12 กรกฎาคม 2545 12:19 น.
ม้าก้านกล้วย
น้ำเหนือหลาก มากมาย ในหลายนา
เสร็จงานกรำ ดำกล้า กว่าเดือนก่อน
เหนื่อยเหน็ด เคล็ดกาย ก็ถ่ายถอน
เพิ่งพักผ่อน เพียงพอ ก็คืนแรง
ข้าวชื่นขึ้น ยอดหรู ชูสล้าง
งานจึงว่าง จะร่วมใจ ไปเบาแบ่ง
ใบบอกบุญ วัดป่า มาแจกแจง
จึงจะแจ้ง ร่วมร้องขอ ไปหล่อเทียน
ขี้ผึ้ง จากรวง ที่หลังเรือน
ปาดเฉือน น้ำผึ้ง ซึ่งหวานเลี่ยน
ถั่วงา กระยาสารท กระจาดเจียน
ทำเทียน พรรษา มาไว้วัด
ชะลอมไผ่ ใส่ผ้าตาบ อาบน้ำฝน
ทั้งนมข้น ข้าวสาร ใส่จานจัด
พริกและเกลือ หยูกยา สารพัด
ห่อแล้วมัด รวมเข้าไว้ ถวายเณร
ปิ่นโตเงา เถาใหม่ ใส่แกงส้ม
มีขนม แป้งจี่ และหมี่เส้น
ตั้งใจ ใส่เสบียง เลี้ยงพระเพล
แล้วจึงเกณฑ์ ก่อไฟ ไว้หลอมลน
เทียนแท่ง บ้างแกะ บ้างแปะพิมพ์
เต็มอิ่ม กุศลอาบ ลาภคงล้น
ชายฉกรรจ์ มันมีแรง แย่งกันขน
เทียนต้น เสลี่ยงวอ ก็แต่งงาม
ตัดกระดาษ วาดลาย มาป้ายปิด
บรรพชิต คฤหัสถ์ ถนัดท่าม
วัดโน่นมี วัดนี้ด้วย ช่วยกันหาม
ทิวอร่าม แห่เทียน เวียนนาคร
สาวสวย ซ้อมเซิ้ง เริงระบำ
งามสม คมขำ ทำท่าฟ้อน
เล็บเรียว ย่างย่อ อรชร
องค์อ่อน เอวส่าย ยามร่ายรำ
กาละ บุญกุศล คนเกษตร
ทุกคามเขต นาไร่ ในคืนค่ำ
วามแสงเทียน ราวว่า จ้าแสงธรรม
สังฆกรรม สืบส่อ ต่อเนื่องมา
พุทธองค์ ดำรัสไว้ ให้โอวาท
แก่ภิกษุ ผู้ประกาศ ศาสนา
ยามฝนฉ่ำ อย่าย่ำก่น บนผืนนา
จำพรรษา ในอาราม เสียสามเดือน
อุบาสก เลื่อมใส รวมใจกัน
ทำเทียนปั้น ขี้ผึ้ง ซึ่งเสมือน
ประทีปนำ ธรรมรัตน์ ขจัดเลือน
ส่องทางเถื่อน ชี้ทางถูก แก่ทุกคน
ขอหยุดเรื่องกลอนกล ไว้ ตรงนี้ สักระยะหนึ่งแล้วกัน เพราะได้รับการร้องเรียนว่า พี่ม้า แต่งกลอนซะ เด็กใหม่ ๆ อย่างพวกหนู ๆ ไม่กล้าแต่งกลอนเลย(เป็นยังงั้นไปซะนี่) เลยขอเอากลอนบรรยากาศ ชนบท ที่ม้าชอบมากกกก มาให้อ่านกัน กลอนนี้ แต่งตามคำขอ ของ J&J ซึ่งพอดีกับวัด ข้างบ้าน มีใบบุญ ขอให้ไปช่วยทำเทียน เป็นกรรมการต้นเทียนกะเค้าด้วยนะ อ้อ แล้วเขาให้แต่งกลอนเซิ้ง ฟ้อนหน้าต้นเทียนอีกด้วยแน่ะ ก็ บทนี้แหละ แต่แปลงภาษาเป็น ไทอีสาณ
11 กรกฎาคม 2545 17:58 น.
ม้าก้านกล้วย
พิศอนงค์ทรงนาฎสวาสดิ์สวย
สวยสวาสดิ์นาฎทรงอนงค์พิศ
แล้วใจเผลอละเมอปลื้มลืมถูกผิด
ผิดถูกลืมปลื้มละเมอเผลอใจแล้ว
แก้วใจเอ๋ยร่ายราวชาวสวรรค์
สวรรค์ชาวราวร่ายเอ๋ยใจแก้ว
พึงใจพ้องน้องนวลครวญใจแผ่ว
แผ่วใจครวญนวลน้องพ้องใจพึง
ถึงวายว่ามรณาขอกล้ารัก
รักกล้าขอมรณาว่าวายถึง
พักตร์ผินจงทรงฟ้าจันทราซึ่ง
ซึ่งจันทราฟ้าทรงจงผินพักตร์
หนักฤดีพี่ตรองร้องรำพัน
รำพันร้องตรองพี่ฤดีหนัก
ปลงเพ้อไผลใจเก้อจะเผลอรัก
รักเผลอจะเก้อใจไผลเพ้อปลง
หลงรูปรางนางรอยคอยจะฝัน
ฝันจะคอยรอยนางรางรูปหลง
เพียรลิขิตคิดคำพร่ำบรรจง
บรรจงพร่ำคำคิดลิขิตเพียร
เขียนอาลักษณ์สลักลง ณ ตรงนี้
ตรงนี้ ณ ลงสลักอาลักษณ์เขียน
อาวรณ์นางห่างไกลใจวนเวียน
เวียนวนใจไกลห่างนางอาวรณ์
ม้าก้านกล้วย
กลอนกลนี้ ชื่อ ถอยหลังเข้าคลอง เป็นพระราชบัญญัติของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวเมื่อยังทรงเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รูปกลอนคือ วรรครับ จะใช้คำจากวรรคสดับมากลับหน้าหลังกัน และวรรคส่ง ก็จะใช้คำจากวรรครอง มากลับคำเช่นเดียวกัน
11 กรกฎาคม 2545 08:15 น.
ม้าก้านกล้วย
ไม่หวังรัก ดอกฟ้า กว่าใฝ่ปอง
ไม่หวังน้อง สูงค่า กว่าใฝ่ฝัน
พี่แค่ผู้ ต้อยต่ำ เพียงรำพัน
อยู่แต่เดียว เท่านั้น ฉันรู้ดี
พี่จะไม่ รบกวน ยั่วยวนน้อง
ไม่แลเหลียว เกี่ยวข้อง ให้หมองศรี
ลับตาแล ตัดใจ ตัดไมตรี
จะรักใคร จากนี้ พี่หลีกทาง
แม้นว่าน้อง มีใคร ที่ใหนอยู่
โปรดรับรู้ ว่าพี่ยอม ตรอมใจหมาง
เขาชิดหรือ เชยชม โฉมสอางค์
พี่จะไม่ ขัดขวาง ทางรักเธอ
จะตัดใจ ลาไป ด้วยใจเศร้า
จงลืมพี่ เถิดเจ้า คนเขลาเหม่อ
แม้เคยเฝ้า ดอกฟ้า มาเสมอ
จะเลิกรอ รักเก้อ เพ้อใจจาง
เปรียบพี่แม้น กระต่าย ไม่เจียมตน
แอบมองน้อง หน้ามล บนฟ้ากว้าง
แม้นจะรู้ หมายจันทร์ อันกระจ่าง
แม้นรู้นัย ใจจะร้าง ยังกล้าปอง
ร่ำรำพึง รำพัน ฝันเกินใฝ่
ไม่เจียมใจ เสนอหน้า แม้นว่าหมอง
ตระหนักตรง ใจนัก รักร่ำร้อง
ไม่อาจต่อ มิอาจรอง ปองดาวดัง
ขอรักคืน ได้ใหม ดวงใจพี่
รู้รักนี้ เกินกว่า จะมาหวัง
ปล่อยให้พี่ ชอกช้ำ เพียงลำพัง
จะไม่ขอ ฉุดรั้ง กักขังใจ
ไม่ต้องรอ พี่คนนี้ คนที่หมอง
ปล่อยใจน้อง คืนฟ้า หารักใหม่
ลืมคนที่ ต่ำต้อย ด้อยเกินไป
ลืมคนเดิม ที่ยากไร้ ไม่มีบุญ
ม้าก้านกล้วย
มาแก้กลอนกลขัดหนอ ขอนัด ให้อ่านกันแล้วครับ มี แมงโม้ ตอบถูกคนเดียวเอง เอ หรือว่า ที่ไม่กล้าตอบกัน เพราะรางวัลไม่จูงใจ หรือเปล่า เนี่ย ส่วนเรื่องของรางวัล หากไม่ประสงค์รับของรางวัลครบถ้วน ถือว่าสละสิทธิ์ นะ
11 กรกฎาคม 2545 07:58 น.
ม้าก้านกล้วย
ฝนจะมา ฟ้าจะหม่น จนจะหมอง
ฟาดคะนอง ฟ้องคำนึง ถึงรักเก่า
อสุนี อ้างสำนึก ระลึกร้าว
ย้ำวันก่อน ย้อนวันเก่า เศร้าชีวิต
ละแลบปลาด ละลาดปลาย เป็นสายแสง
แสวงกร่าง สว่างแกร่ง อย่างแรงฤทธิ์
หากโพยม โหมพยับ สดับจิต
อาจสอนผู้ อดสูผิด คิดลงทัณฑ์
แล้วฝน หล่นฝอย ปรอยเป็นทาง
จิตอ้างว้าง จึงอัดไว้ ให้คิดสั้น
ตะกายฝน ตะโกนฝ่า เสียงฟ้านั้น
ขอมาลั่น ข้ามลาย ตายเสียที
ข้าสุดช้ำ ขื่นแสนโชก โชนโลกลวง
นัดที่ห่าง นางที่ห่วง ลวงรักพี่
จนใจบาด จำจดบท สลดฤดี
ถอดใจลวง ถ่วงใจลี้ หนีหน้าตรม
สั่งสายฟ้า ส่งแสงฟาด อนาถรัก
ลืมคนหน่วง ลวงครั้งหนัก รักเลยขม
แน่นตอกย้ำ น้ำตาย้อย ร้อยระทม
ใจระบม จมระบาย ร้ายระกำ
เพียงเหตุผล เพียงหาผู้ รู้ใจกว่า
แค่เอ่ยมา ใครอื่นมี รักที่ฉ่ำ
จะถอนรัก จักไถ่ร้าง กลางฝนพรำ
ไม่รักตอบ มอบรักต่ำ ร่ำรักรา
วอนให้ฟ้า ว่าให้ฟาด บาดใจช้ำ
รักกระหน่ำ ระกำหนัก รักเสียท่า
ตะโกนก้อง ตะกองโกรธ ลงโทษมา
กรีดใจรอน ก่อนใจล้า จะขาดลง
(ม้าก้านกล้วย)
กลอนกลบท กบเต้นต่อยหอย ทางกลอนคือ ท่อนที่หนึ่งและท่อนที่สองจะซ้ำเสียงอักษร โดยใช้เสียงสัมผัสอักษร ตับเดิม เปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์และเสียงสะกดใหม่ให้แลเหมือน เต้นตามกันไป ต่อยหอย
ซึ่ง จึงเป็นสำนวนต่อมาว่า พูดได้ เหมือน ต่อยหอย คือแปลได้ความว่า พูดเก่งขนาดถอดกลอนกลนี้ได้ ปานนั้นชียว
เปรียบเสมือนเป็นกลอนกลบทแรกที่มีผู้บัญญัติขึ้น ในปลายรัชสมัย สมเด็จพระณารายน์มหาราช โดยพอสืบค้นได้ว่า ผู้แต่งคือ หลวงศรีปรีชา (เซ่ง) โหรหลวงในกรมพระราชวังบวร
ซึ่งท่านผู้นี้ แต่งวรรณคีดเรื่อง ศิริวิบูลย์กิติ โดยแต่งเป็นกลอนกลบทล้วน ๆ ซึ่งในหนังสือนี้ มีกลอนกลต่าง ๆ ถึง 86 ทางกล อาทิ สุนทรโกศล วิมลวาที อธิบดีอักษร เป็นต้น และ ถือเป็นวรรณคดีที่แต่งด้วยกลอน 8 บทแรก จึงอาจจะกล่าวได้ว่า หลวงศรีปรีชา คือผู้บัญญัติกลอน 8 ขึ้น
หากแต่แรกเริ่มนั้น จะไม่เล่นกลอน 8 เป็นทางธรรมดา ท่านผู้ปราชญ์แห่งโบราณ ท่านจะเล่นกลอน 8 ที่มีกลซ่อน ทุกคราไป
ส่วนหนังสือ ศิริวิบูลย์กิติ นั้น ครั้งสุดท้ายที่พิมพ์จำหน่าย ประมาณ พ.ศ. 2474 (เล่มที่ม้าก้านกล้วยถืออยู่นี่แหละครับ) สดสวย งดงาม และน่าที่จะหาอ่านดูนะครับ เป็นกลอน 8 ยุคแรกของโลก เลยทีเดียว
10 กรกฎาคม 2545 16:57 น.
ม้าก้านกล้วย
เธอคือใคร
คือคนที่ฉันชอบงั้นเหรอ
คือคนที่ฉันฝันละเมอ
หรือคือคนที่ฉันเพ้อถึงตลอดมา
เธอคือใคร
หรือเธอคือคนที่ฉันใฝ่หา
คือคนที่ฉันอยากสบตา
หรือคือคนที่น่าจะเป็นของฉันตลอดไป
เธอคือใคร
หรือเธอคือคนที่ฉันหลงไหล
คือคนที่ฉันอยากอยู่เคียงข้างกาย
หรือเธอคือคนที่ฉันอยากรับไออุ่นนานๆ
เธอคือใคร
คือคนที่ทำให้ฉันฝันหวาน
คือคนที่ทำให้ฉันทรามาน
หรือคือคนที่ทำให้ฉันอยากมีวันวานที่น่าจดจำ
เธอคือใคร
คือคนที่ทำให้ฉันมีความสุขอย่างเลิศล้ำ
เธอคือคนที่ฉันไม่อาจมองข้าม
หรือเธอคือคนที่ฉันเฝ้าติดตามอยู่ตลอดมา
เธอคือใคร
ฉันตอบไม่ได้และเป็นปัญหา
แต่ฉันรู้แค่เพียงว่า
อยากยืนไกล้ๆแล้วสบตา เพื่อเอ่ยคำว่า ฉันรักเธอ sodasasa
ฉันคือสายหมอกขาว
พัดผ่านพราว จากใจ ชายคนหนึ่ง
คนที่เธอ เอ่ยเพ้อ ละเมอถึง
คนที่เธอ ซุ่มซึ้ง เพียงลำพัง
หมอกแห่งความ คิดถึง ซึ่งเปลี่ยวเหงา
จะมาเล่า เรื่องราว ของความหลัง
เรื่องของใคร ที่ใจช้ำ เพียงลำพัง
คนที่เธอ หันหลัง จากลาไกล
เขาคิดถึง เธออยู่ ทุกคืนวัน
เขารำพัน ว่าเธอนั้น จำได้ไหม
หรือว่าลืม ชาวดิน สิ้นเยื่อใย
เพียงเพราะไกล สัมพันธ์ จึงบั่นทอน
เขาฝากลม วอนว่า ให้มาบอก
เขาฝากหมอก บอกรักใว้ เกินไถ่ถอน
เขาฝากฟ้า ฝากฝน จนใจอ่อน
ฝากแดดร้อน ฝากจันทร์สวย ช่วยบอกเธอ
ฉันคือสายหมอกหมอง
อีกมินาน ก็ต้อง พร่องพร่ำเพ้อ
กลายเป็นไอ ไม่ได้ฝาก คำรักเก้อ
อาจมิเจอกันอีกเลยลงเอยแล้ว
ฉะนั้น ก่อนแดดจะแรงร้อน
จึงฝากคำรักวอนก่อนพ่ายแผ่ว
เขารักเธอทุกค่ำเช้าเขาแน่แน่ว
ฉันบอกแล้ว หมดภาระ ก็จะจาง. . . หายไป
(ม้าก้านกล้วย)=แมกไม้สายมูล