30 ตุลาคม 2545 13:25 น.
ม้าก้านกล้วย
ยามลมหนาวผ่าวมาเวลานี้
กมลมีแต่หวนใคร่ครวญหอม
หวังชิดแนบเนานางอย่างนอบน้อม
จะยินยอมแม้ตายเพียงได้ครอง
จะเป็นผ้านวมหนาเป็นผ้าห่ม
ไว้บังลมบังร่างกางปกป้อง
ปิดสงวนยวนแสวงแหล่งไอร้อน
เพื่อโอนอ่อนหลับสบายในเยือกเยือน
เป็นหมอนนุ่มคลุมสวยด้วยลูกไม้
พรมละไมอวลไอน้ำอบเปื้อน
เกลี่ยกรุ่นกลิ่นกลมกล่อมหอมลางเลือน
เผื่อพาฝันนั้นเตือนจะตรึงตา
เป็นม่านย้วยล้อลมเล่นเป็นผ้ากาง
บังคลนางมิให้ลมโถมถลา
บังอาจลูบโลมไล่ไล้กายา
หวงดอกหนาหวั่นนวลใยไร้น้ำนวล
เป็นมาลากางกั้นกระหม่อมไหม
เกรงเกศาขลับไสวไกวลมหวน
ทรงจะเสียสวยทรงคงเซซวน
พักตร์ที่ควรเจิดแจ่มจงแย้มยิ้ม
เป็นอาภรณ์หรูคู่สรรพางค์
ปกปิดพิศสอางค์สล้างถนิม
ปกป้องผิวพรรณอันอ่อนนิ่ม
เพียงเอมอิ่มอารมณ์สมใจน้อง
(ม้าก้านกล้วย)
30 ตุลาคม 2545 13:23 น.
ม้าก้านกล้วย
ยามลมหนาว ผ่าวผ่านสถานสวย
รินระรวยลิ่วล่องละอองเหงา
รุ้งเหลือบริ้วเลื่อมลายสยายเศร้า
ลมเบาเบาโบกโบยโปรยละออง
ราวมีฤทธิ์พัดสะกิดความคิดถึง
ลมหนาวจึงจูงใจให้หม่นหมอง
รำพันเพียงกระซิบฝากอยากเรียกร้อง
ถึงใจของเธอที่รัก ใครสักคน
ฉันคือมวลมาลีที่เบ่งบาน
เมื่อหนาวผ่านแทรกแซงทุกแห่งหน
เหมือนฤดีเสกสั่งดังมีมนต์
ในบัดดลบันดาลมาลย์มาลี
ม่วงอันชันขันแข่งแดงชบา
สวยผกากรองกว่าเฟื่องฟ้าสี
กลิ่นจำปากระดังงาประดามี
กรุ่นจำปีราตรีที่หอมเย็น
ขาวมะลิเจ้าขาวราวปุยเมฆ
การเวกพวงพะยอมกลิ่นหอมเด่น
ดาวเรืองเหลืองพราวราวเดือนเพ็ญ
ประกอบเป็นวนารมย์ให้สมใจ
ฉันบานเบ่งเร่งชูมาสู้หนาว
ใช่รวดร้าวอุรามาจากไหน
หากเพื่อเธอดมดอมย่อมทำได้
ยินดีให้เพียงเธอคลายหายตรมตรอม
(ม้าก้านกล้วย)
22 ตุลาคม 2545 14:19 น.
ม้าก้านกล้วย
โอ้ชีวิตคิดไฉนใครลิเขก
มารปลุกเสกหรืออินทร์หลง คงเผลอพลั้ง
หรือกรรมเก่ามารังควาญรานไอ้หวัง
ให้ต้องนั่งเป็นมัคทายก
อยู่กับเมรุอยู่กับหมาประดามี
อยู่กับผีเพ่นพ่านสุสานรก
ทำงานบนศาลาสวดปวดหัวอก
น้ำตาตกมันต้อยติ่งจริงนะ เออ
หลงปองสาวข้างวัดอึดอัดนัก
จะบอกรักก็รูปร้ายชายก็เก้อ
แค้นเหลือรับโชคช่างอับ สัปเหร่อ
แค่แอบมองยามน้องเผลอเหม่อระทม
จะไปขอน้ำมันพรายยายตานี
มาดีดใส่คนดีที่สวยสม
ก็กลัวเธอเพ้อคลั่งหลั่งระบม
จึงต้องตรมตรอมใจไม่กล้าทัก
ให้กระสือเพื่อนเกลอไปหลอกอยู่
ให้เปรตกู้สมุนเอกไปแอบดัก
ให้ปอบอุ้มหมาแมวแล้วทายทัก
ว่าคนรักของเธอสัปเหร่อรอ
ถ้าคนดีตกลงปลงใจแล้ว
มีโลงแก้วให้น้องใช้ไม่ต้องขอ
หลวงพี่ยินดีสวดกรวดน้ำรอ
พี่จะขอบริการจนวันตาย...
(ม้าก้านกล้วย)
22 ตุลาคม 2545 14:08 น.
ม้าก้านกล้วย
สองแถวเล็กรับส่งขึ้นลงล่อง
รับส่งน้องเวียนทำประจำที่
ก็แอบมองน้องบ้างตั้งหลายปี
ยังไม่มีโอกาสเอ่ยเผยความนัย
อยากบอกรักน้องสาวผมยาวสวย
ขอรักด้วยสักคน สนบ้างไหม
ก็ชอบมาตั้งแต่เจอมันเผลอใจ
หลงรักใคร่ไม่จืดไม่ชืดจาง
ขับแซงซ้าย ป่ายขวา มาหาแล้ว
รถสองแถว คันเก่า เจ้าคงหมาง
เบรคก็แตก แบกผู้คน ล้นสองข้าง
ขับจอดกลาง ถนนใจ ให้เธอรู้
เด็กท้ายรถ ไม่เกี่ยว ไปไกลไกล
งานขอใจ งานขอจอง ต้องฮึดสู้
งานขอรัก แบบนี้ ลูกพี่บู๊
เปิดประตู หน้ารถรอ ขอเพียงเจอ
จะติด สติกเกอร์ ว่าเธอจอง
จะไม่มอง สาวใด ถ้าไม่เผลอ
จะไม่ยิ้ม เรี่ยราด อาจละเมอ
เพราะว่าเธอ สวยกว่าใคร ไม่ต้องกลัว
มารักกับ คนขับ อย่างพี่เถิด
วันไหนเกิดฝนใหญ่ ก็ไม่รั่ว
วันไหนว่าง พี่กะว่า จะพาทัวร์
ไปให้ทั่วเมืองไทย ดีมั้ยน้อง
(ม้าก้านกล้วย)
22 ตุลาคม 2545 07:58 น.
ม้าก้านกล้วย
เปรียบรักใหม่ในวัยดรุณรุ่น
เหมือนหอมกรุ่นแรงพลังช่างโฉบเฉี่ยว
ดังหลงวนวังแม่กระแสเชี่ยว
ลำบากหนักนักเชียวเกินเยียวยา
เริ่มราวรัตน์วัชราสูงค่าล้ำ
แล้วกลับลำต่ำทอดเหมือนยอดหญ้า
เริ่มก็ผิดเพราะใจคิดริษยา
ขอร้องอย่าผยองลำพองขน
แรกรักนั้นแรกแย้มเมื่อแรกหลง
ถลาลงเหวลึกผนึกข้น
บวกกับแรงผลักไสของใจคน
ให้ขุดค้นเรื่องที่ไร้ใครสั่งสอน
จึงบุกบั่นดันดึงจึงเรียกร้อง
มีรักรองอาบสุขอย่างซุกซ่อน
มีหนึ่งรักสองหทัยสองใจซ้อน
ต้องซอกซอนเสาะแสวงแบ่งเวลา
รักไว้เผื่อเพื่อรองประคองช้ำ
รักไว้ฉ่ำยามเฉเซถลา
รักไว้ลอบลักเหลือเผื่อรักล้า
รักร้ายล่าลารักเล่นเร้นรักลวง
คือรักใหม่ในวัยดรุณแหลก
มีไว้แลกราคาคาวราวลุล่วง
รักรวนเรร่อนเร่หลักลักลอบล้วง
โลกใหญ่หลวงเป็นอย่างไร ไม่สนแล้ว
(ม้าก้านกล้วย)
กลอนกลนี้ เป็นกลอนกล ชื่อ ระล่ำระลัก โดยเอาข้อห้ามของการเขียนกลอนบทหนึ่งที่ว่าไว้ว่า ห้ามใช้สัมผัสนอก คำเสียงเดียวกัน มาใช้ย้ำที่ โดยเปลี่ยนสระ โดยหากกระทำเช่นนี้ ครูกลอนเขาจะว่า สัมผัสเลือน ฉะนั้น กลอนกลนี้ จึงมีเรียกนามอีกชื่อหนึ่งว่า กลอนกล สัมผัสเลือน
เช่น เฉี่ยว เชี่ยว เชียว ในบทที่ หนึ่ง ส่ง ยา มาสัมผัส กับ หญ้า (ริษ) ย๋า และ อย่า ส่ง ขน มาสัมผัสกับ ข้น คน ค้น เป็นต้น ไม่ใช่แค่นี้นะ ท้ายบทสดับ เช่น รุ่น สัมผัสกับ กรุ่น ของบทรับ ด้วย และ หลง สัมผัสกับ ลง ร้อง กับ รอง แหลก กับ แลก เป็นต้น