9 กรกฎาคม 2545 08:51 น.
ม้าก้านกล้วย
ไม่หวังรัก ดอกฟ้า กว่าใฝ่ปอง
ไม่หวังน้อง สูงค่า กว่าใฝ่ฝัน
พี่แค่ผู้ ต้อยต่ำ เพียงรำพัน
อยู่แต่เดียว เท่านั้น ฉันรู้ดี
พี่จะไม่ รบกวน ยั่วยวนน้อง
ไม่แลเหลียว เกี่ยวข้อง ให้หมองศรี
ลับตาแล ตัดใจ ตัดไมตรี
จะรักใคร จากนี้ พี่หลีกทาง
แม้นว่าน้อง มีใคร ที่ใหนอยู่
โปรดรับรู้ ว่าพี่ยอม ตรอมใจหมาง
เขาชิดหรือ เชยชม โฉมสอางค์
พี่จะไม่ ขัดขวาง ทางรักเธอ
จะตัดใจ ลาไป ด้วยใจเศร้า
จงลืมพี่ เถิดเจ้า คนเขลาเหม่อ
แม้เคยเฝ้า ดอกฟ้า มาเสมอ
จะเลิกรอ รักเก้อ เพ้อใจจาง
เปรียบพี่แม้น กระต่าย ไม่เจียมตน
แอบมองน้อง หน้ามล บนฟ้ากว้าง
แม้นจะรู้ หมายจันทร์ อันกระจ่าง
แม้นรู้นัย ใจจะร้าง ยังกล้าปอง
ร่ำรำพึง รำพัน ฝันเกินใฝ่
ไม่เจียมใจ เสนอหน้า แม้นว่าหมอง
ตระหนักตรง ใจนัก รักร่ำร้อง
ไม่อาจต่อ มิอาจรอง ปองดาวดัง
ขอรักคืน ได้ใหม ดวงใจพี่
รู้รักนี้ เกินกว่า จะมาหวัง
ปล่อยให้พี่ ชอกช้ำ เพียงลำพัง
จะไม่ขอ ฉุดรั้ง กังขังใจ
ไม่ต้องรอ พี่คนนี้ คนที่หมอง
ปล่อยใจน้อง คืนฟ้า หารักใหม่
ลืมคนที่ ต่ำต้อย ด้อยเกินไป
ลืมคนเดิม ที่ยากไร้ ไม่มีบุญ
(ม้าก้านกล้วย)
นี่เป็นกลอนกล นะครับ แต่ยังไม่บอกว่า กลมันซ่อนอยู่ตรงใหน ก็ ลองทายดู แล้วแกะรหัสให้ออก ใครตอบถูก เขียนใส่ซอง จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง ส่งมาหา ผมได้ ถ้าส่งถึง มีบ้านและที่ดิน พร้อมด้วย ผู้ชายจน จน มอบให้เป็นรางวัล
วันศุกร์เที่ยง จะ แก้ไข ให้เห็นกล โดยทั่วกัน ใครไม่รู้ว่า กลซ่อนตรงใหน วันศุกร์เจอกัน ครับ
7 กรกฎาคม 2545 09:56 น.
ม้าก้านกล้วย
ยามสุรีย์ อ่อนแสง สีแดงฉาน
สวยตระการ หลากใจ เมื่อได้เห็น
เสน่หา ความงาม ของยามเย็น
ราวซ่อนเร้น มนต์ตรึงให้ ใจรวยริน
หมู่วิหค บินกลับ รังหลับนอน
เร่งบินร่อน ลิ่วไล่ ใคร่คืนถิ่น
หมดเรียวแรง หลังเริงร่า เร่หากิน
จึงถวิล รวงรัง ตั้งใจเยือน
จันทรา เพ็ญสะพรั่ง กำลังขึ้น
ฟากฟ้าครื้น ด้วยดาว พราวเป็นเพื่อน
แสงสว่าง ริบหรี่ ที่เริ่มเลือน
ส่งสัญญาณ พนาเตือน เหมือนสิ้นวัน
สะกดให้ รู้ว่า เวลานี้
หยุดวาระ หน้าที่ มิควรหมั่น
ป่าโปรยปราย รายระลอก ด้วยหมอกควัน
แซ่ประชัน ชะนีโหย โดยวิงวอน
แสงสุดท้าย มืดไป จนใจหวั่น
ด้วยกริ่งเกรง อาถรรพ์ มันหลอกหลอน
ในพรางไพร ภูติร้าย พรายซุกซ่อน
ซึ่งบั่นทอน ฤดีหวาด ขลาดเหลือเกิน
จนได้เพ็ญ ช่วนผ่อน แสงอ่อนโยน
จึงได้โอน อ่อนใจบ้าง อย่างขวยเขิน
ชมไพร ในเพ็ญพร่าง ช่างเพลิดเพลิน
สร้องสรรเสริญ อย่างไร ไม่เปรียบปาน
พนาสูง ประดาสวย ด้วยบุหลัน
ลดาวัลย์ หอมเย็น เป็นแมกม่าน
อยากเก็บกลิ่น ประทับใจ ให้นานนาน
ได้ชื่นบาน ยลยั้ง อยู่ทั้งคืน
ช่วงชิงพลบ เสน่ห์งาม ของยามเย็น
แม้จะเป็น ยามนิทรา ก็กล้าฝืน
เพราะไพรงาม เกินพรรณา จนตาตื่น
ไพรทั้งผืน สะกดใจ ไม่ลืมเลือน
(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกลหางหนูนี้ ไม่ต้องอธิบายก็คงรู้ว่า สุดท้ายของบททุกบท ท่อนทุกท่อน ล้วนลงด้วย น. หนู (และยินดีมากที่จะบอกต่อไปว่า กลกลอนนี้ ม้าก้านกล้วย คิดเอง แฮ่ แฮ่ อ้อ แล้ว อย่ามาเรียกชื่อใหม่ ว่า ม้า หางหนูล่ะ )
5 กรกฎาคม 2545 17:10 น.
ม้าก้านกล้วย
ฟ้าครืนครืน แลบร้าว ลงราวประ - หนึ่งดุจจะ หย่อนแยก แหวกสวรรค์
ฤดีพี่ ยามนี้ พี่สุดรัญ - จวนใจฝัน ยามไกล ใจรอนรอน
ด้วยคิดถึง อนงค์ ใจคงจา - บัลย์อุรา ปานฟ้า มาซุกซ่อน
ใจจะขาด ดังฟ้าฟาด อาจใจร้อน - รนไปก่อน ฝากคำรัก คราวจากกัน
น้องจึง รับรู้ เพียงพี่ลา - จากเธอมา มิแลลับ กลับหลังหัน
คิดว่า พี่นี้เคือง เรื่องในวัน - ก่อนหน้านั้น ขัดใจ ไม่คืนดี
เปล่าเลย ไม่ได้ ใจเคืองขึ้ง - โกรธมึนตึง จนเมินหมาง อย่างเบือนหนี
ก็หัวใจ มอบไว้ ให้ทั้งชี - วิตของพี่ ยอมพลี เพียงนางเดียว
แต่ภาระ ของพี่ นี้ต้องจำ - เป็นต้องทำ - งานไกล ใช่ท่องเที่ยว
ทนระทม เดินทาง ไปอย่างเดียว - ดายจะเหลียว - หาไหน ไม่เห็นเธอ
น้องคงหัก ใจรัก ปักใจบาด - หมางเพราะอาจ คิดไป จนใจเพ้อ
แต่มั่นใจ ตลอดไป จะไม่เผลอ - ใจละเมอ หาใคร ได้อีกเลย
ลมรุนแรง ราวลาง ว่าลมพา - ยุจะมา หอบเศร้าใจ ไปเปิดเผย
อยากฝากลม ลอยไกล ให้เพียงเชย - ชิดเขนย น้องแทนพี่ ที่ห่างเธอ
(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกลยัติภงค์นี้ ถือเป็นกฏห้ามไม่ให้ใช้แต่งบทกวีใด ใด ด้วยเป็นการแบ่งคำ ออกเป็นพยางค์ และด้วยเป็นการกักเสียงเอื้อนไม่ให้คนเอื้อนทำนองเสนาะ ลากเสียงได้ยาว
แต่มี นักกลอนแหกกฏ หลายท่าน นิยมเขียน แล ผูกเป็นกลกลอน ไว้ให้เล่น ฉะนี้ แล
4 กรกฎาคม 2545 08:28 น.
ม้าก้านกล้วย
คืนคร่ำครวญ ใจหวน คิดคำนึง
จิตใจจึง ฝังตรึง ถึงรักร้าว
ฝนใฝ่ฝัน จางไป ให้เหน็บหนาว
รอยเรื่องราว ย้ำอยู่ ไม่รู้เลือน
เพลงพลัดพราก ลอยล่อง ทำนองเศร้า
ดาวเดียวดาย ฉายเงา ราวเป็นเพื่อน
จันทร์แจ่มจ้า อาบจำ คอยย้ำเตือน
ดั่งดาวเดือน ปลอบปราม ยามรักโรย
นานนับนาน ตั้งใจ จะให้ลืม
ซึ่งซาบซึม ร่ำไร จนใจโหย
เหนื่อยหนักหนา แหนงหน่ายนัก รักโบกโบย
จึงจากจร กันโดย มิร่ำลา
วิงวอนว่า อย่างไร ก็ไม่ฟัง
เพียงพลาดพลั้ง ครั้งหนึ่ง ถึงเบือนหน้า
คับคั่งแค้น โกรธขึ้ง จึงระอา
ตาต่อตา ตอบแทน อย่างแค้นเคือง
เกี้ยวกราดกริ้ว จนรักลิ่ว ปลิวละล่อง
ร่ำเรียกร้อง อย่างไร ไม่รู้เรื่อง
คำคมคาย สรรสร้าง อย่างสิ้นเปลือง
ฟุ่มเฟือยเฟื่อง พร่ำเพ้อ เธอมิคืน
ฝนใฝ่ฝัน จางไป จากใจเหงา
รอยรักร้าว ลบเลือน เหมือนจะฝืน
เพลงพลัดพราก ซ้ำซาก อยากสะอื้น
ครวญคร่ำคืน ดาวเดียวดาย คล้ายรักเรา
(ม้านก้านกล้วย)
อันกลอนกลสนสร้อย นี้ นิยมแต่งมาก ในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งในทางกลอน จะมี กลอนกลสนสร้อย สองเสียง ที่นิยมใช้ ท่อนกลางของทางกลอน แปด มาเล่นคำคู่
สำหรับบทนี้ ใช้สนสร้อย สามเสียง ซึ่งจะใช้ท่อนหน้าของบทกลอน เล่นสัมผัสอักษรให้สวยงาม
ใครก็ได้ แต่ สนสร้อยแปดเสียง(อักษรเดียว ทั้งแถว) ให้หน่อย สิ
3 กรกฎาคม 2545 15:38 น.
ม้าก้านกล้วย
อะไรเอ่ย ผัดไก่ ที่ท้ายเรือ
มีไว้เพื่อ เพิ่มละมัย ให้ชีวิต
เย้าให้ลิ้ม น่าจะต้อง ลองถูกผิด
หยอกให้คิด ชิมสักนิด จะติดใจ
เป็นหนึ่งเดียว มีไว้ ใช้สร้างสรรค์
หนึ่งเดียวนั้น คำสั้นสั้น อันยิ่งใหญ่
เติมเผ็ดนิด หวานหน่อย ค่อยชิมไป
เค็มก็ใช่ ขมก็มี หลากลีลา
สำหรับฉัน จัดสำรับ สำหรับเธอ
เหมือนละเมอ เหมือนต้องมนต์ ปนเสน่หา
เหยาะน้ำใจ ให้หวานนำ เติมน้ำปลา
เสริฟมา บนจานร้อน วอนเธอชิม
อะไรเอ่ย เอตรง หน้าธงอ่าง
ใจจะวาง ใจจะหวัง ยังเอมอิ่ม
ยื่นเสนอ เธอจะรับ จะลองลิ้ม
แล้วส่งยิ้ม ให้มา ว่ารับรู้
เป็นเสมือน ใจสมาน อาหารทิพย์
ชิมแล้วจิบ น้ำใจ ในแก้วหรู
ยื่นสัมพันธ์ เริ่มใน ใจพธู
แล้วดำรง คงคู่ อยู่เรื่อยไป
เธอรู้นัย ไมตรี นี้ไหมหนอ
หรือต้องรอ คำเฉลย เผยคำไข
รู้กระมัง อะไรเอ่ย เผยความนัย
เรือผัดไก่ จานใหญ่ใหญ่ ฉันให้เธอ
(ม้าก้านกล้วย)