1 กรกฎาคม 2545 10:13 น.
ม้าก้านกล้วย
ทะเลมีคลื่นลมประโลมไล้
เหมือนปิดกั้นอะไรไว้ในฟองคลื่น
มีความลับอะไรอยู่รู้ว่าฝืน
แต่จะกล้ำกลืนไว้ทำไมกัน
ปลดปล่อยทะเลได้อย่างไรหนอ
จะหยอกล้อให้ทะเลเร่หาฝัน
จะเปลี่ยนแปรคลื่นลมผสมกัน
ให้เป็นเพลงกล่อมขวัญทะเลตรม
อยากให้ทะเลใสกว่านี้
อยากจะมีมนตรามาเสกสม
ให้คลื่นขาวทรายสวยช่วยระดม
ให้ทะเลลืมระทมพรมละมุน
วันนี้ จะโอบกอดน้ำทะเล
จะลอยเร่โอละเห่ทะเลหนุน
จะผุดดำลงแหล่งแมงกระพรุน
จะมุดฝุ่นไปหาปลาและปู
จะกล่อมทะเลให้คลายความเหงา
จับปลาดาวโยนหาวเป็นดาวหรู
จับเอาปลาฉลามทรายหลายหลายคู่
เอามาอยู่ข้างทรายชายทะเล
ฉันจะจูบทะเลหวานเพียงผ่านแผ่ว
เมื่อจูบแล้วจะรักเจ้าเอาคลื่นเห่
เมื่อรักแล้วจะขับร้องพ้องเพลงเร่
กล่อมทะเลให้นิทราในราตรี
(ม้าก้านกล้วย)
1 กรกฎาคม 2545 09:08 น.
ม้าก้านกล้วย
กลางกอดิน ระรวยกลิ่น ดอกกระเจียว
มียอดเรียว แหลมหน่อ กลางกอไผ่
แทงระดา สู่ฟ้า มาไหวไหว
หน่อไม้ใหม่ อวดยอด ทอดระทวย
ทรนง ว่าเก่งกาจ ผงาดโผล่
ไม่โง้งโง งอโง้ม มิโน้มหน่วย
ทะมึนตึง ตั้งตรง ทรงสำรวย
คงจะด้วย เพราะจะอวด ทรวดและทรง
กูนี่หนา เก่งกล้า กว่าไม้อื่น
ยอดที่ยื่น แทงฟ้า ชะตาส่ง
ยอดกูแหลม แทงพ้นดิน จินต์จำนงค์
ใช่กูหลง แต่กูเรียว เพรียวกว่าใคร
ดินมันแข็ง แม้นมิใช่ ปลายยอดคม
คงต้องถม คุดคู้ อยู่ข้างใต้
มิอาจแทรก ดินดอน ก่อนใครใคร
อาจมิได้ หวดฟ้า มาเชิดชู
แต่แล้ว เจ้าหน่อไม้ คล้ายตะลึง
คิดไม่ถึง ด้วยมาเห็น เช่นเพิ่งรู้
ข้างกอไผ่ เกิดเห็ดหน่อ ย่อยอดทู่
เกิดมาคู่ หน่อไม้ คล้ายเปรียบเปรย
มัทวะ อย่างข้า ก็กล้าแกร่ง
ดินมันแข็ง ไม่ต้องใช้ ปลายเฉลย
ทึ่มทู่ทู่ อย่างข้า กล้างอกเงย
อย่ามาเอ่ย อวดอ้าง อย่างโง่งม
เป็ดที่ขน มีไข ให้ลอยน้ำ
มิเคยพร่ำ คำโง่ เพียงโข่ข่ม
ลูกมะพร้าว เกลี้ยงเกลา เจ้ามิจม
ก็ล่องลอย คอยผสม ผสานไป
ห่านที่คอ ยาวเขย่ง จึงเปล่งเสียง
ดังเพราะเพียง คอยาว เขลาหรือไม่
มิเคยโว ว่าเสียงดัง กังวาลไกล
เพราะรู้นัย กบคอสั้น มันร้องดัง
(ม้าก้านกล้วย)
29 มิถุนายน 2545 07:06 น.
ม้าก้านกล้วย
พุ่มมะลิดอกระยับประดับพุ่ม
พวงมะลิกอดกลุ่มชุมหนักหนา
พันกิ่งก้านประชันช่อละออตา
พวงระย้าระเรี่ยดินกล่นระรวย
เพราะกลีบสวยและกลิ่นหอมดอมระดม
พร่ำผสมยามลมพร่างพรมช่วย
แพร่กระจายหลายหลั่งช่างสลวย
เพราะเป็นด้วยเหตุฉะนี้ยินดีนัก
พึงจับกลับมาร้อยเป็นมาลัย
พันเป็นสายอุบะบายลายสลัก
เพ่งประดิษฐ์ประดอยทอก็เพราะรัก
เพียงเพราะหวังพำนักกลิ่นนานนาน
เพราะฉะนี้มาลีจึงมีค่า
เพราะเพียงว่านานามาถึงบ้าน
เพราะพึงใจพวงมาลีที่ตระการ
เพราะชื่นชมความชำนาญการเรียงร้อย
พวงมาลัยจึงซื้อขายได้ราคา
พวงมาลาจึงแปรค่ากว่าดอกด้อย
พวงมะลิจากต้นที่มีดอกน้อย
พวงละร้อยละพันแย่งกันยื้อ
พวงมาลัยจึงไร้ไอระริน
ฟอร์มาลินอาบกลิ่นมะลิหรือ
พรมมาลาจนแห้งจนแข็งทื่อ
เพียงให้ถือขายได้หลายหลายวัน
(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกลปรนอักษร นี้ มักจะให้อักษรใดอักษรหนึ่ง นำหน้าเป็นหลัก ในที่นี้ ใช้ พ. พาน แต่ ท่อนนึง ขออนุญาตแหกกฏ เพราะ เป็นศัพท์เฉพาะ คือ ฟอร์มาลีน
แต่ กลอนกลอักษรปรน นี่ ยากกว่านี้ เพราะ จะให้คำหลังสุด สัมผัสอักษร ซึ่งยากกว่า นี้ สิบเท่า เลยไม่กล้าพอที่จะแต่งโชว์
26 มิถุนายน 2545 14:37 น.
ม้าก้านกล้วย
เธอคือความฝัน
คือ..คืนวันอันสดใส
คือ..คนดีที่อยู่กลางดวงใจ
คือ..สายใยแห่งความผูกพันธ์
เธอคือดอกไม้
คือ..เมฆขาวสวยใสน่าใฝ่ฝัน
คือ..ดวงจันทร์ทอแสงนวลนานแสนนาน
คือ..วันวานที่ฉันไม่อาจลืม
เธอคือละอองฝน
ที่ร่วงหล่นจากเมฆครึ้ม
คือ..ความเย็นฉ่ำอันดูดดื่ม
ที่ฉันสุดจะปลื้มเมื่อได้เจอ
เธอคือแดดอุ่น
ที่ทอแสงละมุนอยู่เสมอ
ช่างอบอุ่นอย่างเลิศเลอ
ยามใดที่ฉันสัมผัสเธอ ล้วนมีแต่ความสุขใจ
เธอคือธรรมชาติ
ที่ไม่อาจเปรียบเทียบราคาได้
เพราะเธอทรงคุณค่าภายในจิตใจ
ล้ำค่ากว่าสิ่งใดๆที่จะพรรณา
เธอคือที่รัก
ฉันประจักษ์รู้เห็นเป็นหนักหนา
และจะขอเก็บเธอไว้ในดวงใจและดวงตา
เพราะเธอนั้นทรงคุณค่ากว่าสิ่งใดใด
sodasasa
คนดี
ใยมองข้ามคนที่อยู่ใกล้ใกล้
เรียกร้องธรรมชาติสร้างที่กว้างไกล
ทำไมไม่เหลียวมามองกัน
ฉันอยากเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง
อยู่รอบสรรพางค์ของเธอนั้น
อยากเป็นบุปผานานาพรรณ
เพื่อประชันสรรค์โฉมเพื่อโลมใจ
อยากเป็นท้องฟ้าและปุยเมฆ
หากฉันมี ฤทธา เสกได้
จะแปลงร่างเป็นแมกไม้
เพื่อให้ เธอได้ ใช้ร่มเงา
จะเป็นลม พริ้วพราย รอบกายเธอ
แอบจุมพิต ยามเผลอ ยามเธอเหงา
จะส่งกลิ่น หอมระริน ประทินเคล้า
เพียงบางเบา เพื่อปัดเป่า เจ้ารัญจวน
แม้นยาม เธอร้อน ต้องผ่อนพัด
อยากเป็นฝน โปรยปัด สะบัดหวน
หอบไอเย็น ยะเยือกย่ำ พร่ำอบอวล
ให้คลายครวญ ร้อนรุ่ม อุรานาง
แม้เธอหนาว เกินไป ใจก็หวัง
จะเป็นแสง แรงสะพรั่ง ดังแดดพร่าง
บั่นทอนหนาว บรรเทาเหน็บ เจ็บจะจาง
พร้อมชี้ทาง สว่างใจ ให้เธอเดิน
แต่ฉัน เป็นได้ แค่ชายคนหนึ่ง
รักและซึ้ง ไม่กล้าเอ่ย เลยขัดเขิน
อัดและอั้น จึงเหงา เศร้าเหลือเกิน
แอบมองเธอ เพลิดเพลิน เพียงลำพัง
จะฝากลม ฝากฟ้า ไม่กล้าทัก
ปากมันหนัก ใจมันหน่วง ห่วงและหวัง
อาศัย ธรรมชาติช่วย อวยพลัง
บอกเธอบ้าง ว่าเรา เฝ้าแอบปอง
ม้าก้านกล้วย
25 มิถุนายน 2545 13:26 น.
ม้าก้านกล้วย
ภู่จรรโลงกลอนไว้ในภิภพ
ภู่เจนจบวรรณกรรมคำสลวย
ภู่ร่ายนิราศร้างอย่างสำรวย
ภู่ช่วยให้กวีมีชีวิต
พระศรีสุนทรโวหาร
ดังอาจารย์ด้านกวีวจีลิขิต
บันดาลโลกด้วยโวหารปานนฤมิต
ซึ่งเหล่าศิษย์ทั้งมวลล้วนบูชา
ผู้เสกสรรค์ตำนานอภัยมณี
นิราศที่ประธม บรมกภา
เพลงยาวถวายโอวาท ปราชญ์บัญชา
แลบท นางสีดา ผูกคอตาย
สิงหไตรภพ ครบคำร้อง
ทั้งนิราศภูเขาทอง ยกย่องไว้
โคบุตร สวัสดิรักษา มามากมาย
ลักษณวงศ์ และพระไชย สุริยา
บทกำเนิดพลายงาม สูงส่ง
ราชพง สาวดาร ท่านก็ว่า
เห่จับระบำ คำนานา
แม้เรื่องกากีล้วนถ้วนถ้อยคำ
สุภาษิตสองหญิงยิ่งต้องอ่าน
ซึ่งโวหารพระภู่ อยู่ยืนค้ำ
ซึ่งข้ามกาลผ่านสมัยใคร่ควรจำ
ศิษย์ขอนำสดุดี กวีไกร
(ม้าก้านกล้วย)