13 กันยายน 2548 21:14 น.
ม้าก้านกล้วย
Hey lady, you lady
cursing at your life
you're a disconnected mother
and a regimented wife
I have no doubt
you dream about the things you never do
But I wish someone had talked to me like I wanna talk to you
โอ ว่านารีใดหมายพ้นทุกข์
โดยมิฉุกใจคิดชีวิตนี้
เหินห่างวางภาระและหน้าที่
จากศักดิ์ศรี พันธะการของมารดา
คงมิพักต้องสงสัยใดใดกัน
โปรดหยุดยั้งเพื่อให้ฉันผู้สรรหา
ขอแค่เพียงสักหนึ่งคนสนทนา
ปรารถนาต่อถ้อย กระทงคำ
Oh, I've been to Georgia and California
and anywhere I could run
Took the hand of a preacher man
and we made love in the sun
But I ran out of places and friendly faces
Because I had to be free
I've been to paradise but I've never been to me...
ฉันผู้เคยเที่ยวไปในแดนกว้าง
ได้ปล่อยวางสู่สวรรค์อันดื่มด่ำ
เสพราคะ ระคน ของมนต์ดำ
ทุกทุกการกระทำ ล้วนฉ่ำใจ
หากเป็นเหมือนวิ่งหนีชีวิตจริง
แม่จะยิ่งเพ้อรำพึงถึงไหนไหน
เคยไปท่องสรวงสูงจรุงใจ
แต่ก็ไม่เคยเข้าใจ ในตนเอง
Please lady please lady
don't just walk away
Cause I have this need to tell you
why I'm all alone today
I can see so much of me
still living in your eyes
won't you share a part of a weary heart
that has lived a million lives
โอ ว่าหญิงทั้งหลายได้โปรดเถิด
อย่าเพื่งเกิด ใจน้อมนำ จนค่ำเคร่ง
ขอแค่ ฟังรำพัน ฉันบรรเลง
เป็นแค่เพลงของชีวิตลิขิตไว้
ลองปรับเปรียบเทียบเคียงของเพียงยั้ง
และจงตั้ง ใจเข้าเอาใจใส่
แม้ชิวิตเป็นเส้นทางที่ต่างไป
ล้านเส้นทางถางไปในล้านทิศ
Oh, I've been to Nice and the isle of Greece
when I sipped champagne on a yacht
I moved like Harlo in Monte Carlo
and showed them what I've got
I've been undressed by kings
and I've seen some things that a woman ain't s'pose to see
I've been to paradise but I've never been to me...
สำหรับฉันนั้นผ่านมาล้านเมือง
ที่ลือเลื่องความอร่ามงามสนิท
หนึ่งเส้นทางที่ผ่านไปใช้ชีวิต
แต่ถูกผิดอย่างไร ฉันไม่รู้
Hey, you know what paradise is?
It's a lie
a fantasy we created about people and places
as we like them to be
but you know what truth is?
it's that little baby you're holding
and it's that man you fought with this morning
the same one you are gonna make love to tonight
that's truth that's love
Sometimes I've been to crying for unborn children
that might have made me complete
but I, I took the sweet life
I never knew I'd be bitter from the sweet
เหมือนวิมานที่สร้างอย่างโป้ปด
ช่างงามงดพิสถานสราญหรู
เราทั้งหลายพึงใจจะใคร่ดู
แต่จะรู้หรือไม่ ไร้จีรัง
แค่เพื่อสิงสถิตชีวิตใหม่
แค่เพื่อโลมลูบไล้ ในวาดหวัง
แค่เพื่อสมสู่ร่างสร้างพลัง
แค่เพื่อฝังวิญญูสู่นิรันดร์
I spent my life exploring
the subtle whoring
that cost too much to be free
hey lady I've been to paradise
but I've never been to me...
แม้จะเสียหายมากมายนัก
กลับไม่เคย รู้จักในใจฉัน
ทุ่มเทไปเท่านาน นั้นสูญพลัน
สรวงสวรรค์ เพียงใด ก็ไปถึง
แต่ไม่อาจตอบลงตรงคำถาม
จะเหยียดหยามอย่างไรแค่ใจหนึ่ง
พยายามอย่างไร ไร้รำพึง
ไม่ลึกซึ้ง ลงลึกใน ใจนี้เลย
I've been to paradise but I've never been to me...
16 สิงหาคม 2548 23:12 น.
ม้าก้านกล้วย
ปิงเอย เอ่อจน แม่ล้นฝั่ง
หลากหลั่งล้างไหลใดกันหนอ
หนักหน่วง เหลือต้าน สะท้านท้อ
พักพอเถิดแม่ เฮาแพ้ภัย
หวังรื่น รมย์แม่ ปิงแผ่ป้อง
จึงครองพาราอยู่อาศัย
ยึดฝั่งปิงอยู่รู้แก่ใจ
นับกาลนานไกลหลายร้อยปี
บ่เกยหันแม่ กระแสเกรี้ยว
กำเดียวหลามรวมท่วมล้นปรี่
บ๋ฮู้กองล่องกลหนตางหนี
ตึงบ่มี ตี้หลบภัย ณ ใดกัน
วอนแม่ วารี ศรีเวียงพิงค์
สางสิง ผีร้าย ตนใดนั่น
อุทกสาปสา แทบจาบัลย์
โทษทัณฑ์ อินทรา หรืออาภัพ
หนตาง กลับกลาย เป็นสายน้ำ
แจ่งขะต้ำ จมต่ำ ระกำกลับ
สูญสินสิ้นเพียง จะเซี่ยงทรัพย์
ฉวยจับ หยิบมือ พอถือไหว
ปิงแม่เอ่อท้นจนล้นท่วม
น้ำรวมร้อยแหล่งรุนแรงไหล
ท่วมบ้าน เมืองหมด รันทดใจ
เชียงใหม่ พัฒนา เป็นบาดาล
(ม้าก้านกล้วย)
16 สิงหาคม 2548 15:35 น.
ม้าก้านกล้วย
รักคือร้อยมาลานานาพันธุ์
สุดแต่สรรล่าเร่หาเกษร
ผู้หารักจักประหนึ่งผึ้งภมร
ย่อมไชชอนร่อนล่า มาลานั้น
บ้างไปพบน้ำหวานอันหอมหวน
ปานจะทวนลมรำพึงถึงสวรรค์
ผิเสพย่อมหอมล้ำร่ำรำพัน
ผิผู้อันพึงใจได้ลิ้มรัก
หนึ่งใน ร้อยล้าน วนาลี
ย่อมมี น้ำขม จมกระอัก
ภมรใด ไปเชย เลยสำลัก
แล้วทึกทัก ว่ามวล มาลีทราม
กลับเกลียดความรักเสียนักหนา
ตราหน้ารังเกียจและเหยียดหยาม
ไม่ฟังคำอธิบายไม่สนความ
และคิดตามรสรับกลับปิดใจ
แต่หากยังมีอีกในซีกหนึ่ง
ภู่ผึ้ง หลงร่าน น้ำหวานใส
หล่อเลี้ยงในกล่องห่อเพื่อล่อใจ
อยู่ใน หม้อข้าว หม้อแกงลิง
รักนั้นฉาบร้ายไว้ในหวาน
สังหาร ง่ายดาย ช่างร้ายยิ่ง
สร้างแหล่งรังรักให้พั้กพิง
กลับสิง สาปฆาตกรลวง
(ม้าก้านกล้วย)
12 กรกฎาคม 2548 21:54 น.
ม้าก้านกล้วย
มาจะกล่าวบทไป
ถึงตายายคู่หนึ่งซึ่งกินอยู่
ใช้เวลาร่วมกันมา นานน่าดู
ชีวิตคู่ นานกว่า ห้าสิบปี
วันนี้ วันดีแม้ วันแซยิด
ชั่วชีวิตรักใคร่ไม่เคยหนี
ทั้งที่อัดอั้นขลุกทุกโมงมี
จะขอทีกรุณา ข้าขอถาม
ยายแก่เอ๋ย ก็ล่วงเลย มาหลายปี
ลูกเรามี เกือบโหล โอ้ ล้นหลาม
แต่ยังไง เอ๊ะยังไง ไม่ได้ความ
ทั้งสิบสาม ทะโมนนั้น มันไม่คล้าย
จะว่าเหมือน ข้างบ้าน คร้านจะโกรธ
จะว่าโทษ ข้าขี้คร้าน งานมิได้
ก็ทุกค่ำ ทุกคืนข้า ตาเกือบลาย
แล้ว มันคล้าย ใครกันหนอ ข้อปัญหา
วันนี้ก็บั้นปลายจะตายจาก
ข้าก็อยากถามเมีย เสียเถิดหนา
ไอ้สิบกว่าคนแรก น่ะลูกข้า
แล้ว ตามมา อีกหนึ่งนั้น มัน ลูกใคร
ไอ้เจ้าเล็ก คนหล้า หน้าตาร้าย
มันไม่คล้าย ใครซักคน ฉงนไหม
แม่แก่ แก้กังขา มาทันใด
ก็สุดท้ายนั่นยังไงลูกชายแก
(ม้าก้านกล้วย)
27 มิถุนายน 2548 23:49 น.
ม้าก้านกล้วย
พอได้อ่านบทกวีที่อ่อนโยน
ก็เหมือนโดนฟ้าสาปพิลาปลั่น
มิอาจเติมถ้อยใดไปรำพัน
เหมือนปิดกั้นเราไว้ ไม่พาที
ปีกฟ้าเพื่อนเก่าจงเข้าใจ
ถ้าต่อกลอนมิได้คงใช่ที่
หาโอกาสใดหนอ ก็ไม่มี
ใจที่มี หมายร่วมกลอน ตอนอ่านคำ
กลับต่อเติมถ้อยใด ใครมิได้
ทำอย่างไรใครคงว่า ช่างน่าขำ
แต่ตัวเราเร้าลนจนไหม้ดำ
จะให้ทำอย่างไร ช่วยไขความ
ตอบกระทู้ใดใดมิได้เลย
ไม่เหมือนเคยพ่อบุญปลูกถูกมองข้าม
อ่านกวีทีละนิดแล้วคิดตาม
พยายามตอบโต้ โอ้ ระกำ
ทิกิ หนึ่งคน ก็ โดนบล๊อค
พูดไม่ออกบอกไม่ได้ ใจระส่ำ
โอ้ว่าอกเอ๋ยอกนี้ เหมือนมีกรรม
แล้วจะทำ อย่างไร ไม่ได้เติม บทกลอน
คุณปีกฟ้าครับ ตอนแรก คุณ ทิกิ ถูกบล๊อค นึกว่า จะเป็นความผิดพลาดแค่ นืดหน่อย ไกลตัว ไม่เป็นไร
โดนเข้ากับตัวเองแล้ว แทบบ้า
โอย ช่วยแก้ไขให้ด้วย นะครับ