22 มีนาคม 2546 21:28 น.
ม้าก้านกล้วย
นิกูลแห่งพนาราณีไพร
อาภรณ์ภัณฑ์อันไสววิไลสวย
กรีดกรายชายพริ้วเพริดเลิศร่ำรวย
อุดมด้วยเรณูอยู่ชั้นฟ้า
บุตรีหนึ่งซึ่งถนอมห้อมฟูมฟัก
ดุจล้อมรักรวมใจใจกลางป่า
ผีเสื้อทรงสอางค์วางทีท่า
สูงสง่ากว่าแมลงแบ่งชนชั้น
ก่องเก็จเพชรมณีพลีให้ชม
บรรเลงร้องรื่นรมณ์กลมกล่อมขวัญ
บรรจงเพียงเลี้ยงดูอยู่ทุกวัน
ลูกน้อยนั้นเติบกล้าอนามัย
วันหนึ่งกลับเกิดพายุกล้า
พัดพาลูกหนอนพรากจากพิสัย
เร่ร่อนลิ่วลมต่ำระกำใด
ตก ณ ดินแดนไหนก็ไม่รู้
สงสารผีเสื้อเศร้าเจ้ายังน้อย
ด้วยเยาว์ด้อยเดียงสามาไร้คู่
ตกดินดำย้ำเยือกเย็นน่าเอ็นดู
ซ้ำต้องอยู่ลำพังไพรใจสะพรึง
แต่บุญแล้วแคล้วคลาดวาสนา
ได้พึ่งพารังนอนอีกหนอนหนึ่ง
ก่อและสานสายสัมพันธ์อันซาบซึ้ง
สื่อทราบถึงใยรักที่ถักทอ
(ม้าก้านกล้วย)
21 มีนาคม 2546 22:35 น.
ม้าก้านกล้วย
ต่อเมื่อต้องแปลงร่างสร้างดักแด้
หนอนเจ้าแค่มุดปลอกออกผลัดผัน
ด้วงกว่าง สางสยาย สายสัมพันธ์
ด้วงตัวนั้นกวาดสายตาหารักแท้
สืบสำนึกสุดท้ายก่อนกลายร่าง
เพื่อนนั้นคงอ้างว้างอย่างแน่แน่
ก็ทิ้งไปไร้เยื่อใยไม่เหลียวแล
ไม่มีแม้ร่ำลาเลือนเหมือนใจร้าย
พบพานเพียงปลอกเปล่าเจ้าเพื่อนหนอน
กลิ่นเกสรชงโคโต้ลมสาย
เหลือบละอองผีเสื้อเรื่อรายราย
กล่นกระจายกลางซากการจากลา
หนอนที่ตนเฝ้าพะวงหลงรักฝัน
หนอนอ้วนอันละออหรูดูสง่า
กลายเป็นผีเสื้อสวยด้วยมายา
ฉาบสีสันพรรณาว่าแสนงาม
ด้วงเอย โอ้อกกลวง เจ้าด้วงกว่าง
จำโหยห่างตัดสัมพันธ์อันต้องห้าม
ด้วงทึ่มทื่อ ฤาคู่เครือ ผีเสื้องาม
เขาจะหยามตราหน้าว่ามิเจียม
จำปล่อยเปลี่ยนเป็นลาอย่างถาวร
ทรวงสะท้อนเลี่ยงหลบสงบเสงี่ยม
ศักดินาของเจ้ามิเท่าเทียม
แผลงธรรมเนียม ธรรมชาติ อนาถแล้ว
(ม้าก้านกล้วย)
21 มีนาคม 2546 21:59 น.
ม้าก้านกล้วย
จำกำเนิดเกิดร่างอย่างต้อยต่ำ
ผละผุดดำมูตรหมองต้องอาศัย
บำรุงเลี้ยงเพื่อพละเจริญวัย
จะเติบไปเป็นแมลงแห่งพนา
เจ้าหนอนด้วงอ้วนยุ้ยเจ้าอุ้ยอ้าย
เจ้าเกิดกายกินต่ำต้อยด้อยเดียงสา
กำหนดชั้นไร้รักศักดินา
เจ้าไม่กล้าอวดอ้างวางยโส
ไม่มีใครเคียงอยู่เป็นคู่คิด
ทั้งชีวิตแรมร้างอย่างงมโง่
เคล้าขลุกเคียงข้างดงดอกชงโค
รอวันใหม่ใหญ่โตจะโผบิน
วันหนึ่งกลับเกิดพายุกล้า
พัดพาหนอนอีกหนึ่งมาถึงถิ่น
ดุจสวรรค์สรรค์วิไลให้ชีวิน
ด้วงจึงยินดีนักกับรักนี้
ไม่สนหรอกถึงเผ่าพันธุ์อันแตกต่าง
ก็อ้างว้างมาตั้งนานกับการที่
โดดเดี่ยว เอกากรัง ทั้งชีวี
แค่อยากมีมิตรสักหนึ่งก็พึงใจ
ไม่รับรู้กาลวนเวียนจะเปลี่ยนผัน
วันทั้งวันรบเร้าเอาใจใส่
จะหนาวร้อนจะหมองหมางจะอย่างไร
ไม่ยอมไกลหนอนใหม่ไปไหนทั้งนั้น
(ม้าก้านกล้วย)
21 มีนาคม 2546 18:08 น.
ม้าก้านกล้วย
แรมรอนจรไปในเส้นทาง
เหนือบ้างล่องใต้ไปอีสาน
ล้อรถหมุนพาไปหางาน
ปฏิบัติการสัญจรเร่ร่อนไป
วันนี้ก็เป็นเช่นวันอื่น
ลืมตาตื่นขึ้นมาฟ้าวันใหม่
ก็เดินทางท่องแดนอันแสนไกล
เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียวดาว งาว ลำปาง
นั่งรถขึ้นเหนือ เบื่อก็ทน
นั่งจนรำคาญหนัก ก็พักบ้าง
นั่งรถแล่นบึ่ง ถึงเมืองฝาง
นั่งพลาง คิ้วขมวด ปวดชมัด
ให้รถจอดข้างห้องน้ำ ปั้มข้างทาง
ก็เต้นผาง เต็มกลั้น อั้นอึดอัด
ก็เป๊บซี่ สุรา สารพัด
เกินพิกัด กระเพาะนั้น กักกันไว้
ลงทำท่า ยื่นหน้า ปัสสาวะ
แทบผงะ ที่ฉี่ อยู่ที่ไหน
ก็เคยอยู่ ตรงนี้ ที่เคยใช้
แล้วทำไม มันไม่ใช่ ใจจะวาย
เหตุพลิกผัน สัปดน ดังโดนถีบ
ภาวะบีบคั้นอั้นมันน่าหน่าย
หน้าห้องน้ำห้องนั้น มันเขียนป้าย
ที่ปัสสาวะชาย อยู่ด้านหลัง
(ม้าก้านกล้วย)
19 มีนาคม 2546 18:16 น.
ม้าก้านกล้วย
สุริยะ จะถด ลดรวิ
ซุกและซบ หลบกระบิ มิแผดพิษ
แอบแทบหัตถ์ เมฆมืด พืดสนิท
มุดมิดชิด ฤทธิลด บทจะพลบ
วิเวกนัก หากจะคิด จิตกระหวัด
ดุจพรากพลัด สลดลึก ตรึกตลบ
รักกระเจิด เกิดกระจัด สุดบัดซบ
มิอาจหลบ จบและจาก มิอยากนึก
แดดมืดมิด จิตมืดดับ รับสภาพ
รุกรักหยาบ ปราบปลอบ ลอบผนึก
เมฆกรีดกราด พาดพัด ขัดสำนึก
โอดสะอึก ตรึกวิตก ตระหนกนัก
สุริย์ลับ ดับจาก อยากจะโศก
อยากจากโลก สุดโหด โจษประจักษ์
ระลึกฤทธิ์ ติดวิตก อกทะลัก
โอษฐ์กระอัก รักคุด ดุจนรก
โลกมืดดับ รับรส สะกดกัด
โบกสะบัด พะยุพัด กวัดวิตก
ศศิกวาด สาดแทรก ยับแยกอก
รึ ธ คิด ติดตลก ยกหยอกเยาะ
หากมิรับ ระลึกจิต คิดมิคาด
อาจจะพลาด จิตคิด ผิดวิเคราะห์
หักชีพหาก จากสติ มิปะเหลาะ
โจทย์จำเพาะ เยาะมนุษย์ ดุจจะตาย
(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกลตายหมดนี้ จะใช้คำตาย ทุกคำ ทั้งหมด แต่ คำท้ายสุดของบท ต้องใช้ คำเป็น เพราะโบราณว่า ถ้าใช้คำตายหมด ผู้ประพันธ์ จะตายด้วย( แบบ ไม่ค่อยเชื่อ น่ะ นะ แต่ ก็ ยังไม่อยากเสี่ยง)