19 มีนาคม 2546 09:49 น.
ม้าก้านกล้วย
อาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นฟ้า
สกุณากำลังจะจากเหย้า
ราตรีกำลังผันเป็นวันเช้า
แต่สองเรากำลังจะจากกัน
ที่อาศัยอยู่ในดอยกันดาร
ไม่ต้องให้ใครเห็นใจฉัน
แต่แล้วถึงกาลได้พบกัน
ซึ่งมันทำให้ฉันได้พบเธอ
เธอมาเหมือนหยาดฝนหลั่งไหล
แต่ก็จะจากไกลใจฉันเหม่อ
ฉันเปรียบดั่งหญ้าบนดอยคอยปรนเปรอ
แค่ชะเง้อรอฝนที่ตนฝัน
เมื่อรับหลากจากฟ้าก็กล้าแข็ง
แต่แล้วแหล่งน้ำฟ้านานานั้น
ก็เหือดหายกลายกลับลับลากัน
คงทิ้งฉันเป็นหญ้าแห้งบนแล้งร้าย
เธอมาเหมือนสายหยาดฝน
แล้วไหลล้นลงสู่ธาราสาย
มาแล้วลารักแล้วร้างจางมลาย
พบแล้วพลัดกระจัดกระจายง่ายดายนัก
ต่อแต่นี้ คงมีแต่น้ำตา
รอแค่การกลับมาของคนรู้จัก
หญ้าบนดอยสูงเหม่อเพ้อถึงรัก
เหงาชะงักรอฝนใหม่ได้แต่รอ
(ม้าก้านกล้วย)
18 มีนาคม 2546 20:04 น.
ม้าก้านกล้วย
ค่ำคืนนี้มีดนตรี ที่ร่าเริง
ฉันจะเหลิงเล่นร้องเพลงพ้องเสียง
จะร่ายรำทำทำนองของสำเนียง
จะเพื่อเพียงให้เธอยลจนยินดี
ค่ำคืนนั้น ฉันจะเป็นดวงจันทรา
จะเปล่งจ้า สง่าแรงด้วยแสงสี
จะเย้ยดาวเจ้ากระพริบเจ้าริบหรี่
ค่ำคืนนี้ ฉันยินดี ที่เธอเยือน
เธอเล่าจะเป็นดาวดวงไหน
เป็นดาวเรือง ใกล้ใกล้ ให้เป็นเพื่อน
แล้วรายรอบจันทรามาเสมือน
เป็นเช่นเพื่อนร่วมร้องรำทำนองสวย
กลัวเหลือเกินเธอจะเป็นเช่นเมฆฝน
ก็หน้าหม่นหมองใจไม่สลวย
หากเป็นดั่งห่วงใย ไม่อำนวย
ฉันจะช่วยผ่อนคลายสลายเหงา
อย่าให้เมฆาหม่นมาบดบัง
อย่าได้นั่งดูดายคล้ายคนเศร้า
ก็เพลงเพราะ ครื้นเครง บรรเลงเคล้า
ให้หมู่เรา เริงลีลา มาเถิดเธอ
คืนนี้ฉันจะเป็นจันทราสวย
มีเธอช่วยเป็นดาวห้อมล้อมเสมอ
อย่าปล่อยให้เพลงร้องต้องเขินเก้อ
ชวนเชิญเธอ เริงรื่น ในคืนนี้
18 มีนาคม 2546 12:29 น.
ม้าก้านกล้วย
ลมบ้าหมูหมุนวนจนจางลับ
ฟ้าดำดับกลับไสวไร้สลัว
ลมหนาวเหนือลดแรงแล้วแผ่วระรัว
ทดแทนทั่วลมแล้งทุกแห่งหน
ไฟมอดมิดดับกลับเงียบงัน
ตรงจุดนั้น เหลือแค่ควัน อันหมองหม่น
รอลมหมุน ลูกใหม่ ลุกไล่ลน
รอเด็กซน อีกหลายคน มาค้นพบ
ปลักกรังน้ำขังก็ยังอยู่
รอผู้หนีตายได้ประสบ
คราวคับขัน หวั่นภัย ได้ซุกซบ
เพื่อได้หลบ รอดรอ ต่อชีวิต
กลุ่มเด็กน้อยพลอยได้อาศัยตม
ในแหล่งหล่ม ปะปาด ยามพลาดผิด
แล้วแต่คน แล้วแต่ใคร จะได้คิด
ใช่แต่ติด ซุกซน จนเจอดี
เจ้าเรียนรู้ อยู่รอด อย่างปลอดภัย
เลยเห็นใจ ปลาซึ่ง เมื่อถึงที่
น้ำแล้ง ลดหลั่น วันไม่มี
น้ำที่ หล่อเลี้ยง ไม่เพียงพอ
ก่อนจะกลับ แยกย้ายไปบ้านตน
ช่วยกันขน ฝูงปลา มาปล่อยบ่อ
เพื่อรอดร้าย ตายแล้ง แรงร่อยหรอ
เพื่อช่วยต่อ ชีวิต คิดแทนคุณ
(ม้าก้านกล้วย)
17 มีนาคม 2546 23:52 น.
ม้าก้านกล้วย
จะวิ่งไปทางนั้นก็ควันไขว่
จะวิ่งไปทางไหนก็ไฟล้อม
จะวิ่งหนีลุกลนวนเวียนอ้อม
จะยินยอมอย่างไรไฟจะลน
เด็กทั้งหลายต่างตระหนกตกประหม่า
จะหันหน้าหนีไฟให้ผ่านพ้น
ก็เกรงว่า จะลามลวกพวกของตน
จึงตั้งต้น หนีภัยก่อนไร้แรง
โชคยังไม่โหดร้ายเกินไปนัก
ยังมีปลักโคลนขัง ยังมีแอ่ง
จึงพร้อมเพรียง ถลาหลง ลงตีแปลง
เอาดินแป้ง ทาเถือ ทั้งเนื้อตัว
พอกมือ พอกตีน ดินเกรอะกรัง
แขนขา หน้าหลัง กระทั่งหัว
ก็ละลน ปนละลาน พาลนึกกลัว
หากยังมัว ลังเลใจ ไฟจะมา
หลบอยู่ในเลนโคลน จนทุเลา
เพลิงผลาญเผา วอดวาย คลายโหมกล้า
กุศลหนุน บุญปลอด รอดชีวา
แต่เกือบพา กันมา ฆ่าตัวตาย
ผลุบโผล่ โงหัว ขึ้นยั่วเย้า
หยอกกระเซ้า หัวร่อ กันงอหาย
จากเล่นลม มาจมโคลน ตะโกนตะกาย
ได้แหวกว่ายปลักเปรอะ เลอะทั้งตัว
ม้าก้านกล้วย)
17 มีนาคม 2546 21:19 น.
ม้าก้านกล้วย
ลมบ้าหมูหมุนวนจนฟุ้งฝ้า
ในผืนนาหน้าแล้งแหล่งเวิ้งว่าง
มันหมุนหอบกอบกลุ่มสุมฟ่อนฟาง
มันหมุนอย่างโลดลิ่วปลิวละออง
เมื่อผ่านน้ำหอบน้ำมาโปรยปราย
เมื่อผ่านทรายหอบทรายให้ลอยล่อง
เมื่อผ่านฝุ่นพัดฝุ่นข้นจนหม่นหมอง
เมื่อผ่านกองไฟระอุยังคุโชน
เด็กน้อยบ้านนาประสาซน
เห็นลมวนลนลานทะยานโผน
เล่นวิ่งไล่ให้ลมล้อมจอมทะโมน
แจ้นกระโจนกระจายกลุ่มรุมลมแล้ง
บ้างถอดเสื้อโยนใส่ให้ลมหอบ
บ้างก็กอบฝุ่นผงในดงแห้ง
มาโยนย้อมอยากจะเห็นเป็นสีแดง
ศิลาแลง ลูกรัง กระทั่งทราย
วิ่งตามโต้ลมเต้นเป็นลูกคู่
วิ่งตามดูอยู่ไหวไหวมิให้หาย
จนลมแล่นหลงไปในกองไฟร้าย
มันหอบสายเพลิงโหมจู่โจมแล้ว
ประทุถ่านมอดเชื้อเพื่อแผดเผา
ประจุเถ้าร้อนเร่าเข้าต่อแถว
ประดุจสายชนวนลามไปตามแนว
ประหวั่นแล้ว คุคลั่ง ช่างพรั่งพร้อม
(ม้าก้านกล้วย)