12 ธันวาคม 2545 07:58 น.
ม้าก้านกล้วย
หากคืนนี้เธอมองไปในฟากฟ้า
จะเห็นว่าดารากำลังเหงา
จันทร์เสี้ยวโศกหลบสลดบดบังเงา
เมฆก็เศร้าฟ้าก็หม่นจนวังเวง
เธอรู้ไหมทำไมใยจึงตรม
แม้แต่ลมยังหวีดหวาดขลาดข่มเหง
หริ่งมิกริ่งกรีดกรายร่ายบรรเลง
ไม่มีเพลงราตรีที่กังวาล
เหตุเพราะว่าฉันมาพ้อต่อคืนค่ำ
ให้ฝากคำถึงเธอเพ้อแว่วหวาน
เมื่อคนรักต้องแรมร้างห่างมานาน
จึงต้องการเรียกร้องต้องการรัก
ฟ้าคงรู้ว่าเธอนั้นคงปันใจ
ไม่คิดหวังว่าใครใจจะหัก
ฟ้าคงน้อยใจระกำช้ำยิ่งนัก
รับรู้รักและอาวรณ์จะคลอนคลาย
ฟ้าจึงหม่นหมองเหมือนเตือนคนคอย
ดาวดวงน้อยคงกลัวใครใจสลาย
วิมานวาดพลั้งพลาดอาจทลาย
เมื่อสิ้นสายสัมพันธ์วันห่างเหิน
ไม่รู้เธอมองดูอยู่หรือเปล่า
รักและเหงาโถมกระหวัดจึงขัดเขิน
ขอให้เรื่องราวนั้นมันบังเอิญ
แค่คิดเกินเลยไปมิใช่จริง
ขอแค่ฟ้ามาเย้าหยอกมาหลอกเล่น
แกล้งให้เข็ญใจตรมขมใจยิ่ง
ฟ้ารู้แล้วว่าคนไกลมอบใจจริง
และแกล้งทำทุกสิ่งให้วิงวอน
หากคืนนี้เธอมองไปในฟากฟ้า
คงรู้ว่าจันทรามาหลอกหลอน
ดารารายลวงฤดีที่อาวรณ์
ซุกรักซ่อนซึ่งเธอมอบตอบคืนมา
(ม้าก้านกล้วย)
11 ธันวาคม 2545 09:37 น.
ม้าก้านกล้วย
เจ้าตอไม้เก่าแกร่งแห่งแดนป่า
ผ่านเวลากัดกร่อนล่อนเปลือยเปล่า
รากก็กุดกิ่งไกวไม่ยืดยาว
ถมในด้าวดินพนามาเนิ่นนาน
จนชาวนามาเบิกป่ามาหักถาง
ตอนั้นขวางทางกางอย่างตระหง่าน
เกะกะเกี่ยวผานไถให้รำคาญ
จึงจัดการกู้ถอนไปนอนไว้
ตอที่วางตั้งอยู่อย่างสงบ
จะเอาดินกลบคลุมสุมไฟใส่
เผาเป็นถ่านเก็บเกื้อเป็นเชื้อไฟ
เอาไปใช้ในครัวเตาหุงข้าวปลา
จนชาวกรุงมาเที่ยวป่ามาเห็นเข้า
จึงชอบเจ้าเอ่ยขอเจ้าตอป่า
จะเอาไปจัดจับประดับประดา
วางกลางกลุ่มผกาว่างดงาม
ไปจัดสวนให้เป็นเช่นธรรมชาติ
ขัดสะอาดเคลือบเงาเจ้าอร่าม
เด่นในสวนสวยสุขทุกโมงยาม
อยู่ในท่ามพรรณขจีที่คัดสรร
จากที่จมถมอยู่ไม่รู้ค่า
กลับเลิศราคากว่านึกนั้น
ใครจะคิดว่าตอซากจากไพรวัลย์
จะคู่ควรสวนสวรรค์แสวงชม
มานึกเปรียบเช่นชาวพนาด้อย
อยู่ในนามาแต่น้อยคอยคิดข่ม
แลไร้ค่าไร้โอกาสพลาดอาคม
ซึ่งต้องก้มหน้าต่ำย่ำดินโคลน
อาจมีเพชรเม็ดงามตามโอกาส
อาจมีช้างเผือกผงาดมาผาดโผน
จงเติมเต็มประกายไฟให้ลุกโชน
เช่นดั่งโคนตอไม้ในสวนงาม
(ม้าก้านกล้วย)
11 ธันวาคม 2545 09:35 น.
ม้าก้านกล้วย
ยามเย็นเป็นวาระจะเปลี่ยนแปลง
แสงสุรีย์รุนแรงก็แผลงผ่อน
คล้อยโค้งฟ้ากางกั้นตะวันรอน
แดดจะอ่อนอิดโรยโดยยินยอม
ฟ้าสว่างกำลังจะเปลี่ยนสี
หลังจากที่แดดผีตากผ้าอ้อม
ดูแวววาวราวรองด้วยทองย้อม
เมฆรายล้อมล้วนเหลืองเรืองประกาย
ซึ่งจะเป็นฉะนี้มิได้นาน
พอเมฆผ่านคล้อยเคลื่อนก็เลือนหาย
แสงที่ลอดม่านเมฆเสกลวดลาย
ช่างดูคล้ายโรงละครตอนกลางคืน
มีลำแสงฉาดฉายอยู่ไปมา
จ้องประดับจับประดามาชมชื่น
เล่นเรื่องราวรับรู้สึกว่าครึกครื้น
ชวนให้รื่นรมณีย์นี้เพลิดเพลิน
แต่แล้ว ฟ้าสวยกลับเปลี่ยนสี
ลวงฤดีด้วยม่วงหม่นจนสะเทิ้น
สะกดกรีดกร่อนกราดขลาดเหลือเกิน
มิอาจเมินดั่งโดนสะกดมนต์
แสงสุดท้ายค่อยค่อยหายไปจากฟ้า
แว่วเพลงว่าสุริยาลาเวหน
อำลาแสงสุดท้ายให้ได้ยล
เพื่อทุกคนจะอาลัยตั้งใจคอย
บัดนี้เหลือเพียงตะเกียงวาม
และแต้มตามสรรพสิ่งด้วยหิ่งห้อย
เรืองดาราหลากลำเลียงเพียงเล็กน้อย
ก่อนจันทราจะคล้อยขึ้นแจ่มนวล
(ม้าก้านกล้วย)
6 ธันวาคม 2545 08:04 น.
ม้าก้านกล้วย
ลมหนาวล้อมกล่อมจิตใจให้คิดถึง
ลมรำเพยเลยรำพึงถึงรักเก่า
ดอกไม้บานโบกโบยใจให้ซึมเศร้า
เพลงเหงาเหงาแว่วกังวาลราญฤดี
ทรวงสะท้านพาลสะเทิ้นเขินสะท้อน
จิตจึงอ่อนอ้อนอารมณ์ถมวิถี
โหยกระหายรักมาหลอมกล่อมชีวี
แม้ไม่มีใครกังวลมาสนใจ
ตะโกนกู่ก้องทวนลมจมอดีต
บรรจงขีดเขียนกวีที่หวามไหว
ละเมอเก้อเพ้อเพียงว่าลาอาลัย
จากหัวใจที่ระกำช้ำเหลือเกิน
รักเมื่อร้างใยระลึกนึกถึงรัก
หนาวก็หนักรักก็หน่ายหายห่างเหิน
จินตนาการเตลิดมิเพลิดเพลิน
จนยับเยินเกินเยียวยาบ้าระบม
เกลียดลมหนาวใยพัดผ่านมาหว่านเหงา
เกลียดความเศร้าทรวงสะอื้นต้องขื่นขม
เกลียดใจตัวเองยิ่งนักรักลมลม
แล้วมาจมห้วงน้ำตาเพราะว่าช้ำ
กระไรเลยลมเหมันต์นั้นยังย้อน
พัดมาหลอนผ่อนมาหลอกมาตอกย้ำ
มิรู้หรือใจนี้เหน็บเจ็บระกำ
พัดกระหน่ำมาทำไมก็ไม่รู้
(ม้าก้านกล้วย)
3 ธันวาคม 2545 08:18 น.
ม้าก้านกล้วย
กรุงเทพยามราตรีไม่มีดาว
ไม่มีแสงสวยขาวจันทร์เจ้าขา
ไร้ร่มพฤกษ์พงพีไม่มีพนา
มีแต่ป่าคอนกรีตซีดทะมึน
ไม่เห็นฟ้าสวยไสวไม่สว่าง
ไม่รู้แรมเลือนรางหรือข้างขึ้น
มีแต่แสงเสาไฟในดึกดื่น
ไม่รู้คืนรู้วันมันวุ่นวาย
นั่งพิงผนังตึกนึกถึงบ้าน
ห่างสถานถิ่นสนิทมิตรสหาย
เม็ดเหงื่อแลกเงินตราล้าทั้งกาย
จะผ่อนคลายใจกับจันทร์นั้นไม่เจอ
อุตส่าห์สัญญาไว้กับนาง
แม้พี่ห่างมาก็หวงห่วงเสมอ
จะมองจันทร์แทนเจ้าแทนเงาเธอ
แม้มาเหม่อมองหา . . ทว่าไม่มี
คิดถึงจันทร์ทรงกลดหมดโอกาส
จะเอาดาวขาวสะอาดวาดวิถี
โยงสายใจไปกับฟ้าหาคนดี
ยามราตรียามเหงาเจ้าอยู่ไหน
วอนขุ่นควันไอเสียเกลี่ยคารม
ฝากกับลมปนฝุ่นผงอย่างสงสัย
ฝากรถติดฝากผิดหวังทั้งหัวใจ
ยังรักพี่นี้ไหมนะใจนาง
พี่มาหลงเมืองหลวงห่วงหนักหนา
มาไล่คว้าความเพียงพอ . . รอพี่บ้าง
จะหอบเงินกลับนามาแต่งนาง
คงไม่ต้องอ้างว้างอย่างคืนนี้
(ม้าก้านกล้วย)