12 มิถุนายน 2545 18:36 น.
ม้าก้านกล้วย
คืนเหงา ยามฝนเศร้า สาดกระหน่ำ
ฟ้ามืดดำ ม่านหม่น จนใจหมอง
ละอองฝน ปนน้ำตา เปื้อนหน้านอง
ฟ้าร้อง แข่งใจโหย โรยระทม
กบเขียด ครางเคียง เสียงสะอื้น
เมฆทะมึน เหมือนมา พาใจขม
แมกไม้โยก โบกไกว ดั่งใจตรม
จนต้องก้ม หน้านิ่ง ยิ่งกว่าช้ำ
เพราะวันที่ พบรักหวาม ท่ามกลางฝน
เช่นได้ค้น พบวัน ปลื้มที่ดื่มด่ำ
ประคองคู่ เคี่ยงร่าง กลางฝนพรำ
และถ้อยคำ ที่พร่ำฝาก รักจากใจ
ถนอมรัก เฝ้าสนอง สองใจฝัน
ข้ามคืน ผ่านวัน อันแจ่มใส
ชวนชม ทิวา ประภารำไพ
แลนับดาว พราววิไล ในราตรี
จนเมื่อรัก กลับสลาย ในสายฝน
วันนั้นฝน หล่นหลั่ง อย่างคืนนี้
ต้องรับรู้ เรื่องราว ร้าวฤดี
เพราะเธอมี ฝันใหม่ กับใครอีกคน
ไม่เหลือแล้ว ทั้งใจ ไม่มีใครแล้ว
เหมือนแก้ว แตกสลาย กลางสายฝน
ไม่อาจรอง รับหยาดใส ใส่กมล
ด้วยหลั่งล้น ท่วมระทม จมน้ำตา
(ม้าก้านกล้วย)
9 มิถุนายน 2545 19:33 น.
ม้าก้านกล้วย
เจ้าเจียมใจ เจ้าไร้ค่า ประดับดิน
ไม่เคยหวัง ถวิล จะชมฟ้า
เพราะรู้ตัว เจ้าเป็น เช่นดอกหญ้า
ไม่เคยฝัน สูงกว่า พนาไพร
ลมรำเพย พัดมา เพียงโชยแผ่ว
กระทบดอก หญ้าแล้ว เจ้าหวิวไหว
ลมก็ยก ยอเยิน เพลินกระไร
จะพัดพา เจ้าไป ให้ลอยฟ้า
เพียงลมแผ่ว มิเพียงพอ จะสั่นคลอน
ให้ใจเจ้า โอนอ่อน ผ่อนผวา
ลมก็โหม ประโลมร่ำ คำนานา
จึงแกร่งเกลียว พายุมา พาเจ้าไป
เพราะแรงกล่อม แรงกล้า ของพายุ
เพราะมุ่งมุ มานะ จะผลักไส
เจ้าจึงหลุด สลัด พลัดขั้วใบ
ล่องลอยไกล ไปถึงดาว ที่เจ้าปอง
เจ้าสูงแล้ว ดอกหญ้า สูงกว่าดิน
เจ้าโบยบิน ล้ำฟ้า พาละล่อง
เจ้าเหลิงโรจน์ เริงไล่ ใจลำพอง
เจ้าลืมเผ่า พงผอง พสุธา
ไกลเหลือเกิน ที่เจ้า ไปจากดิน
แม้ลมสิ้น แรงประคอง ต้องจากฟ้า
ขอเจ้าจง ลงประทับ ประดับนา
เป็นดอกดิน ดอกหญ้า ควรค่าไพร
(ม้าก้านกล้วย)
8 มิถุนายน 2545 20:58 น.
ม้าก้านกล้วย
หนึ่งบทเพลง เก่าเก่า เหงาซ้ำซาก
ซึ่งบรรเลง มาจาก ใจเหงาเศร้า
โศกสลาย ครวญสลด ทดบรรเทา
ที่ปัดเป่า ระทมใจ ให้คลายลง
ลางทีนั้น ราวแว่วไกล คล้ายเลื่อนลอย
และบางถ้อย เหมือนชัดคำ ลำนำหลง
หลากหลั่งร้อย ทำนองเนื่อง เรื่องเจาะจง
จะบอกบ่ง ว่าลอยไหล จากใจตรม
แต่ไหนหนอ ล่องลอยไกล จากไหนหนอ
หนาวจนท้อ อ้อนสะอื้น ขื่นจนขม
ขาดคู่รัก หรือไร ใยระบม
บาดอารมณ์ คล้อยตาม ทำนองครวญ
คงจะฝัง ใจจำ ระกำนัก
นางหน่ายรัก แล้วกระมัง พลั้งกำสรวล
สาธยาย โศกาดูร สูญสำนวน
นางจึงหวล เพลงโหย โดยลำพัง
พี่นี้รับ สดับรู้ อยู่ห่างห่าง
ห่วงมิวาง ปานว่า น้ำตาจะหลั่ง
หลอนระทม ตามท่วง ห่วงเสียจัง
จึงฝากฝัง ดินฟ้า อย่าลงทัณฑ์
ที่ตรอมตรม ควรญขม โทมนัส
นางคงกลัด กลั้นฤดี สุดที่จะกั้น
กรีดประโลม เจ้าที่เหงา เศร้าจาบัลย์
บ่มเพลงเหงา ที่เจ้าฝัน นั้นจงจาง
(ม้าก้านกล้วย)
กลอนกล สัมผัส นิสสัย คือ คำสุดท้าย จะส่งสัมผัสอักษรให้คำแรกของวรรคถัดไป ต้องใช้อักษรเดียวกัน หากใช้อักษรนำ ก็ต้องอักษรนำเช่นเดียวกันทุกตัวบท
3 มิถุนายน 2545 05:48 น.
ม้าก้านกล้วย
ต้องขอบใจ เธออย่าง สูงที่สุด
ที่มาฉุด ใจฉัน ให้มันช้ำ
รักแล้วบอก เลิกรัก จักจดจำ
และจะนำ ไปเป็น ประสบการณ์
สุดท้ายนี้ ก่อนที่ จะลาร้าง
ขอตอบแทน อะไรบ้าง อย่างชาด้าน
ใบประกาศ เกียรติคุณรุ่น เชี่ยวชาญ
กระทำการ หักหาญ น้ำใจคน
และมอบใบ รับรอง คุณภาพ
หลังจากช้ำ ซึมซาบ ทรวงหมองหม่น
ไอเอสโอ แปดแสน แทนใจคน
ที่ร่วงหล่น จากสถาน วิมานลวง
แล้วนี่เลย ใบนี้ ที่อยากให้
เชลล์ชวนช้ำ ทำให้ จากใจหวง
แม่ช้อยนางโรย ก็อีกหนึ่ง ซึ่งทั้งปวง
เพราะลมลวง เป็นเลิศกว่า หาเทียบเคียง
ก็ขอให้ รักษา มารยานี้
ไว้ดีดี เผื่อว่า จะกล้าเสี่ยง
แบบ! อย่างช้ำ อีกสักครั้ง หวังแค่เพียง
ใจแตกเป็น หลายเสี่ยง อีกสักที
ก็ จะให้ทำอย่างไรได้
รักเธอหมดหัวใจไปแล้วนี่
โดนหักหลัง จึงงงงัน อย่างทันที
ทั้งชีวี จึงชะงัก เพราะรักร้าง
แต่อยากขอ สิ่งสุดท้าย ก่อนจากกัน
เธอคงต้อง ให้ฉัน นั้นสักอย่าง
ปริญญา ความช้ำใจ ใบบางบาง
จะเอาไว้ อวดอ้าง ให้เพื่อนดู
(ม้าก้านกล้วย)
2 มิถุนายน 2545 19:46 น.
ม้าก้านกล้วย
ฉันเหนื่อย เหลือเกิน
เพราะทางเดินที่ลำพังยังเวิ้งว้าง
เพราะรอบกายไร้ใครปลอบใจจาง
เพราะรอบข้างแปลกตาน่าสะพรึง
ฉันหลงทางหรือไรก็ไม่รู้
เพราะขาดคู่ร่วมตรึกปรึกษาซึ้ง
ขาดคนแนะขาดคนท้วงห่วงรำพึง
แม้คนซึ่งเมตตามาอาทร
จะทรุดลงแล้วด้วยใจอ่อนล้า
เกล็ดน้ำตาเปรอะปื้นสะอื้นสะท้อน
แม้ปาดป้ายยังแปดเปื้อนเกลื่อนกายอ่อน
ทางสัญจรที่ต้องไปไม่เคยคุ้น
ฉันกลัว เหลือเกิน
ไม่อาจเดินต่อไปใจว้าวุ่น
การเดินทางเพียงลำพังช่างทารุณ
มีเพียงฝุ่น ขุ่นมัว ทั่วทั้งทาง
ใจไม่กล้าเดินหน้าต่อไปได้
จะรอใครสักคนที่มีใจกว้าง
มาเดินร่วมเคียงคู่ผู้อ้างว้าง
เมตตาผู้หลงทางอย่างตัวเรา
จะไม่ขออะไรมากมายนัก
เพียงรู้จักและร่วมทางไปอย่างเขลา
ไม่เอ่ยถามจะเดินตามอย่างแผ่วเบา
ขอแค่เราผ่านเส้นทางอย่างมั่นใจ
(ม้าก้านกล้วย)