤกษ์
เกินจะนึกว่าเจ้าเหงาเพียงไหน
บินเดี่ยวผ่านละหานกันดารไกล
นกเขาไฟปราดเปรียวบนเรียวฟ้า
โฉบยอดเขาเขินเพนินลาด
บินผาดโผนผ่านตำนานป่า
เลาะลดลัดเลี่ยงเพียงเอกา
ยากจะหามิตรมาร่วมเส้นทาง
ภูสูงเจ้าเหิรลมภูเขา
ร้อนเร่าเพียงไหนใช่ราร้าง
เหมือนจะเริงลมหรูอยู่ห่างห่าง
เหมือนอ้างว้างปลดปล่อยลอยล่องไป
กาเหว่าเขาชวาล้วนหาคู่
ยูงอยู่รวมรังยังอาศัย
กางเขนกาขาบพิลาปพิไร
แล้วใย เจ้าเขาไฟ ใยลำพัง
ใคร่รู้เจ้าเหงาฤาเจ้าสงบ
ฤาเจ้าพบเรื่องร้าวร้างแต่ปางหลัง
หยุดสักนิดผ่อนชีวีตรงนี้สักครั้ง
พอพลังคลายคืนค่อยไคลคลา
พเนจรร่อนไปเขาไฟโทน
ผาดโผนไพรตามใจเจ้าเถิดหนา
มีเรื่องราวมากมายที่ปลายฟ้า
ไปค้นหาเถิดนะเจ้า นกเขาไฟ
(ม้านก้านกล้วย)
27 มกราคม 2545 23:02 น.
ม้าก้านกล้วย
ไร่ลึกกลางดงดอนป่าสูง
ชักจูงนวลน้องละล่องไล่
เรืองรองทาบทองท้องฟ้าใหญ่
ไรไรเห็นเป็นเช่นแดนทอง
กางเขนบินล่าหาแมลง
ต้องแฝงยามเหยี่ยวนกเขาร้อง
หนูนาก็รี่เข้ารังรอง
จดจ้องรอดูอยู่อย่างนั้น
ชายเขาชายป่าเวลาเย็น
ช่างเป็นเหมือนแดนแสนสวรรค์
แก่งธารโตรกผาชล่าชัน
ชวนเจ้าเท่านั้นไปล่องลอย
ผ้าถุงตีโป่งเหนือน้ำใส
ลอยไปไล่เจ้าเฝ้าเกี่ยวก้อย
กุมมือลอบจูบเจ้าแต่น้อย
มิให้เป็นรอยต้องหมองมัว
ก่อกองไฟฟอนตอนหัวค่ำ
ไล่เงาดำพืดมืดสลัว
โอบนางปกป้องน้องอย่ากลัว
หมอกมัวแม้ม่านจะผ่านเลย
เปล่าขลุ่ยกล่อมไพรให้เจ้าฟัง
เอนหลังตักพี่เพียงเขนย
สยายผมเจ้าเล่นเหมือนเช่นเคย
มิเอ่ยคำใดใจก็รู้
เราสองรักหนึ่งจากใจสอง
มีน้องมีพี่มีเพียงคู่
โลกจะเลวจะร้ายไม่รับรู้
แค่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันก็พอ
(ม้าก้านกล้วย)