26 มีนาคม 2546 21:09 น.
ม้าก้านกล้วย
ตกตะลึง ตรึงตา เหมือนว่าเพลิง
เลวเถลิง บนคบคา ผืนผาต่ำ
จิตสนใจ ใยเปลวล้อม ช่างหอมล้ำ
อวดอ้างอำ คำใด ไม่เทียบทัน
กนกกลาย ลวดลาย วิไลโรจน์
โชนดั่งโชติ อัคคี เพราะสีสัน
แสดเจ้าแสบ แปลบตา กว่าตะวัน
หอมเจ้าหั่น บั่นใจ ให้ลืมตน
จานเจ้าบาน เบ่งโบย โชยระริน
จานเจ้ากลิ่น หอมยวน ชวนฉงน
จานเจ้าสี แสบสัน อันร้อนรน
จานเจ้าสวย เสียจน กมลหลง
เพราะพฤกษา มาลี ที่เร้นหลอก
เปลวแห่งดอก มาลี พิสูจน์ส่ง
เปลวกลีบวาว ราวไฟ ไล่ลามลง
เปลวปลดปลง เปลือยป่า มาเบ่งบาน
งามเจ้าดอก ทองกวาว ราวแหล่งเพลิง
เหมือนช้อนเชิง ฟาดฟ้อน ช่างอ่อนหวาน
ประดับป่า เหมือนไฟป่า มารุกราน
สีแสดสาด ฉาดฉาน ตระการนัก
เจ้าสมญา เปลวไฟ ในแดงดอก
เจ้าใบ้บอก ป่าแปลง จะแล้งหนัก
เจ้าชูช่อ ล้อลมร้อน วอนให้รัก
เจ้าตระหนัก ตระหนกจึง ตะลึงแล
(ม้าก้านกล้วย)
25 มีนาคม 2546 21:37 น.
ม้าก้านกล้วย
ดารดาษ ดาริกา ดารดาษ
วาดแววหวาน เกลื่อนกราด วาดแววหวาน
สุดสายธาร เกษียรสมุทร สุดสายธาร
ล้านเรื่องราว ตำนาน ล้านเรื่องราว
กระพริบหยอก หลอกลิบ กระพริบหยอก
ระลอกร้าว ช้ำชอก ระลอกร้าว
ชะเง้อดาว ดลใจเผลอ ชะเง้อดาว
เล่าเรียงร้อย เรื่องราว เล่าเรียงร้อย
หวังเป็นดาว แทรกสว่าง หวังเป็นดาว
มาเฝ้าสอย ลอยหาว มาเฝ้าสอย
กระต่ายน้อย เพ้อนะ กระต่ายน้อย
คอยลมลม ตรมเลื่อนลอย คอยลมลม
โลกเศร้าโศก แสนเหงา โลกเศร้าโศก
รักโศกขม ตรมวิโยค รักโศกขม
ทุกข์ระทม ไร้สุข ทุกข์ระทม
ข่มคำลา ปร่าอารมณ์ ข่มคำลา
ดารดาษ ดาริกา ดารดาษ
ผงาดกล้า ฤาบังอาจ ผงาดกล้า
หนึ่งดารา ไร้ที่พึ่ง หนึ่งดารา
โรยละออง ส่องแสงล้า โรยละออง
ใจจะขาด ปลาตไป ใจจะขาด
อาจหม่นหมอง ต้องอนาถ อาจหม่นหมอง
ไร้คู่ครอง หดหู่ ไร่คู้ครอง
เพียงดาวลอย จึงเหม่อมอง เพียงดาวลอย
(ม้าก้านกล้วย)
กลอนกล งูกลือนหาง นี้ เป็น กลอนซ้ำท่อนทาง คือ เอาท่อนแรก มาซ้ำคำอีกครั้งในท่อนที่สาม โดย เลื่อนสัมผัส มาให้อยู่ในท่อนที่สอง แทน
25 มีนาคม 2546 16:54 น.
ม้าก้านกล้วย
เปลวพระเพลิง เหลิงเร่า เผาป่าป่น
เปลวระคน ลนลวก พวกพรรณผอง
เปลวระริก หงิกงอ ก่อเกิดกอง
เปลวละล่อง ต้องลาม ตามแนวเนิน
เปลือกกะพี้ มีแผล แผ่เป็นแผ่น
จึงข้นแค้น แสนแสบ แทบสะเทิ้น
ระอุไอ ไฟผลาญ นานเหลือเกิน
ยับย่อยเยิน เกินกว่า มาแก้ไข
ยามกลางวัน นั้นยัง บังบดแสง
มิให้แจ้ง แสงกระจ่าง กลางไสว
พอพลบพลัน พรั่นพรึง ซึ่งแสนไกล
ลับแลไป ในลาดเนิน เกินคะเน
เห็นเป็นแสง แดงฉาน ปานทางเลือด
แผ่นดินเดือด เหือดแห้ง แหล่งสรวลเส
ทยอยลาม วามวาว ราวเกเร
ยามลมเพ เหทาง ล้างมลาย
เปลวอาวรณ์ ร้อนแรง แผลงพิฆาต
เปลวพินาศ กวาดล้าง อย่างโหดร้าย
เปลวอาถรรพ์ บั่นทอน วอนวอดวาย
เปลวทำลาย ร้ายกาจ อาจลุกลาม
ระทึกกลัว ตัวตน บนกองเพลิง
ขวัญกระเจิง เพิงไพร ไหววูบหวาม
กระจายฮือ อื้ออึง จึงวู่วาม
ต้องตายตาม ท่ามใน ไฟนรก
(ม้าก้านกล้วย)
อันกลอนกล สนมหน้านวล นี้ จะเรียกเป็นกลกลอนที่ มีรูปแบบ ตรงฉันทลักษณ์ที่สุด คือ ให้เฉพาะ สัมผัสสระ ต่อตรง ข้ามท่อน คือ คำที่ สาม ส่งสัมผัสสู่ คำที่ สี่ และ คำท้ายท่อนสอง สัมผัสตรงสู่ คำแรก ท่อนสาม ซึ่ง หลักการเขียนกลอนแปด จะเป็นอย่างนี้ เพียงแต่ ให้คลี่คลายได้บ้าง ไม่สัมผัสได้บ้าง สัมผัสทบคำ(โดดไปใช้คำถัดไป) ได้บ้าง แต่ กลนี้ ไม่ยินยอม เพราะ เงื่อนกล อยู่ตรงนี้ นี่เอง
24 มีนาคม 2546 19:04 น.
ม้าก้านกล้วย
เดือนนี้แล้ง นาแล้ง แล้งแห้งเหือด
นทีเดือด ดินเดือด โถเดือดร้อน
ไร้ร่มซุก ซุกกายา หาซุกซ่อน
ธุลีว่อน ว่ายว่อน ว่อนละออง
มิมีเหลือ เหลือใบ ไม่เหลือหลอ
หญ้าทั้งกอ เกลียดกอ กอเกลื่อนกร่อง
ลมหมุนวน วนเวียนจน วนถอดปล้อง
หอบกอบกอง หญ้ากอง เป็นกองกลม
จะเหลียวแล แลใด ไม่แลลับ
ดอกประดับ ดอกด้วย ดอกสวยสม
บนคาคบ บนนาร้าย บนสายลม
ลดอารมณ์ ลดร้อนแล้ง แรงลดเลือน
ตะแบกบาน เสี้ยวบาน บานประชัน
เสลาสรรค์ สรรค์มา สรรค์หาเพื่อน
คูณทองไกว ไกวโก้ โล้ไกวเกลื่อน
สร้างเสมือน สรวงสร้าง สร้างสวรรค์
พวงคราม พวงประดิษฐ์ พิศพวงสวย
คู่แพงพวย แพงค่า ว่าแพงขวัญ
แซะก็สวย เซ่งก็สวย สวยทั้งนั้น
ดุจสวนฝัน สวนผลิ สวนวิมาน
สะเดาขาว ชงโคขาว ขาวราวเมฆ
พิกุลเสก เทพเสก เสกผสาน
นี่นมวัว นั่นนมแมว แนวนมนาน
แต้วก็บาน บัวก็บาน บานยั่วยวน
(ม้าก้านกล้วย)
กลอนกลนี้ ชื่อ กินนรเก็บบัว มีชื่ออื่นอ่กมาก ที่ ทางกล เดียวกัน เช่น กุมารแย้มผกา ธงสะบัดชาย ก็เรียก สกัดแคร่ จันทร์ทรงกลด สร้อยสน กุลาซ่อนลูก โอ๊ย เยอะแยะ เพราะเป็นกลที่เล่นง่าย คือ บังคับคำคำเดียวให้เกลื่อนไปในทั้งสามท่อน
22 มีนาคม 2546 22:33 น.
ม้าก้านกล้วย
หล่อเลี้ยงหัวใจให้ชุ่มชื่น
ทั้งหลับตื่นเหนื่อยใดไม่เคยท้อ
หนอนหนึ่งนั้นคงเฝ้าพะเน้าพะนอ
ก็เพียงพอแล้วสำหรับจะรับรัก
ไม่สนหรอกถึงเผ่าพันธุ์อันแตกต่าง
สามารถสร้างสานใจให้รู้จัก
ระลึกคุณไอละมุนอุ่นยิ่งนัก
จึงพิงพักพึ่งพามาเนิ่นนาน
ครั้นวันอันหม่นหมองต้องพลิกผัน
ตื่นจากฝันเพ้อหาน่าสงสาร
หนอนอีกหนึ่งอยู่ไหนไม่พบพาน
ดั่งดวงมาลย์เจ้ามอดไหม้ในอัคคี
ตนก็เริ่มรับรู้อยู่ในกาย
ต้องเปลี่ยนถ่ายกายาภายหน้านี้
ผิวกร้านเป็นเกราะล้อมย้อมเหลือบสี
ปีกจะมีขาจะงอกออกมาแล้ว
ต้องโผกลับวงศ์วานบนผ่านฟ้า
ไปดอมดมบุปผาผกาแก้ว
หมดโอกาสจากลาเพื่อนเหมือนสิ้นแวว
เขาคงหมดรักแล้วจึงลาไป
ทุกยามเช้าบนดงดอกชงโค
หนึ่งผีเสื้อบินโผโต้ลมไล่
มารั้งรอเมื่อไหร่หนอรอหัวใจ
แมลงใดจะใกล้กรายมาทายทัก
(ม้าก้านกล้วย)