5 เมษายน 2546 09:19 น.

ออกเดิน (บทเรียนเขียนกลอน 5 ภาคเสียง กลอนกราว)

ม้าก้านกล้วย

ออกเดินด้วยหัวใจไม่อาจหวัง
สุ่มเดินด้วยพลังที่แกร่งกร้าว
เค้นหาสาระสุขทุกเรื่องราว
มาบอกกล่าวไว้ในกลอนเพื่อสอนคน
อยากมีหัวสมองที่ผ่องใส
อยากไปใช้ภวังค์เพื่อตั้งต้น
เก็บตวงวิชาการผสานชน
ขุดค้นภูมิปัญญาที่ว่า ดี
หากจำจะต้องจรทั้งบ่อนเหนือ
มิเบื่อทุกละหานสถานที่
ตักตวงสรรค์สาระประดามี
เผื่อมีมุกมังกรซุกซ่อนชม
ออกเดินด้วยพลังตั้งมุ่งหวัง
พลาดพลั้งหรือยังไงใช่โลกล่ม
กวาดปูทุกเส้นทางอย่างชื่นชม
บ้างล้มก็ลุกยืนฝืนก้าวไป
ไม่เคยหวังให้ใครจะได้เห็น
จิตใจนั้นร่มเย็นเช่นหาได้
เพียงพอสมถะชนะภัย
หากใครเห็นดีดั่งชี้ทาง
โปรดเดินมาด้วยช่วยสร้างสรรค์
จุดยืนนั้นมิไกลใช่เวิ้งว่าง
โปรดเดินก้าวมาหาหนทาง
ท่ามกลางผองประชาก้าวหน้าเดิน


(ม้าก้านกล้วย)

กลอนทางเสียงนี้ เรียกว่า กลอนกราว ใช้ในการเดินทัพ แบบเดินพาเหรด ในสมัยโบราณ นัยว่า เป็นทำนองของมอญ ซึ่ง ทางเสียง จะเป็น จัตวา โท สามัญ เต้น เต้น แล้ว ร้อง ตามแบบโบราณ ที่เรียกว่า ร้อง เย้ว เย้ว (เอ  ร้องยังไงนะ อ้อ นึกได้แล้ว ) ร้องแบบ เพลงกราว กีฬา ท่อนแรก ดังนี้
พวกเรานักกีฬา ใจกล้าหาญ
เชี่ยวชาญชิงชัย ไม่ย่นย่อ
คราวชนะรุกไล่ไม่รีรอ
คราวแพ้ก็ไม่ท้อ กัดฟัน ทน 
( ฮึม ตะ ลึม หึ่ม ฮึม)
ทางเสียง คือ
1. ท้ายวรรคสดับ ให้ขึ้นเสียงสูง คือเสียงจัตวา
2. ท้ายวรรครับ เป็นเสียงโท
3. ท้ายวรรครอง เป็นเสียงสามัญ
4. ท้ายวรรคส่ง จะเป็นเสียง เต้น เต้น (เสียงที่ผันวรรณยุกต์) แต่ไม่นิยมเสียงสูง เพราะ จะต่อท่อนลำบาก				
5 เมษายน 2546 03:06 น.

ขอรัก จากดาว (บทเรียนเขียนกลอน 4 เสียงกลอนเดินดง)

ม้าก้านกล้วย

ล้านหมู่ดาวล่องลอยคล้อยเดือนแจ่ม
คล้ายจะแต้มเติมฟ้าจักรราศรี
เป็นสัญญาณแจ่มใสให้ราตรี
ดุจมณีเปล่งงามอร่ามตา
ล้านเรื่องราวผูกเจือเหนือดาวเกลื่อน
ครั้งไร้เพื่อนว้าเหว่เสน่หา
ก็ร่ายร้อยลำนำเพลงร่ำลา
จะฝากฟ้าฝากดาวว่าเข้าใจ
ดาวกระพริบลิบเลือนเหมือนเตือนบอก
ว่าช้ำชอกพลัดพรากมากแค่ไหน
ดาวเจ้าคลอหยอกล้อใครต่อใคร
จะเห็นใจบ้างไหมนะใจดาว
ฉันต้องมาโอดโอยโหยใจอ่อน
จะว่าอ้อนก็ใช่เมื่อใจหนาว
ต้องตรมกับโลกมืดที่ยืดยาว
ต้องปวดร้าวอดสูอยู่เรื่อยมา
เห็นหมู่ดาวมากมายในผืนแผ่น
ใจจะเล่นโลดคิดใจอิจฉา
ดาวหนอดาวฉาดฉานละลานตา
ใยไม่มาเอ่ยรักเราสักดวง
ดาวดวงไหนมีใจให้เพียงหนึ่ง
ดวงที่ซึ่งมอบใจอันใหญ่หลวง
มอบไมตรีมั่นไว้ไม่คิดลวง
จะห่วงหวงเด่นฟ้ากว่าดวงใด

(ม้าก้านกล้วย)

กลอนที่มีทางเสียงแบบนี้ เรียกว่า กลอนลำ หรือกลอนลาวเดินดง นิยมเล่นกันมาก ในสมัย รัชกาลที่ 4 โดยเฉพาะ พระปิ่นเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงนิยมมาก  จนสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ต้องตรากฎหมาย สามดวง ห้ามมิให้ มีการ แอ่วลาว (ร้องเพลงกลอนลำ หยอกกัน) ในราชสำนัก
ทางเสียง มีเป็น เอก จัตวา สามัญ สามัญ คือ
1. ท้ายวรรคสดับ จะต้องลงด้วยเสียงเอก
2. ท้ายวรรครับ จะต้องลงด้วยเสียง จัตวา
3. ท้ายวรรครอง จะต้องเป็นเสียง สามัญ
4. ท้ายวรรคส่ง จะต้องเป็นเสียง สามัญ
และ ในท่อนหน้า กับท่อนหลัง ทั้งสามพยางค์ ห้ามใช้เสียงเดียวกัน จะต้องแปรเสียงไปให้ได่ สอง  สามเสียง เช่นวรรคแรกของกลอน คือ ล้านหมู่ดาวล่องลอยคล้อยเดือนแจ่ม   ท่อน ล้านหมู่ดาว จะมี สามเสียง คือ ตรี เอก สามัญ คล้อยเดือนแจ่ม ก็เป็น ตรี สามัญ เอก เช่นนี้ เป็นต้น				
4 เมษายน 2546 20:31 น.

ผู้ก่อ (กลอนเสภา บทเรียนเขียนกลอน 3 ว่าด้วยเรื่องเสียง)

ม้าก้านกล้วย

เมื่อนั้น
เมื่อต้องดั้นต้องด้นต้องค้นหา
เพื่อคืนความคมคิดชิดประชา
เพื่อค้นคว้าถึงหนทางวางชีวี
เหตุเพราะเกรงหวาดว่าอนาคต 
ถ้วนทั้งหมดยิ่งยากจน บนวิถี
กระแสทุนนิยมย้ำมันย่ำยี
ทุนวิธีสร้างนี้ช่างชี้นำ
โฆษณาชวนชักเหมือนดักลอบ
เฝ้ากรุ้มรุมคลุมครอบลอบถลำ
หากยังหนึ่งกลุ่มต้านการกระทำ
และก้าวนำชาวบ้านอย่างชาญชัย
ลุงอัมพร ด้วงปาน คนบ้านป่า
เป็นผู้พาต้านกระแสเพื่อแก้ไข
สร้างกองทุนชุมชนผลกำไร
เพื่อช่วยชาวบ้านให้ใช้เป็นทุน
จนเมื่อรัฐเห็นเป็นสิ่งใหม่
ขอใช้แนวทางพลางเกื้อหนุน
สานต่อนโยบายขยายทุน
เพื่อค้ำจุนหมู่บ้านละล้านนึง
หากจะถามความภูมใจในวันนี้
ลุงผู้ที่สร้างรากจากสลึง
เสียงสรรเสริญร้องแซ่แผ่อื้ออึง
ฉะนั้นจึงขอยกย่องต้องสดุดี

(ม้าก้านกล้วย)

กลอนในทางกำหนดนี้ เป็นกลอนแปด ที่เรียกว่า กลอน เสภา ใช้บทสัมผัสเช่นเดียวกับกลอนแปด ทุกประการ แต่ บังคับเสียงเพิ่ม คือ บัญญัติที่โบราณเรียกว่า เต้น เต้น จัตวา สามัญ สามัญ นั่นคือ 
ท้ายวรรคที่หนึ่ง (วรรคสดับ) ให้ใช้เสียงเต้น เต้น มี เสียงวรรณยุกต์ (เอก โท ตรี จัตวา) หมายความว่า วรรคนี้ ห้ามสดับด้วยเสียงสามัญ
ท้ายวรรคที่สอง (วรรครับ) จะต้องเป็นเสียงจัตวาเท่านั้น ห้ามเสียงอื่น เพราะ จะต้องผันเสียงให้สูง ในเวลาอ่านทำนองเสนาะ
ท้ายวรรคที่สาม(วรรครอง)และท้ายวรรคที่สี่ (วรรคส่ง)  จะต้องเป็นเสียงสามัญ เพราะจะต้องผันเสียงลงใช้เสียงกลาง เวลาอ่านทำนองเสนาะ หรือ ส่งเพลง
และ เมื่อเริ่มบท จะใช้คำเริ่ม ว่า เมื่อนั้น บัดนั้น กล่าวฝ่าย จะกล่าวถึง หรือ คำเริ่มอื่น ๆ ที่ไม่เกิน สี่ พยางค์				
27 มีนาคม 2546 14:27 น.

ด้วง และผีเสื้อ (หนอนด้วง ภาคอวสาน)

ม้าก้านกล้วย

หนึ่งด้วงกว่างอ้างว้างกลางดงดอก
ชงโคชอกใจช้ำร่ำไห้หา
ตำหนิตนต่ำต้อยด้อยปรีชา
ผีเสื้อสาวชาวฟ้ามิกล้ากราย

หนึ่งผีเสื้อเรื่อริ้นรินน้ำตา
การจากลารุนแรงเกินแหนงหน่าย
มิรู้เกณฑ์จากเป็นหรือเร้นตาย
มิรู้ภายภาคหน้าว่าจะเจอ

ด้วงกว่างปีกแข็งโผโล้เล่นลม
เจ็บระบมคลายบ้างว่างและเผลอ
ชอนไชดงชงโค โถ ละเมอ
จำเหลือบรุ้ง มุ่งเหม่อ ถึงเธอนั้น

ผีเสื้อสาว เมียงมอง ลงท้องทุ่ง
หน่ายสังคม ขรมคลุ้ง สูงสนั่น
กรุ่นกลิ่นกาย คลับคล้าย หนอนในฝัน
ก็หุนหัน แสวงหา ว่าคือใคร

พบพานแล้ว พลัดพรากเพื่อ จะพบพาน
สูดลมซ่าน กักสะอื้น กลืนเสียงไห้
ต่างฝ่ายต่าง ผ่านเหงา ต่างเข้าใจ
พบกันใหม่ ฐานะใหม่ ใช่กีดกัน
สองมิตร สองศักดินาเหลื่อม
ซึ่งเอื้อมมือสมานร่วมสานฝัน
เหงามานานผ่านมาหน่ายตั้งหลายวัน
เมื่อพบกันเข้าใจในมิตรแท้ 


(ม้าก้านกล้วย)				
27 มีนาคม 2546 10:12 น.

ลมเอย(กลอนกลวิสูตร สองไข และ สะบัดสะบิ้ง)

ม้าก้านกล้วย

เย็นโอ้เย็น ลมพัด สะบัดสบาย
คลายลมคลาย ร้อนแรง แสลงสงวน
พัดเจ้าพัด ไกวกวัด สำบัดสำนวน
ชวนเจ้าชวน เย็นใจ หทัยหฤษฎ์
พายพระพาย ไหวหวาน ผ่านฝนผ่านหนาว
ผ่าวก็ผ่าว ผ่านร้อน สะท้อนสนิท
คราอุรา เยือกเยียบ เป็นเฉียบเป็นนิตย์
ได้ผ่อนได้ผาย คลายพิษ อุกฤษอุทรณ์
ยามเมื่อยาม เจ้าไกล โหยไห้โหยหวล
คอยฉันคอย ลมครวญ ใจด่วนใจร้อน
ลมเอ๋ยลม ตรมใด อาลัยอาวรณ์
พักเถิดพัก พักก่อน นิทรนิทรา
ร้อนถึงร้อน เพียงไหนนั้น จะกลั้นจะทน
รอฉันรอ ลมมาดล สกลสง่า
แล้งก็แล้ง มินาน ระรานระอา
มีเรี่ยวมีแรง กลับมา ถลาเถลิง
แต่เดี๋ยวแต่ แค่กลมกล่อม ละม่อมละมุน
อย่ามาอย่าหมุน เกรี้ยวกริ้ว อย่าลิ่วอย่าเหลิง
มาพัดมาโถม โหมเปิด กระเจิดกระเจิง
ไม่ร่าไม่เริง เช่นเคย อย่าเฉยอย่าชา
ขอแค่ขอ ให้อ่อนโยน อย่าโลนอย่าหยาบ
ราบนะราบ รอนใจ ไสวสง่า
รักเพราะรัก ลมนะเจ้า เฝ้าหวังเฝ้าว่า
ก็หยุดก็อย่า แกล้งกัน ให้ฉันให้เคือง

 กลอนกลนี้ ชื่อ วิสูตร สองไข คือ ใช้กล สองกล มาเล่น ด้วยกัน กล่าวคือ กลแรก ใช้ วิสูตร(ม่านหน้า) ด้วยกล วิสูตรสองไขหน้า คือ ใช้คำซ้ำ แบ่งได้ สองแบบ คือ คำ สามคำ มี คำคู่ อยู่ หน้า และหลัง ท่อนแรก เรียก วิสูตรหน้าบรรณ  และ ถ้าใช้  4 คำ เล่นคำคู่ แบบ 1 - 3 เหมือนกัน เรียกกล สะบัดหน้า หรือ วุสูตร สองไข 
ส่วน ท่อนที่สาม ใช้ คำแรก คั่น คำใด ๆ แล้วให้ย้ำคำเก่า โดยจะเปลี่ยนลายคำท้าย เรียก สะบัดสะบิ้ง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย