17 เมษายน 2545 16:33 น.
ม้าก้านกล้วย
ความรักฉันนั้นเป็นเหมือนเช่นทะเล
มีรักมาทุ่มเทจนใจสิ้น
ใช่ว่าแจกจ่ายไปในแผ่นดิน
แต่ว่ายินดีให้ใครสักคน
เปรียบแรงใจฝันนั้นเป็นเช่นคลื่น
โถมโครมครืน บ้างกร้าว แกร่งแรงล้น
คือความรักมากมายหลากหลายจน
ใจไม่อาจทานทนเลยจนเอ่ยมา
ครั้นบางคราว อ้อยอิ่งยิ่งกว่าอ้อน
ทะเลอ่อน รอนริน ระรวยล้า
ระรอกลิ้ว ละล่องลอย ค่อยค่อยลา
เหมือนดั่งว่า รักราลิบ กระซิบเบา ๆ
ทะเลนั้นเขียวครามงามเหมือนฟ้า
ไกลสุดตาพาใจให้เงียบเหงา
จึงต้องใช้รักหวงแหนทดแทนบรรเทา
เพื่อค่อยคลายใจเบาเบาเจ้าเลื่อนลอย
รักนั้นเป็นเช่นทะเลเห่กล่อมหาด
กระสายสาดกระเซ็นเศร้าเคล้าอ้อยสร้อย
ตราบคืนตลอดวันผันผายคล้อย
ไม่เคยปล่อยให้ทรายร้างร้ายลำพัง
ทะเลยังโอบล้อมด้วยละมุน
ทะเลยังเนื่องหนุนธารารั้ง
ขึ้นและลงตามโมงยามตามคำสั่ง
ก็เหมือนดั่งใจฉันมั่นคงนัก
วาดคำรักเช่นทะเลด้วยรอยทราย
เขียนไว้ให้ขวัญใจได้ตระหนัก
แม้ทะเลสาดกลบลบคำรัก
แต่ใจภักดิ์ไม่มีกลบมิลบเลือน
(ม้าก้านกล้วย)
16 เมษายน 2545 18:57 น.
ม้าก้านกล้วย
กลับมาแล้ว มาพร้อม สายฝนพรำ
กลับมาร้อง ลำนำ ทำนองหวาน
มาจากแดน ห่างไกล วิไลโอฬาร
กลับมาขาน ตำนาน ของพงไพร
เคยหยอกเย้า กระเซ้า เจ้าเนืองเนือง
เคยสร้างความ ขุ่นเคือง เรื่องเหลวไหล
เคยข้นแค้น คับกมล หม่นหมองใจ
จะอย่างไร พอจากไกล ใจกลับรอ
เคยเง้างอน วอนง้อ ขอคำรัก
เคยอกหัก เคยสมรัก เคยพักพ้อ
เคยโกรธขึ้ง เคยสนอง เคยร้องขอ
เคยเจื้อยจ้อ รำพัน กันมากมาย
ก่อนจาก เคยสัญญา ว่าไม่เลือน
ความเป็นเพื่อน ระหว่างสอง ต้องห่างหาย
เพราะแรมร้าง เชือนแช แค่เพียงกาย
มีเพียงสาย สัมพันธ์ นั้นมั่งคง
กลับมาแล้ว มาพร้อม กับความหวัง
มาเตือนรั้ง ใจใคร มิให้หลง
แม้นลืมกัน เลือนกัน ฉันก็คง
เพียงพะวง ใจใคร ให้จดจำ
หากลืมเลือน เพื่อนคนนี้ มีเพื่อนใหม่
ลืมคืนวัน สดใส ใจเพ้อพร่ำ
ขอส่งคำ ก่อนจาก ฝากสักคำ
ยังเตือนย้ำ ยังตระหนัก ว่า รักเธอ
(ม้าก้านกล้วย)
13 เมษายน 2545 17:02 น.
ม้าก้านกล้วย
ร้อนเพราะร้อนมากมายในวันแล้ง
เดือนห้าแห้งแดดแรงแสงแดดจ้า
จึงรุ่มร้อนเร้ารุมสุมอุรา
จึงออกมาท้ารบพบสงคราม
มีรถเอาอาวุธบรรทุกรถ
เต็มไปหมดแสนยาน่าเกรงขาม
ทั้งขันขวดโอ่งอ่างกระถางลายคราม
แล้วใส่น้ำจนเต็มปรี่จะรี่บรรเลง
บ้างตั้งป้อมหน้าบ้านสำราญร่วน
ต่างชักชวนทหารกล้ามาล่าเร่ง
พอรถรบเทียบท้าท่าครื้นเครง
ก็ตะเบ็งสรรพประยุทธดุจจะรบ
สาดน้ำโครมเย็นยะเยือกไม่เลือกหน้า
สาดมาก็สาดไปไล่ตลบ
ทั้งแป้งร่ำทั้งแป้งหมี่ก็มีครบ
ทั้งน้ำอบน้ำแข็งก้อนหย่อนใส่น้ำ
ทั้งลูกเด็กเล็กแดงแรงชรา
ทั้งหนุ่มสาวเฒ่ากว่าก็มาฉ่ำ
นักเรียนร้องนักเลงเฉยกระเทยรำ
ทั้งหมูอ้วนจ้ำม่ำหรือซูบเซียว
เฝ้ารอปีมาทั้งปีวันนี้ล่ะ
วันที่จะพร้อมหน้าพากันเที่ยว
วันสงกรานต์ทั้งปีมีวันเดียว
วันที่เหนี่ยวใจน้อมยอมอภัย
วันที่พบรอยยิ้มอิ่มเอิบหน้า
วันที่หัวเราะร่ากว่าวันไหน
วันที่มิตรสัมพันธ์กันทั่วไทย
วันที่ใจทุกใจมีไมตรี
คือสงครามที่รบกันด้วยสนุก
คือสงครามที่รบรุกไปทุกที่
คือสงครามที่ผู้แพ้พ่ายได้ยินดี
คือสงครามที่มีแต่สำราญ
(ม้าก้านกล้วย)
11 เมษายน 2545 15:07 น.
ม้าก้านกล้วย
เพลงเพลงหนึ่งเราเคยร้องร่วมกัน
จากวันนั้นเพลงนี้ไม่มีค่า
เพลงแสนรักเปลี่ยนเป็นช้ำอุรา
จากคำว่าเพลงแห่งเราเขาไม่ฟัง มินตรา
ยังมีเพลงมากมายในโลกนี้
และยังมีนักดนตรีอีกหลากหลั่ง
เพียงเพลงเดียวที่ใครไม่รับฟัง
แต่ก็ยังมีมากมาย ตั้งใจร้อง
ต้นหญ้ายังร้องบอกดอกกระถิน
ไอดินยังรวยรินถิ่นไพรผ่อง
กบเขียดขรมยังระดมระงมร้อง
แล้วจะมัวน้ำตานองอยู่ทำไม
ออกมาขับขานเพลงธรรมชาติ
ออกมาวาดท้องฟ้านภาใส
ออกมาแต้มเติมสีระพีวิไล
ออกมาไต่บันไดเสียงสำเนียงนา
เพลงท้องทุ่งบรรเลงจากรวงข้าว
เพลงลมหนาวบรรเลงบนแผ่นผา
เพลงวารีบรรเลงร่ายคล้ายฝูงปลา
เพลงนภาระยิบวาวดาวนับพัน
ล้วนแต่เป็นเพลงไพเราะเพราะส่งสุข
ชวนขนลุกด้วยปิติมิใช่ฝัน
หากต้องการจะสดับตรับเสียงนั้น
หลับตาลงเพียงพลันเพลงจะพรม
เพลงจะพริ้วจะโอบออบรอบกายเรา
เพลงลำนำทำลำเนาเบาเบาบ่ม
ประสานสอดลอดลายคล้ายเริงรมณ์
จนบรรทมแนบเนาพราวพร่างเพลง
แล้วเธอรับรู้ได้หรือเปล่า
ใครเล่าที่งอนง้ำเพราะคร่ำเคร่ง
จะรักหลงพะวงโกรธกลับโทษเพลง
เป็นเพราะใจเธอเอง มิใช่หรือ
(ม้าก้านกล้วย)
11 เมษายน 2545 01:40 น.
ม้าก้านกล้วย
เป็ดน้อยเจ้าเกิดมากำพร้านัก
ก็รับรู้ ไอรักจากแม่ไก่
พาคุ้ยเขี่ยเดินดินหากินไป
สอนอย่างไร ก็ทำไป ไม่เชี่ยวชาญ
แม่พาเดินเจ้าก็เดินตูดสะบัด
แม่พาหัดเขี่ยดินกินอาหาร
แม่พาจิกเจ้าก็ไซร้ใช้ปากบาน
แม่พาขานเสียงกุ๊กไก่ก็ไม่เป็น
ยังร้องกิ้วก้าบกันเรื่อยเปื่อย
จนแม่เหนื่อยตามใจใช่ยากเข็ญ
แม่จะกุ๊กลูกจะก๊าบทราบประเด็น
ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ไม่กังวล
ลูกเป็ดกับแม่ไก่ไปด้วยกัน
ทุกคืนวันรักใคร่ใจสับสน
แม่พร่ำสอนลูกเล่าเรียนเฝ้าเวียนวน
จนผ่านพ้นฤดูกาลเนิ่นนานมา
เมื่อถึงหน้าน้ำขังวังน้ำขวาง
สัญชาติญาณที่วางเอาไว้ว่า
เป็ดต้องลงแหวกว่ายในธารา
ก็พลันผุดขึ้นมาในสำนึก
อนิจจาลูกเป็ดกระโจนน้ำ
เพื่อจะเล่นผุดดำตามความรู้สึก
จะหาปูปลาเป็นเล่นน้ำลึก
เพราะเพียงคึกคะนองน้ำตามเวไนย
แม่ไก่กลับตกประหม่าผวาสับสน
เกรงว่าลูกตนจะจมสายน้ำไหล
ด้วยหวงห่วงลูกรักปักดวงใจ
จึงกระโจนลงไปในลำน้ำ
เพียงเพราะจะช่วยลูกของตน
เพียงกมลแหลกสลายคลายกลืนกล้ำ
เพียงแรงอันด้อยนักสำลักน้ำ
เพียงมิทัน ขาดคำ เจ้าก็ ตาย.
(ม้าก้านกล้วย)