8 ตุลาคม 2545 08:44 น.
ม้าก้านกล้วย
น่านนี้มีน่านน้ำลำเนานิ่ง
น่านน้ำหนุนอ้อยอิ่งเอื่อยอิงฝั่ง
น่านเนาสาวน่านน้อยคล้อยใจฝัง
น่านนั้นยังตำนานน่านนที
พี่เพียงเยือนยังยลจนละเมอ
ตะลึงเหม่อเผลอผ่านน่านน้ำนี้
ใจลอยแล้วลอยไปลับกับวารี
น้ำน่านที่ไหลเรื่อยเปลือยใจรัก
หมดกมลจนมิกล้าว่าปองนาง
หมดสล้างขาวจรดหมดจดนัก
หมดสามภพเทียบนางยังห่างหัก
หมดใจรักจนหมดมิลดลาง
น่านน้ำนวลอวลกลิ่นประทินนิ่ม
โอษฐ์เอมอิ่มจ้าสว่างกลางแสงสาง
ทรวดทรงสาวน่านสรรค์นั้นสอางค์
ท่าทางนางกรีดกรายคล้ายกินนรี
แล้วจะยั้งพลั้งใจอย่างไรเล่า
แล้วใจเราเป็นอะไรไปแล้วนี่
แล้วหลับฝันสาวน่านนั้นปันไมตรี
แล้วฝันนี้พี่วาบหวานสาวน่านนวล
พอเคลิ้มคล้อยค่อยพลุ่งสะดุ้งกาย
ก็ชมได้เพียงฝันใจนั้นหวล
กลิ่นกายน้องยังตลบยังอบอวล
เพียงคร่ำครวญน้ำน่านนั้นเอ็นดู
หลงเพียงพักตร์หลงเพ้อละเมอหลง
หลงนางคงมิสนใจคงไร้คู่
หลงฝากน่านกระซิบไว้ให้นางรู้
หลงยืนอยู่หลงหวังลำพังคอย
น้ำน่านหนุนเนืองนองนวลน้องนาง
สรวลสระสรงทรงสล้างอย่างสาวน้อย
ระรื่นคลื่นใสเย็นเล่นล่องลอย
มิเห็นใจใครคอยน้อยใจแล้ว
(ม้าก้านกล้วย)
8 ตุลาคม 2545 08:42 น.
ม้าก้านกล้วย
ลมกรรโชกต้นฤดูเดือนตุลา
กระชากพาใบไม้ให้ปลิวล่อง
หอบบางใบบอบบางอย่างช่ำชอง
มาก่ายกองถมทับลงกับดิน
ใบเจ้าเคยเชิดชูสู้กระแส
เจ้ามีแค่แรงรั้นกระสันสิ้น
มาริอ่านต่อต้านงานกบิล
เจ้าจึงดิ้นด่าวดิ่งทิ้งใบโปรย
เขาเหิรฟ้ามาเด็ดใบสะบัด
กราดกำจัดกลางเสียงครวญเจ้าหวนโหย
เอาลมวนจากฟ้ามาบาดโบย
แล้วจากไกลไปโดยดุษฎี
เหมือนไม่เห็นราคาคุณค่าใบ
เหมือนชิงชัยชิงชังทั้งทั้งที่
พายุครอบครองท้องฟ้าหลายนาที
อย่างย่ำยีย่ามใจไม่อาวรณ์
เพราะร่ำร้องล้มเผด็จเหน็ดอนาถ
เพราะต้องฟัดฟันฟาดมิอาจถอน
เพราะต้องการเชิดหน้าในนาคร
เพราะริดรอนอำนาจอาจเปลี่ยนแปลง
เพราะไม่เห็นใบไม้ในสายตา
จึงเข่นฆ่าไปบ้างช่างขัดแย้ง
เด็ดใบไม้ใบบางบางอย่างกลั่นแกล้ง
ด้วยระแวงบารมีพินาศไป
ใบไม้เดือนตุลาน่าสงสาร
เพียงเรียกขานเรื่องถูกต้องของสิ่งใหม่
เพียงไขว่คว้าแสวงหาอธิปไตย
ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องฆ่าฟัน
(ม้าก้านกล้วย)
8 ตุลาคม 2545 08:39 น.
ม้าก้านกล้วย
วสันต์จะลา เหมือนว่า ฝนฟ้าจะเลือน
ลมเหนือจะเยือน มาใหม่ ฤทัยจะหนาว
นภาจะพร่าง รวิงาม น้ำค้างจะพราว
แล้วคงจะร้าว ราญใจ ฤทัยจะตรม
บัดนี้ก็คง จะหนาว คงร้าวอาวรณ์
มาลีก็คง โรยรอน ภมรคงขม
พฤกษาคงซบ สงบ คงพบระทม
ซึ่งคงจะซม เศร้าครวญ คงหวลถึงฝน
ซึ่งก่อนหน้านั้น เคยหวั่น วสันต์ซึ่งแรง
ใจซึ่งแสยง ระแวง ซึ่งแรงฟ้าหม่น
ซึ่งอสุนี ฟาดฟ้อน ซึ่งหลอนกมล
เกรงซึ่งลมวน พัดอวล ซึ่งชวนสะพรึง
ก็เกรงว่าฝน ที่หลั่ง เกรงพลั้งลมแรง
เกรงฝนจะแกล้ง ซัดสาด เกรงหวาดไปถึง
เกรงพายุร้าย ถล่ม เกรงลมพัดตึง
จนเกรงไปถึง ฟ้าฟาด ขลาดเกรงเหลือเกิน
จนเมื่อจะลา ฟ้าหม่น จนรู้สึกตัว
จนฝนระรัว ราวหลง จนส่งสะเทิ้น
จนจางหายไป ไม่กลับ จนลับเผชิญ
จนเหมือนจะเมิน จากกัน จนฉันใจลอย
มันเหมือนเป็นการ ลาจาก เหมือนพรากกันไกล
เหมือนไม่เข้าใจ จึงชัง เหมือนดั่งใจน้อย
ยามฝนเหมือนฝัน รักชื่น เหมือนฝืนใจคอย
แล้วเหมือนต้องปล่อย รักไป เหมือนใจสลาย
(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกลสังวาลย์สาย นี้ จะใช้คำซ้ำกัน หนึ่งคำในท่อนหน้าและท่อนหลัง โดยจะต้องมีคำสัมผัส ส่งมาจากวรรคส่งด้วยให้ร้อยสายสังวาลย์ต่อเนื่องกันไป
อ้อเป็นกลอนสิบนะ กลอนกลนี้ ครูเอ้อ สุนทรสนานชอบเล่นมาก และก็ เอาไปแต่งเพลงหลายบทเลยเชียว
8 ตุลาคม 2545 08:35 น.
ม้าก้านกล้วย
มาแล้วมาแต่ใหนไกลใหมหนอ
มาบินล้อลมหนาวราวสนาน
เป็นหมู่บินบ่ายเบนเช่นชำนาญ
เหิรหนผ่านน่านฟ้ามาแต่รัง
เหตุเพราะมิอาจสู้อยู่ที่เก่า
คงจะเข้าฤดูกาลกันดารดั่ง
หิมะโปรยพายุปราดกราดกระทั่ง
มิอาจยั้งกายอยู่ต้องรู้ร้าง
จึงจัดแจงแต่งแถวเป็นแนวเรียง
ให้เฉเฉียงเลี่ยงไล่ไปห่างห่าง
พอแค่เห็นเบื้องหน้าขอบฟ้ากว้าง
และเส้นทางที่ต้องไปไม่เคยพบ
มิรู้หรอกข้างหน้านั้นเป็นฉันใด
แต่ต้องไปตามสัญชาติมิอาจหลบ
พอค่ำลงก็ร่อนล้าบนคาคบ
พอแค่พบวันใหม่ในพรุ่งนี้
พออรุณรุ่งรางสว่างขึ้น
กายก็รื่นเริงร่ำประจำที่
จัดทิวแถวจัดวางไว้อย่างดี
ราวกับมีเครื่องวัดพิกัดกาย
มาแล้วมาแต่ใหนไกลใหมหนอ
มาบินล้อลมเล่นเป็นสายสาย
มาถึงแล้วลงล่องล่างอย่างสบาย
ดำผุดว่ายวารีที่ฉ่ำเย็น
สมกับความพยายามบินตามมา
คุ้มกับแรงแกร่งกล้ากว่าเหลิงเล่น
แลกกับการร้างลาล้าลำเค็ญ
ราวกับเป็นรางวัลใหญ่ไว้ตอบแทน
มีน้ำอุ่นปลาอ้วนไว้ยวนยั่ว
มีกอบัวดอกใหญ่ใบหนาแน่น
ต่างกันกับถิ่นเดิมเริ่มแร้นแค้น
ดั่งดินแดนสวรรค์ย่อชะลอไว้
(ม้าก้านกล้วย)
30 กันยายน 2545 09:11 น.
ม้าก้านกล้วย
ในสายชลที่ไหลล่องลดหลั่นมา
จากภูผาสูงไกลในแดนชุ่ม
มีปลาน้อยแหวกว่ายหลายหลายกลุ่ม
บ้างมารุมออขังกลางวังน้ำ
ในน้ำหลากรี่ไหลในแก่งกว้าง
ท่ามกลางกระแสเชี่ยวเป็นเกลียวกล้ำ
เจ้าแหวกโผโต้ต้านธารกระหน่ำ
กระโดดดำผุดว่ายร่ายร่าเริง
น้ำนิ่งวังหลังก็ยังมี
แต่ปลาเจ้าเร้ารี่ปรี่ลุ่มเหลิง
กระจุกจัดขนัดแน่นแล่นกระเจิง
ในน้ำเจิ่งนองเนืองเปลืองเรี่ยวแรง
ไฉนเจ้าต้องมาต้านทานทางน้ำ
เจ้าชุ่มฉ่ำหรือชอกช้ำย้ำใจแย้ง
หรือโหยหาเพื่อนใหม่ไปทุกแห่ง
หรือใจแห้งโหยรักจักต้องจร
แก่งน้ำทดลดหลั่นนั้นเชี่ยวกราก
เจ้าเร่งลากรุดว่ายมิถ่ายถอน
หวังจะว่ายขึ้นไปในแดนดอน
คงไปชอนไชชลค้นหารัก
ไปเถิดปลาน้อยคอยชมช่วย
หวังใจด้วยใจจริงยิ่งตระหนัก
โลกใบเก่าเจ้าน่าหน่ายกระหายนัก
จึงรู้จักกระโจนค้นหาต้นน้ำ
(ม้าก้านกล้วย)